NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 771 พ่อฉันคือหลอซ่า
หลี่ฝางยิ้มเล็กน้อย สายตาส่องประกายเหยียบหยาม
เดิมทีนึกว่าผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางคนนี้หลังจากที่เสียเปรียบเมื่อครู่แล้ว น่ามีความคิดขึ้นมาได้บ้าง……
ใครจะไปรู้ว่า ผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางคนนี้จะโง่เขลาได้ถึงเพียงนี้……
หลี่ฝางก้าวเท้าด้วยความว่องไว เข้ามาอยู่ตรงหน้าผู้ชายที่สวมเสื้อลายพราง จากนั้นก็ตบด้วยฝ่ามือเข้าไปอย่างแรง
ภายใต้ค่ำคืนที่มืดมิด เงาร่างของหลี่ฝาง ราวกับภูตผีปีศาจ ผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางรู้สึกแต่เพียงว่ามีลมพัดผ่านข้างกายไป แม้แต่เงาคนก็ยังไม่ได้เห็นเลย
เพียงแต่ว่า ผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางรู้สึกถึงความเจ็บปวด แผ่ซ่านออกมาจากตรงบริเวณหน้าอก
เสียงดังแก๊กๆ…….
เสียงแผ่วเบาเล็กๆ ดังแว่วมาจากภายในร่างกายของผู้ชายที่สวมเสื้อลายพราง
ส่วนไอ้เด็กซนในเวลานี้กำลังหยิบบุหรี่หนึ่งมวนออกมา คาบอยู่ในปากของตัวเอง ก็ยังไม่ทันเห็นฉากนี้ เขากำลังจะหันหน้ากลับไปขอจุดไฟบุหรี่จากลูกน้องพอดี
หารู้ไม่ว่า ร่างของผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางนั้นลอยละลิ่วขึ้นมาทั้งตัว แล้วตกลงมายังไอ้เด็กซน
โชคดีที่ไอ้เด็กซนหลบได้ทัน จึงไม่ถูกทับ……
ไอ้เด็กซนมองดูผู้ชายที่สวมเสื้อลายพราง ถามด้วยเสียงเย็นชาว่า “ไอ้บัดซบ เรื่องอะไรกันแน่?”
นี่แค่หันหลังกลับไปจุดบุหรี่ แกทำไมก็ล้มลงมาแล้วเหรอ?
ไอ้เด็กซนมองดูผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางอย่างไม่น่าเชื่อ ถามด้วยความประหลาดใจอย่างมาก แต่ว่าไม่ได้รับคำตอบจากผู้ชายที่สวมเสื้อลายพราง เพราะว่าตอนนี้ผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางนั้น เอ็นกระดูกหลายเส้นถูกหลี่ฝางตบด้วยฝ่ามือจนแตกหักไปหมด
ตอนนี้ผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางนั้น เจ็บปวดไปทั่วร่างจนพูดอะไรไม่ออก
ส่วนไอ้เด็กซนมองหน้าหลี่ฝาง ปากคาบบุหรี่ไว้พูดอย่างเย็นชาว่า “แม้ง ไอ้เด็กเวรแกใช้ท่าเพลงอะไรกันแน่?”
หลี่ฝางไม่ได้พูดอะไร ก้าวเท้าเดินข้ามไปหา ส่วนไอ้เด็กซนก็ไม่ได้เกรงกลัวอะไร อย่างน้อย เขารู้จักหลี่ฝางจนทะลุปรุโปร่งแล้ว “รนหาที่ตายเหรอ? ฮ่าๆ งั้นฉันก็ส่งเสริมให้แกแล้วกัน”
ไอ้เด็กซนเคยสืบหาข้อมูลของหลี่ฝางมาก่อน ตั้งแต่ตอนที่หลี่ฝางยังอยู่มัธยมแล้ว ก็ได้ติดตามเขามาโดยตลอด
พูดได้เลยว่า การกระทำของหลี่ฝางทุกย่างก้าวก็อยู่ในสายตาของไอ้เด็กซนตลอดมา
แล้วตอนนี้ ไอ้เด็กซนจะไปเกรงกลัวหลี่ฝางได้อย่างไรกันล่ะ?
ทั้งสองคนต่างพุ่งเข้าหากัน เพียงแค่การประมือกันปกติธรรมดา แต่ใบหน้าของไอ้เด็กซน ก็เริ่มเปลี่ยนสีทันที
ไอ้เด็กซนเดิมทียังมีความมั่นใจล้นเหลือ นึกว่าฝ่ามือของตัวเอง สามารถตบหลี่ฝางให้ล้มลงกับพื้นได้ ทำให้เขาไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้อีก
แต่ว่าหารู้ไม่ว่า ฝ่ามือของตัวเอง ไม่เพียงแต่หลี่ฝางจะหลบหลีกแก้ไขได้อย่างง่ายดาย
อีกทั้งมือทั้งสองข้างของตัวเอง ตอนนี้ยังไม่หยุดสั่นเลย
ไอ้เด็กซนกลืนน้ำลายเฮือก นี่มันเหมือนเห็นผีเลย
“แกเป็นหลี่ฝางจริงหรือเปล่า?” มองดูหลี่ฝาง ไอ้เด็กซนถามอย่างเยือกเย็นว่า “ทำไมไม่เห็นหน้าแค่ไม่กี่วัน แกก็เปลี่ยนเป็นเก่งกาจขนาดนี้เลยหรือ?”
ไอ้เด็กซนไม่อยากจะเชื่อ ตอนนี้หลี่ฝาง เหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคนอย่างสิ้นเชิง
หลี่ฝางไม่ได้ตอบ ก้าวเท้าดีดตัวขึ้น มุ่งไปตรงหน้าของไอ้เด็กซน กระโดดขึ้นมาเตะไปหนึ่งที ไอ้เด็กซนใช้แขนทั้งสองข้างกันเอาไว้ แต่ว่าไม่สามารถป้องกันไว้ได้
การจู่โจมของหลี่ฝาง มันแข็งแกร่งเกินไป
การเตะของหลี่ฝางครั้งนี้ ทำให้ร่างของไอ้เด็กซนกระเด็นออกไปหลายเมตร ไอ้เด็กซนตกลงบนพื้นอย่างแรง บริเวณหน้าอกสะท้านไปหมด
“ท่านจวนอยู่ไหน?”
หลี่ฝางมองหน้าไอ้เด็กซน แล้วถามอย่างเย็นชา
หลี่ฝางมองดูไอ้เด็กซนอย่างผู้ชนะ แล้วพูดว่า “บอกฉันมาว่า ท่านจวนอยู่ไหน ฉันอาจจะปล่อยแกไปก็ได้”
“ฉันไม่บอกแกหรอก”
ไอ้เด็กซนพูดอย่างเยือกเย็น ใบหน้าแสดงถึงความเด็ดเดี่ยว
หลี่ฝางหัวเราะแล้วพูดว่า “ดี มีอุดมการณ์แน่วแน่ ฉันชื่นชอบความแน่วแน่ในอุดมการณ์ของแก เอาอย่างนี้ไหม มาอยู่กับฉันดีกว่าไหม?”
“แกฝันไปเถอะ”
ไอ้เด็กซนพูดอย่างเย็นชา สีหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บแค้น หลี่ฝางหัวเราะ “ฉันก็แค่พูดเล่นเท่านั้นเอง เศษสวะอย่างแก ต่อให้มายกน้ำล้างเท้าให้ฉัน ฉันก็ยังรู้สึกว่าแกยังไม่คู่ควรเลย แล้วเป็นไปได้ยังไงที่จะรับแกไว้ล่ะ?”
“ในเมื่อแกไม่ยอมบอกฉันว่าท่านจวนอยู่ไหน ถ้างั้น แกก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้วสิ”
หลี่ฝางยกขาขึ้นมา เตะไปยังก้านคอของไอ้เด็กซนอย่างแรง
เสียงดังแก๊ก ศีรษะของไอ้เด็กซนก็หมุนรอบคอ หลับตาตายแน่นิ่งไปเลย
เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นลูกน้องของไอ้เด็กซน หรือว่าผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางพวกนั้นก็ตาม ต่างก็ตื่นตกใจกับการกระทำของหลี่ฝาง ที่เมื่อพูดจาฟังไม่เข้าหูก็สังหารคนทันที
นี่มันไม่ใช่พฤติกรรมของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง
ความโหดเหี้ยมเช่นนี้ มันเหมือนคนที่โหดเหี้ยมอำมหิตในยุทธภพอย่างไม่ต้องสงสัย
หลี่ฝางเดินมาตรงหน้าผู้ชายที่สวมเสื้อลายพราง มองหน้าผู้ชายที่ใส่เสื้อลายพรางแล้วถามว่า “ฉันถามแกหน่อย ท่านจวนอยู่ไหน?”
ผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางมองดูหลี่ฝางด้วยสีหน้าหวาดกลัว แล้วส่ายหัว
ได้เห็นฉากการตายของไอ้เด็กซนก่อนหน้านี้เป็นตัวอย่างแล้ว เขาย่อมไม่กล้าที่จะพูดโกหกแน่นอน เพียงแต่ว่า เขาไม่รู้ว่าท่านจวนอยู่ที่ไหนจริงๆ อย่างน้อย คนอย่างท่านจวนคนนี้ ล่องลอยการเคลื่อนไหวแปลกประหลาดมาโดยตลอด โดยปกติแล้ว ก็มีไอ้เด็กซนที่คอยดูแลปรนนิบัติเขาอยู่เพียงคนเดียว
ก่อนหน้านั้น ท่านจวนก็เข้าออกในวิลล่าจูเซียน มาโดยตลอด แต่ตอนนี้วิลล่าจูเซียนถูกปิดไปแล้ว ดังนั้น ท่านจวนก็ไม่น่าจะอยู่ที่นั่นแล้ว
“ฉันไม่รู้จริงๆ” ผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางมองไปยังหลี่ฝาง ส่ายหัวด้วยความหวาดผวา ถ้าเขารู้ เขาจะต้องบอกหลี่ฝางอย่างแน่นอน อย่างน้อย เขาก็ยังไม่อยากตาย
ส่วนหลี่ฝางก็พยักหน้า แล้วพูดว่า “ฉันเชื่อแก แต่ว่า สำหรับเศษสวะที่ไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่างเลย ฉันจะเอาไว้ทำซากอะไรล่ะ?” พูดจบ หลี่ฝางก็ยกขาขึ้นมาอีกครั้ง เตะไปที่ก้านคอของผู้ชายที่สวมเสื้อลายพราง
หลังจากที่สังหารคนไปติดต่อกันสองคนแล้ว หลี่ฝางก็ค่อยๆสงบลงมา
ทันใดนั้น หลี่ฝางรู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากทีเดียว
นาทีนี้เอง หลี่ฝางก็เข้าใจแล้วว่า การดัดแปลงพันธุกรรมของตัวเอง ประสบความสำเร็จอย่างมาก
ตัวเองสามารถกลายเป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง เปี่ยมไปด้วยพละกำลังอันมหาศาล
แต่ว่า หลี่ฝางยังไม่รู้จักการใช้ประโยชน์จากพละกำลังพวกนี้เลย
ในเวลานี้เอง มีรถคันหนึ่ง ขับตรงเข้ามาจากทางไกล มีผู้ชายใส่ชุดขาวคนหนึ่ง เดินลงมาจากรถ
“ชายน้อยล่ะ?”
คนนี้ก็คือคุณหมอถัง เขามีความสัมพันธ์อันดีกับไอ้เด็กซน ในช่วงเวลาที่ผ่านมาไอ้เด็กซน ได้อาศัยคุณหมอถัง ทำกำไรจากการค้าที่สกปรกไม่น้อยทีเดียว
แน่นอนที่คุณหมอถังคนนี้ ก็ได้อาศัยไอ้เด็กซน ร่ำรวยขึ้นมาเช่นกัน
หลี่ฝางหรี่ตามองเขาแล้วถามว่า “แกเป็นใคร?”
“ฉันแซ่ถัง เป็นหมอคนหนึ่ง แต่ว่าฉันไม่ได้ทำแล้ว ลาออกแล้ว แฮๆ ชายน้อยโทรศัพท์เรียกฉันมา บอกว่าที่นี่มีไตจำนวนมหาศาล ต้องการขายให้ฉัน” คุณหมอถังมองไปยังหลี่ฝางแล้วถามว่า “แล้วคนพวกนั้นล่ะ?”
คุณหมอถังมองเห็นผู้คนจำนวนมากมายเช่นนี้ เขาก็มั่นใจแล้วว่า ตัวเองน่าจะมาไม่ผิดที่แน่นอน
หลี่ฝางชี้ไปยังคนของไอ้เด็กซน แล้วพูดว่า “พวกนี้ไง”
“พวกเขาเหรอ?”
คุณหมอถังหัวเราะแล้วพูดอย่างเคอะเขินว่า “อย่าพูดล้อเล่นไปสิ คนพวกนี้ ฉันเคยเห็นแล้วทั้งนั้น พวกเขาเป็นคนของชายน้อย ต่อให้ฉันคนแซ่ถังคนนี้ใจกล้าขนาดไหน ก็ไม่กล้าลงมือกับคนของชายน้อยหรอกนะ”
หลี่ฝางหัวเราะตาม มองหน้าคุณหมอถัง แล้วพูดว่า “แกจะมาหาไอ้เด็กซนใช่ไหมล่ะ?”
หลี่ฝางรู้ว่า ชายน้อยที่คุณหมอถังคนนี้เอ่ยปากพูดถึงนั้น ต้องหมายถึงไอ้เด็กซนอย่างแน่นอน หลี่ฝางโบกมือ ไอ้เด็กซนก็ถูกหามเข้ามา ส่วนคุณหมอถังเมื่อเห็นไอ้เด็กซนตายไปแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นขาวซีดขึ้นมาทันที ก้าวถอยหลังไปด้วยความตกใจ
“ในเมื่อชายน้อยตายไปแล้ว งั้นฉันก็ขอไปก่อนนะ”
คนฉลาดอย่างคุณหมอถัง เมื่อเห็นเหตุการณ์ไม่ชอบมาพากล
เรื่องราวในยุทธภพนั้น พลิกผันแปรเปลี่ยนได้ตลอดเวลาจึงไม่ใช่เรื่องแปลก เมื่อกี้ไอ้เด็กซนโทรศัพท์มาหาเขาตอนนั้นเป็นอีกสถานการณ์หนึ่ง แต่ตอนนี้ก็กลายเป็นอีกสถานการณ์หนึ่งไปแล้ว
คุณหมอถังรู้ดีว่า ไอ้เด็กซนตายไปแล้ว ส่วนคนที่อยู่ฝ่ายตรงข้าม ก็ย่อมต้องเป็นฝ่ายชนะ
แต่ว่าคุณหมอถังกำลังหันหลังกลับ ก็ถูกคนขวางไว้แล้ว
หลี่ฝางหัวเราะแล้วพูดว่า “คุณหมอถัง แกอย่ามาเสียเที่ยวเลย ฉันได้ข่าวมาว่า ก่อนหน้านั้นแกร่วมมือกับไอ้เด็กซน เงินกำไรที่หามาได้ แบ่งกันห้าสิบห้าสิบ ยังไงล่ะ ตอนนี้ไอ้เด็กซนตายแล้ว คุณหมอถังไม่คิดที่จะหาเงินอีกแล้วเหรอ?”
คุณหมอถังยิ้มอย่างเคอะเขิน
หลี่ฝางพูดต่อไปว่า “หาเงินกับใครก็เหมือนกันทั้งนั้นแหละ เป็นไงล่ะ แกร่วมมือกับไอ้เด็กซนได้ แล้วทำไมจะร่วมมือกับฉันไม่ได้ล่ะ?”
คุณหมอถังพยักหน้า แล้วพูดว่า “ยังไม่ทราบเลยว่า คุณชายท่านนี้ ท่านคือ?”
“ฉันชื่อหลี่ฝาง” หลี่ฝางพูด
ในหน้าคุณหมอถังเต็มไปด้วยความสงสัย แน่นอนเขาไม่รู้หรอกว่าหลี่ฝางคือใคร หลี่ฝางขมวดคิ้วมองหน้าคุณหมอถังแล้วพูดต่อไปว่า “ถ้าแกไม่รู้จักว่าฉันเป็นใคร งั้นฉันบอกแกก็ได้ว่าพ่อฉันเป็นใคร”
“พ่อฉันชื่อหลอซ่า ฉันคิดว่าคนนี้ แกน่าจะรู้จักไม่ใช่เหรอ?”
หลี่ฝางพูดอย่างเรียบๆ
ทันใดนั้น คุณหมอถังก็สะดุ้งไปทั้งตัว ใบหน้าเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวอย่างมาก เขามองดูหลี่ฝางด้วยความหวาดผวา “คุณก็คือลูกชายคนนั้นของหลอซ่าเหรอ?”
คุณหมอถังกลืนน้ำลาย แล้วพูดว่า “ได้ ฉันตกลงร่วมมือกับคุณ”
“แล้วแบ่งกันยังไงล่ะ?”
คุณหมอถังถาม