NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 767 เงินเยอะเสียงดัง
“ฉันไม่อยากจะฟังเสียงโอดครวญของแก ก็ยิ่งไม่อยากฟังคำพูดไร้สาระของแกด้วย ตกลงหรือไม่ตกลง?” หลี่ฝางพูดอย่างรำคาญใจ
มู่เสี่ยวไป๋ลังเลอยู่พักหนึ่ง แล้วพูดว่า “ฉันไม่ใช่เจ้านายใหญ่ของตระกูลมู่ ปู่ฉันตากหากที่เป็น เรื่องนี้ฉันจะต้องโทรศัพท์ไปถามปู่ฉันก่อน”
“ฮ่าๆ งั้นแกก็รีบถามตอนนี้เลย”
หลี่ฝางพูดจบ มู่เสี่ยวไป๋ก็เอามือถือออกมา กดหมายเลขโทรศัพท์ของปูตัวเอง
หลังจากที่โทรศัพท์ติดต่อได้แล้ว หลี่ฝางไม่ได้ให้มู่เสี่ยวไป๋พูดคุยเอง แต่กลับแย่งโทรศัพท์มือถือจากมือของมู่เสี่ยวไป๋ แล้วพูดกับมู่เจิ้งถังด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “นายท่านมู่ สวัสดีครับ”
“ไม่ทราบว่าบาดแผลที่ถูกยิงตรงหน้าอก รักษาไปถึงไหนแล้วครับ?” หลี่ฝางพูดพลางยิ้มเล็กน้อย
น้ำเสียงของมู่เจิ้งถัง เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมและตกใจทันที “แกคือหลี่ฝางเหรอ?”
“ไม่ผิดหรอก ฉันเอง” หลี่ฝางพูดพลางพยักหน้า
“มือถือของหลานฉัน ทำไมไปอยู่ในมือแกได้?” มู่เจิ้งถังถามอย่างตื่นตระหนกตกใจ
“เรื่องมันเป็นอย่างนี้ ไม่เพียงแต่โทรศัพท์มือถือของหลานชายคุณอยู่ในมือฉันแล้ว ชีวิตของหลานชายคุณก็ยังอยู่ในกำมือของฉันด้วย เดิมทีฉันก็ว่าจะให้เขาไปอย่างสงบ แต่ว่า มู่เสี่ยวไป๋กลับขอให้ฉันไว้ชีวิตเขา ดังนั้นฉันจึงเสนอข้อตกลงให้เขาหลายข้อ หนึ่งในจำนวนนั้นก็คือจะให้ตระกูลมู่ ต้องมาทำงานให้กับตระกูลหลี่ มู่เสี่ยวไป๋บอกว่าเขาไม่สามารถตัดสินใจได้ ให้ฉันมาถามความเห็นของคุณก่อน ไม่ทราบว่าความเห็นของท่านเป็นอย่างไรครับ?”
หลี่ฝางยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “คุณสามารถที่จะปฏิเสธได้ ฉันก็หวังว่าคุณจะปฏิเสธฉัน อย่างน้อย ฉันก็ยังอยากจะฆ่าหลานชายของท่าน มู่เสี่ยวไป๋นะ”
หลังจากที่หลี่ฝางพูดจบแล้ว มู่เจิ้งถังทางนั้นก็เงียบสงบลง หลี่ฝางพูดอย่างรำคาญว่า “ฉันจะให้เวลาคุณเพียงแค่สิบวินาทีเท่านั้น”
หลี่ฝางไม่ได้ให้เวลามู่เจิ้งถังไตร่ตรองมากนัก หลังจากนั้น หลี่ฝางก็เริ่มนับเวลาถอยหลัง เมื่อนับถอยหลังเสร็จแล้ว หลี่ฝางก็พูดกับมู่เจิ้งถังว่า “คุณยังไม่ตอบเลย ก็แสดงว่าปฏิเสธแล้วใช่ไหม? ดังนั้น ตอนนี้ฉันก็จะฆ่ามู่เสี่ยวไป๋ได้แล้วนะ”
“ปู่ครับ อย่านะครับปู่” ในเวลานี้เองมู่เสี่ยวไป๋ก็รีบตะโกนร้องขึ้นมา ส่วนมู่เจิ้งถังก็ส่งเสียงอย่างเร่งรีบเข้ามาว่า “คุณชายหลี่ ฉันตกลงตามนั้นแล้วกัน”
“ฉันมีหลานชายอยู่แค่สองคน คนหนึ่งก็พิการไปแล้ว ไม่สามารถสืบสกุลต่อไปได้ ส่วนตอนนี้ก็เหลือแค่เสี่ยวไป๋ ถ้าเกิดเรื่องอะไรกับเขาแล้ว ตระกูลมู่ของพวกเรา ก็คงจบสิ้น ทุกอย่างไม่เหลืออะไรอีกเลย ดังนั้น ขอเพียงแต่ให้มู่เสี่ยวไป๋มีชีวิตอยู่รอดปลอดภัย คุณจะให้ตระกูลมู่พวกฉันทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น”
มู่เจิ้งถังพูดด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
หลี่ฝางหัวเราะ มองดูมู่เสี่ยวไป๋แล้วพูดว่า “ปู่แกก็รักแกมากเหมือนกันนะ”
หลังจากที่หลี่ฝางวางโทรศัพท์แล้ว มู่เสี่ยวไป๋ก็ถามอย่างหมดเรี่ยวแรงว่า “คุณชายหลี่ ช่วยบอกข้อตกลงข้อที่ 3 ของท่านด้วย”
หลี่ฝางหัวเราะ ชี้ไปยังชางสู่ แล้วพูดว่า “ฉันต้องการคนคนหนึ่ง นั่นก็คือเขา”
มู่เสี่ยวไป๋ขมวดคิ้ว หลี่ฝางก็พูดต่อไปว่า “เขาฆ่าคนของเฉินฝูเซิง ส่วนฉันก็ตกลงกับเฉินฝูเซิงแล้วว่า จะช่วยแก้แค้นให้กับพี่น้องของเขา”
“ได้” มู่เสี่ยวไป๋ตอบอย่างไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว
ในสายตาของมู่เสี่ยวไป๋แล้ว ไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับชีวิตตัวเขาเองอีกแล้ว ชางสู่คนนี้เป็นแค่คนรับใช้คนหนึ่ง จะมีความสำคัญอะไรกันเล่า?
ชางสู่แสยะยิ้ม มองหน้ามู่เสี่ยวไป๋ สายตาแสดงออกถึงความชั่วร้าย “มีลูกพี่อย่างแก เป็นการตัดสินใจที่โง่เขลา และเสียใจที่สุดในชั่วชีวิตของฉันชางสู่แล้ว”
หลังจากนั้น ชางสู่ก็มองดูหลี่ฝางแล้วพูดว่า “ชีวิตของฉัน ฉันตัดสินใจเองได้ แกอยากได้ชีวิตฉัน ก็ต้องถามความเห็นชอบจากฉันก่อน”
ชางสู่พูดพลางชักปืนออกมา เล็งไปยังหลี่ฝาง “แกคิดจะฆ่าฉัน ก็ต้องถามปืนในมือฉันก่อนว่าเห็นด้วยหรือเปล่า?”
ส่วนลูกน้องของชางสู่ ก็รีบชักปืนออกมาทันที เล็งไปยังศีรษะของหลี่ฝาง
“คุณชายหลี่ คุณอยากจะให้พวกเรากอดคอตายพร้อมกันหมดไหมล่ะ? ฉันไม่เป็นไรอยู่แล้ว ยังไงฉันก็เป็นแค่พวกเดนตายที่พเนจรไปทั่วยุทธภพเท่านั้นเอง แต่ว่าคุณไม่เหมือนกัน คุณคือคุณชายหลี่ คุณชายหลี่ที่อยู่เหนือผู้คนนับหมื่นอยู่ใต้คนเพียงคนเดียวเช่นนี้ ได้ตายพร้อมกับคุณ ก็ถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับพวกเราแล้ว”
ชางสู่พูดอย่างเหยียดหยาม ใบหน้าไม่มีความรู้สึกหวาดกลัวอะไรเลย แต่กลับรู้สึกมีความโชคดีเล็กน้อย
ส่วนมือทั้งสองข้างของโหจื่อ ก็ชักปืนออกมา2กระบอก พวกถังหยู่ซวน ต่างก็ชักปืนออกมา เช่นกัน
“ฉันรู้ว่าแกกับมู่เสี่ยวไป๋ไม่เหมือนกันเลย แกไม่กลัวตาย” หลี่ฝางมองหน้าชางสู่ แล้วยิ้มเล็กน้อย “ดังนั้น แกไปเถอะ”
“จำไว้นะ ไปแล้ว อย่ากลับมาที่นี่อีก” หลี่ฝางมองหน้าชางสู่ แล้วพูดว่า “ฉันก็เคย
รับปากกับหวางเห้าแล้วว่า จะไม่ฆ่าแก”
“นึกไม่ถึงเลยว่า พี่น้องฉันหวางเห้าจะหน้าใหญ่ถึงขนาดนี้เชียว”
ชางสู่ยิ้มอย่างมีเลศนัย ไม่ยอมรับความหวังดีแม้แต่นิดเดียว “แต่ว่า ต่อให้ไม่มีหวางเห้า แกก็ไม่กล้าฆ่าฉันหรอก?”
ชางสู่ถือว่ามีปืนอยู่ในมือ จึงรู้สึกไม่หวั่นเกรงอะไรเลย
คนของพวกชางสู่นั้น ล้วนเป็นพวกเดนตายทั้งนั้น ถึงแม้จะกลัวตาย แต่ก็ไม่อ่อนแอเหมือนกับมู่เสี่ยวไป๋เช่นนี้
ขอแค่ยังมีความหวังเพียงน้อยนิด พวกเขาก็จะรีบไปแย่งชิงมาอย่างไม่คิดชีวิต
ในมือของพวกเขามีปืน จึงไม่ยอมที่จะประนีประนอมด้วย อย่างมากก็แค่ใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน ต่อสู้จนเลือดนองแผ่นดิน เรื่องราวเช่นนี้ ชางสู่ก็เคยทำมามากแล้ว ดังนั้น หลี่ฝางคิดจะเอาชีวิตมาล้อเล่นกับพวกเขา มันไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดเอาเลย
หลี่ฝางส่งสัญญาณให้ซุนจิ้น แล้วพูดว่า “ปล่อยพวกเขาไป”
“เปิดเส้นทางให้พวกเขาเดินออกไปด้วย” หลี่ฝางพูด
ซุนจิ้นพยักหน้า แล้วรีบโบกมือ ให้ลูกน้องตัวเอง เปิดช่องทางให้เดินออกไป
ชางสู่มองหน้าหลี่ฝาง แล้วค่อยๆถอยหลังอย่างระมัดระวัง “พวกเราไป”
ชางสู่เริ่มค่อยๆเดินจากไป หลี่ฝางมองดูชางสู่ ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “หวังว่าแกคงเดินทางไปสู่ที่ชอบที่ชอบนะ”
รอให้คนพวกชางสู่ ขึ้นรถตัวเองไปแล้ว หลี่ฝางก็เอามือถือออกมา โทรศัพท์ไปให้เฉินฝูเซิง
“อุปกรณ์ติดตามตัวได้ติดตั้งไว้ในรถเขาแล้ว ที่เหลือก็มอบให้แกจัดการแล้วกัน”
หลี่ฝางพูดว่า “จะแก้แค้นได้หรือไม่ ก็อยู่ที่ความสามารถของพวกแกแล้วนะ”
ตอนแรกที่หลี่ฝางตกลงกับเขานั้น ก็คือช่วยสร้างโอกาสให้กับพวกเขา
เฉินฝูเซิงคนรับสายทางนั้นพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ขอบคุณครับ คุณชาย”
“อย่าเพิ่งด่วนดีใจไป ในมือของพวกเขา ล้วนแต่มีปืนทั้งนั้น หาโอกาสที่เหมาะสมค่อยลงมือ ช่วงเวลากระชั้นชิดอย่างนี้ พวกเขาคงยังไม่ทันได้สังเกตเห็นว่ารถของตัวเองถูกติดตั้งระบบGPSไว้แล้ว”
หลี่ฝางพูด
เฉินฝูเซิงพยักหน้า พูดอย่างเรียบๆว่า “ไม่ต้องกลัว ในมือพวกเขามีปืน ในมือพวกเราก็มีเหมือนกัน”
เฉินฝูเซิงพูดจบ ก็วางสายไป
ส่วนหลี่ฝางก็เดินมาถึงตรงหน้าของมู่เสี่ยวไป๋ มู่เสี่ยวไป๋กัดฟันไว้แน่น พูดด้วยสีหน้าที่อดกลั้นว่า “เอาล่ะ คุณชายหลี่ ตอนนี้คุณลงมือได้แล้ว”
“ลงมือ? ลงมืออะไรเหรอ?” หลี่ฝางหัวเราะ
มู่เสี่ยวไป๋ฉงงชั่วครู่ พูดด้วยท่าทีแข็งทื่อว่า “ไม่ใช่ตกลงกันแล้วเหรอ ว่าจะหักขาทั้งสอง ข้างของฉันไง?”
“ใช่แล้ว ฉันเตรียมตัวจะมาหักขาทั้งสองข้างของแก แต่เรื่องนี้ ฉันยังไม่รีบร้อนเท่าไหร่ อย่างน้อยฉันก็ต้องให้เวลาแกไปซื้อรถเข็นนะ ส่งสินค้าผ่านทางออนไลน์ ก็ยังต้องการใช้เวลาไม่ใช่เหรอ? ยังไงล่ะ แกรีบร้อนมากเหรอ? ถ้ารีบร้อนนัก ฉันลงมือตอนนี้ก็ได้นะ” หลี่ฝางหัวเราะ
มู่เสี่ยวไป๋รีบส่ายหน้า “ไม่รีบ ไม่รีบ ยิ่งลงมือช้ายิ่งดี”
ในใจมู่เสี่ยวไป๋ก็ย่อมไม่อยากให้หลี่ฝางลงมือ เพราะว่ายิ่งยืดเวลาออกไปเท่าไร ก็จะเป็นประโยชน์ต่อเขามากขึ้น เผื่อว่าเวลาไหน หลี่ฝางอาจเกิดเปลี่ยนใจก็ได้ไม่ใช่เหรอ?
หลี่ฝางพูดว่า “ฉันเก็บแกไว้ ก็ยังได้ใช้ประโยชน์บ้าง”
“นับตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป แกก็คือคนของฉันแล้ว ดังนั้น จะต้องช่วยฉันทำงานสักอย่างหนึ่ง” หลี่ฝางพูดอย่างเยือกเย็น
มู่เสี่ยวไป๋รีบถามขึ้นว่า “คุณชายหลี่จะให้ฉันทำอะไรเหรอ?”
หลี่ฝางมองดูมู่เสี่ยวไป๋ แล้วหัวเราะ “ช่วยฉันไปทุบทำลายพวกร้านค้าสักหน่อยสิ”
หลังจากที่เฉินฝูเซิงจากไปแล้ว แหล่งที่ทำกินของเขา ก็ว่างลงทันที คนของท่านจวนพวกนั้น จะต้องฉวยโอกาสเข้าไปสวมรอยแทนที่อย่างแน่นอน
ดังนั้น หลี่ฝางจึงได้คิดวิธีจัดการออกมา นั่นก็คือ ใช้วิธีกระจายกำลังแบบกลยุทธ์ล้อมเว่ยช่วยจ้าว(เป็นพิชัยสงครามซุนจื่อ จู่โจมฐานทัพของศัตรูเพื่อบัคับให้ศัตรูล่าถอย
หลี่ฝางมองดูฝูงชนพวกนั้นแล้วพูดว่า “ฉันรู้นะว่า ในกลุ่มพวกแกข้างในนี้ มีส่วนหนึ่งเป็นคนของมู่เสี่ยวไป๋ และยังมีอีกส่วนหนึ่งเป็นคนที่ท่านจวนส่งมาช่วยเสริมกำลัง แต่ฉันเชื่อว่า พวกแกทุกคนก็ล้วนแต่ออกมาหาเงินเลี้ยงปากท้องทั้งนั้น ไม่ใช่เชื้อสายตระกูลเดียวกับท่านจวน ดังนั้นแล้ว ฉันคิดจะให้โอกาสพวกแกกลับเนื้อกลับตัวใหม่ พวกแกก็เห็นแล้วใช่ไหม ตอนนี้ฉัน มีกำลังคนแข็งแกร่งและสมบัติมากมาย ในสังคมสมัยนี้ ผู้รู้สถานการณ์ย่อมเป็นผู้เป็นเลิศ ถ้าพวกแกยอมสลัดตัวออกจากลูกพี่คนก่อนหน้านี้ แล้วมาติดตามฉันแล้วล่ะก็ ผลประโยชน์ที่ท่านจวนให้กับพวกแก ฉันจะเพิ่มเป็นเท่าตัว ใครที่สมัครใจยอมมาอยู่กับฉัน ก็ให้อยู่ที่นี่ แต่ถ้าใครไม่สมัครใจจะอยู่กับฉัน ก็ออกไปจากที่นี่ตอนนี้ได้เลย”
“เอาล่ะ พวกแกก็ตัดสินใจเลือกกันได้แล้ว ซุนจิ้น เปิดเส้นทางเดินออกไป ให้คนที่ไม่อยากอยู่กับพวกเรา ออกไปจากที่นี่” หลี่ฝางพูดอย่างเรียบง่าย
ส่วนคนที่อยู่ในฝูงชนพวกนี้ จะมีใครบ้างเล่าที่จะกล้าเดินจากไป?
พวกเขาไม่ได้เชื่อคำพูดของหลี่ฝางแม้แต่นิดเดียว หากมองในแง่ร้าย ถ้าตัวเองเดินจากไป แล้วจะถูกปล่อยให้จากไปอย่างปลอดภัยจริงเหรอ? ไม่แน่ว่าหากเดินพ้นจากหน้าประตูทางออกนี้ไป ก็ถูกฆ่าตายแล้วละมั้ง?
หลี่ฝางมองดูคนกลุ่มนั้น แล้วพูดว่า “ในเมื่อพวกแกทุกคนไม่อยากจากไป งั้นก็หมายความว่า พวกแกก็เหมือนมู่เสี่ยวไป๋ ยอมที่จะมาอยู่กับฉันที่นี่ใช่ไหม?”
“ฮ่าๆ ในเมื่อเป็นเช่นนั้นล่ะก็ มาเลย หยิบบัตรประชาชนของพวกแกออกมา ให้ฉันลงทะเบียนหน่อย ที่นี่ใช้ระบบสมัครสมาชิก คนที่ไม่มีบัตรประชาชน หรือไม่ได้พกประชาชนมา ก็อยู่ที่นี่ชั่วคราวไปก่อน พวกที่พกบัตรประชาชนมา วันนี้ช่วยฉันทำงานชิ้นหนึ่ง หลังจากเสร็จงานแล้ว ทุกคนจะได้รับเงินค่าตอบแทนคนละหนึ่งหมื่นหยวน” หลี่ฝางพูด
เมื่อได้ยินค่าตอบแทนหนึ่งหมื่นหยวน คนพวกนี้ก็ล้วนเปลี่ยนเป็นครึกครื้นดีอกดีใจขึ้นมา เมื่อกี้ยังซึมเศร้าไม่สบายใจอยู่เลย
ก็อย่างที่หลี่ฝางพูดเมื่อครู่ว่า พวกเขาออกมาทำงานเป้าหมายสุดท้าย ไม่ใช่เพราะหาเงินหรอกหรือ?
ในเมื่อหลี่ฝางทางนี้ให้สวัสดิการมากกว่าท่านจวนทางนั้นถึงสองเท่า พวกเขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปอยู่กับท่านจวนอีกไม่ใช่เหรอ?
หลี่ฝางมองดูซินปา แล้วพูดว่า “มา เริ่มลงทะเบียนบัตรประชาชนกันได้เลย จากนั้นก็ให้เงินไป”
ซินปาพยักหน้า ก็เริ่มปฏิบัติการทันที
ในวินาทีนี้เองคนพวกนี้จึงได้เข้าใจแจ่มแจ้งกับคำว่าเงินเยอะเสียงดังมันเป็นเช่นไร หลังจากรอให้ขั้นตอนการทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลี่ฝางก็นับยอดจำนวนคน มีเก้าส่วนขึ้นไปที่พกบัตรประชาชนติดตัวมาด้วย
หลี่ฝางหัวเราะ “ตอนนี้ออกจากบ้านทุกครั้ง ก็ต้องพกบัตรประชาชนแล้วใช่ไหม? ฉันยังคิดว่า พวกแกมีเกินครึ่งที่ไม่พกบัตรประชาชนเสียอีก”
“บัตรประชาชนพวกนี้เป็นเหมือนส่วนหนึ่งของพวกเราไปแล้ว ถ้าไม่พกบัตรประชาชนติดตัวไว้ เวลาที่พวกเรานัดกับอีหนูไว้ ก็จะทำให้เสียโอกาสไม่ใช่เหรอ? โรงแรมทุกแห่ง ก็ต้องรูดบัตรประชาชนทั้งนั้น จึงจะเข้าไปพักได้” ไอ้แสบคนหนึ่งพูดขึ้น
หลี่ฝางพยักหน้าแล้วพูดว่า “ได้ ตอนนี้พวกแกก็รับเงินฉันไปแล้ว ก็ต้องไปช่วยฉันทำงานชิ้นหนึ่ง คิดว่าพวกแกคงจะเข้าใจดีแล้วนะ ตอนนี้ในเมืองเองก็ได้แบ่งคนออกเป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจนแล้ว ฝ่ายหนึ่งคือฉัน อีกฝ่ายหนึ่งก็คือท่านจวน”
“ดั่งคำพูดที่ว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ ดังนั้น พวกเราสองคน จำเป็นที่จะต้องแยกให้ชัดเจนว่าใครอยู่เหนือใครกันแน่ แต่ว่าคนอย่างฉัน แยกแยะการตอบแทนและการลงโทษอย่างชัดเจน ขอเพียงแต่ทำงานให้กับฉัน ฉันใช้งานพวกแกครั้งหนึ่ง ก็จะจ่ายเงินให้พวกแกครั้งหนึ่ง หวังว่าพวกแกคงไม่เอาเงินฉันไปเปล่าๆ ต้องช่วยฉันหาเงินกลับมาด้วย ดังนั้นหน้าที่รับผิดชอบงานคราวนี้ของพวกแก ก็คือไปช่วยฉันทุบทำลายข้าวของ”
“พวกแกคนที่อยู่ในนี่ มีจำนวนมากที่เป็นคนของทางท่านจวน ดังนั้น สำหรับรายละเอียดธุรกิจการค้าของเขา ย่อมต้องรู้ดีกว่าฉันมาก และเข้าใจสภาพภายในของพวกเขามากกว่าฉัน ร้านค้าไหนที่มีราคาแพง คนไหนเป็นคนสำคัญของร้านค้านั้น พวกแกสามารถทุบทำลายอะไรก็ทำไปเลย ทำให้ท่านจวนเกิดความเสียหายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้”
หลี่ฝางพูดว่า “คำพูดของฉัน พวกแกฟังเข้าใจหรือยัง? ถ้าใครคิดว่าตัวเองสามารถทำผลงานได้ดีเยี่ยม ทำให้ท่านจวนฉิบหายวายวอดได้ ก็ถ่ายรูปเก็บเอาไว้เป็นหลักฐาน ถึงเวลามารับรางวัลจากฉันที่นี่ วางใจเถอะ ฉันหลี่ฝางไม่มีอะไรหรอก นอกจากมีเงิน”
“คุณชายหลี่ห้าวหาญยิ่งนัก”
“คุณชายหลี่เรืองอำนาจ”
หลังจากที่หลี่ฝางจบแล้ว คนเหล่านี้ก็ตื่นเต้นคึกคักขึ้นมาทันที หลี่ฝางหัวเราะแล้วพูดว่า “ดีแล้ว ทุกคนเริ่มปฏิบัติงานได้ ฉันหวังว่าหลังจากผ่านคืนนี้ไปแล้ว ธุรกิจการค้าทุกอย่างของท่านจวน จะต้องตกอยู่ในสภาพอัมพาตไปทั้งหมด”
“ซุนจิ้น แกพาคนของพวกเขาไปช่วยด้วย”
หลี่ฝางพูดพลางมองหน้าซุนจิ้น
ซุนจิ้นพยักหน้าแล้วพูดว่า “วางใจเถอะ คุณชายหลี่ ฉันรู้ว่าฉันควรจะทำอย่างไร”
หลี่ฝางก็โบกมือ พื้นที่ภายในไนต์คลับทั้งหมด ก็เปลี่ยนเป็นที่ว่างเปล่าในทันใด หลี่ฝางตบไหล่มู่เสี่ยวไป๋แล้วพูดว่า “คราวนี้แกจะต้องเป็นคนบัญชาการหลัก ออกไปได้แล้ว ฉันอยากให้มู่หรงฉางเฟิงและท่านจวน มองเห็นว่าแกเป็นคนบัญชาการสั่งการทุกอย่าง”