NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 777 ความในใจของท่านจวน
หม่าเฟิงมองไปยังหวางเชาที่อยู่บนพื้น
ถ้าหากมีแต่ตัวเขาคนเดียว หม่าเฟิงก็จะไม่ลังเลอะไรทั้งสิ้น เขาจะต้องใช้ความตายพิสูจน์ตัวเองแล้ว
“พี่ใหญ่ ยังจำคำพูดพวกเราก่อนออกมาไหม? พวกเราสี่คนพี่น้องไม่ขอเกิดในวันเดือนปีเดียวกัน แต่ขอตายพร้อมกันในวันเดือนปีเดียวกัน จางหลงกับเฉินเสี่ยวก็ตายไปแล้ว พวกเราสองคน อยู่ต่อไปจะมีความหมายอะไรอีกล่ะ?”
หวางเชาพูดด้วยน้ำเสียงไม่แยแส ไม่สะทกสะท้านต่อความเป็นความตายนานแล้ว
“อีกอย่างหนึ่งคือ ต่อให้พวกเขาปล่อยพวกเราไป พวกเราจะมีทางไหนให้เดินได้อีกล่ะ?”หวางเชาพูด
พวกเขาติดตามท่านจวนมาชั่วชีวิตแล้ว ตอนนี้ ข้อเสนอของลุงเฉียนที่จะไว้ชีวิตพวกเขา ก็คือไม่ให้พวกเขาทำงานถวายชีวิตท่านจวนอีกต่อไป
งั้นพวกเขายังเหลือทางเดินอะไรให้เดินได้อีก?
ออกไปจากเมืองเอกเหรอ?
แน่นอนด้วยความสามารถของพวกเขาสองคน ไม่ว่าจะไปที่ไหน ก็สามารถมีชีวิตที่ดีได้ทั้งนั้น
เพียงแต่ว่าท่านจวนจะปล่อยพวกเขาไปไหม?
ถ้าหากพวกเขาหนีไป ก็เป็นการลี้ภัยแล้ว ยังต้องพาครอบครัวไปด้วย……..
หม่าเฟิงถอนหายใจ มองหน้าลุงเฉียน “ฆ่าพวกเราเสียเถอะ”
สีหน้าลุงเฉียนรู้สึกเสียดาย สำหรับหม่าเฟิงคนนี้ก็ไม่ใช่เป็นคนเลว พูดตามจริงแล้ว ก็คือติดตามผิดคนเท่านั้นเอง”
“ใช่แล้ว จำไว้อย่าพูดกับหลอซ่า เรื่องที่ฉันยังมีชีวิตอยู่”
หม่าเฟิงพูดขึ้นกะทันหัน ราวกับว่าเป็นคำสั่งเสียของตัวเอง
ลุงเฉียนโบกมือ ดูเหมือนเป็นการอำลาครั้งสุดท้าย ในขณะที่โหจื่อกำลังเตรียมพร้อมจะยิงปืนออกไปนั้น ฝูงชนจำนวนมากมาย บุกขึ้นมาจากไหล่เขาข้างล่าง
พวกเขา พวกเขาคงรออยู่นานแล้ว
เมื่อคนกลุ่มนี้มาถึงตรงหน้าลุงเฉียนแล้ว พวกเขาก็หยุดเดิน จากนั้นก็แหวกเป็นเส้นทางเดินออกมา
ส่วนท่านจวนนั้น มือถือคฑาหัวมังกร ค่อยๆเดินขึ้นมาข้างหน้า
“ท่านจวน…….”
เมื่อเห็นท่านจวนแล้ว หม่าเฟิงและหวางเชาก็พูดทักทายขึ้นมาพร้อมกัน ทั้งสองคนก้มหน้าลง สีหน้าเหมือนคนที่ทำความผิดไว้
พวกเขาไม่ได้ทำหน้าที่ที่ท่านจวนมอบหมายให้สำเร็จ ในใจก็ย่อมรู้สึกละอายแก่ใจเป็นธรรมดา
ท่านจวนตอบรับด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แล้วพูดว่า “ถอยออกไปเถอะ”
“ท่านจวน พวกเราสมควรตาย ไม่ได้ทำหน้าที่ตามที่ท่านมอบหมายมาให้สำเร็จ” หม่าเฟิงพูด
ท่านจวนพูดด้วยสีหน้าไม่ติดใจว่า “พวกแกก็ทำสุดฝีมือแล้ว พวกเราฝีมือสู้คนอื่นไม่ได้ ไม่มีอะไรที่จะต้องกล่าวโทษกัน พวกแกก็ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก อย่างน้อยการแพ้ชนะก็เป็นเรื่องธรรมดาของนักรบอยู่แล้ว”
“เขาเอาศพของจางหลงและเฉินเสี่ยวกลับไป ทำพิธีฝังอย่างมีเกียรติ”
“อีกอย่าง ไปหาหมอมารักษาหม่าเฟิงด้วย”
ท่านจวนพูดจบก็เดินมาข้างหน้า มองดูลุงเฉียน “เจ้าเฉียน แกออกมาอยู่ข้างนอกแบบนี้ งั้นท่านลู่จะทำยังไงล่ะ?”
ลุงเฉียนหรี่ตายิ้ม “ฉันเข้าใจดี เป้าหมายครั้งนี้ของแก ก็คือทำเรื่องวุ่นวายไปทั่ว ส่งหม่าเฟิงพวกเขามาจัดการพวกเรา ความจริงแล้ว เป้าหมายที่แท้จริงของแก ไม่ใช่เพื่อมาฆ่าพวกเรา แต่ว่าจะล่อให้พวกเราออกมา จากนั้นก็ส่งคนเข้าไปช่วยท่านลู่ออกมาใช่ไหมล่ะ?”
“ระเบิดประตูทางเข้าของสถานตากอากาศ ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น แกรู้ว่าฉันจะต้องออกมาแน่นอน”
ลุงเฉียนพูดว่า “เพียงแต่ฉันอยากจะถามแกหน่อย แกทำสำเร็จหรือยังล่ะ?”
ท่านจวนหยิบมือถือออกมา จากนั้นก็กดหมายเลขโทรศัพท์ หลังจากโทรติดแล้ว ท่านจวนก็ถามว่า “ช่วยคนออกมาได้หรือยัง?”
“ท่านจวน พวกเราหลงกลแล้ว ในถ้ำใต้ดินนี้ มีแต่กับดักเต็มไปหมด คนที่พวกเราพาเข้ามาตอนนี้ก็ตายไปครึ่งหนึ่งแล้ว”
เสียงอึกทึกดังแว่วออกมาจากทางฝ่ายนั้น
“มันเรื่องอะไรกันแน่? พวกเขาไม่มีคนอยู่ในนั้นแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมพวกแกยัง……..”
ไม่ทันรอให้ท่านจวนจบ ฝ่ายนั้นก็พูดว่า “พวกเขาไม่ใช่คน พวกเขา……..พวกเขาคือปีศาจ”
พูดจบ ก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนดังมาจากโทรศัพท์ทางฝ่ายนั้น
เสียงร้องโหยหวนยังดังไม่หยุด
สีหน้าท่านจวน รู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย เขามองดูลุงเฉียน แล้วถามว่า “แกเลี้ยงสัตว์ประหลาดอะไรไว้ในถ้ำกันแน่”
พวกเขาเป็นคนทั้งนั้น เพียงแต่ว่าสมองของพวกเขา ถูกเผาจนเสียหายไปแล้ว แทบจะฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง อีกทั้งยังกระหายเลือดด้วย”
“ถ้ามีใครบุกเข้าไปในถิ่นของเขา พวกเขาก็ต้องปกป้องรักษาไว้อย่างดี”
ลุงเฉียนพูด
ท่านจวนวางสายโทรศัพท์แล้วพูดว่า “ในเมื่อคนของฉันบุกเข้าไปไม่ได้ ถ้าเช่นนั้นก็ขอให้น้องเฉียนช่วยกรุณาหน่อย ช่วยพาทางลู่ออกมาให้หน่อย”
ลุงเฉียนหัวเราะเสียงดัง ถามกลับไปว่า “ท่านจวน แกคงไม่ใช่แก่จนเลอะเลือนแล้วนะ ฉันไม่ได้เป็นลูกน้องแกมานานแล้ว ตอนนี้ทำไมจะต้องฟังคำสั่งแกด้วยล่ะ”
“ก็อาศัย………”
ท่านจวนหัวเราะ จากนั้นก็ปรากฏฝูงชนจำนวนมาก เดินแถวหน้ากระดานตรงเข้ามาทีละก้าว
“แกคิดว่า แกกับโหจื่อ สามารถที่จะรับมือไหวเหรอ?”
ท่านจวนพูดว่า “นี่คือพวกที่ฉันเชิญมาจากเซราฟิม นักฆ่าจำนวนหกสิบกว่าคน”
“ถ้าแกไม่ส่งท่านลู่ออกมาละก็ งั้นนักฆ่าทั้งหมดหกสิบกว่าคนนี้ก็จะบุกเข้าไปหาพวกแก ลำพังพวกแกแค่สามคน ฮ่าๆๆ…….”
ลุงเฉียนพูดไปครึ่งหนึ่ง ก็ไม่ได้ต่อไปอีกแล้ว สถานการณ์ที่บีบคั้นเช่นนี้ ก็เข้าใจได้ชัดเจนโดยไม่ต้องอธิบายแล้ว
ถ้าหากว่านักฆ่าทั้งหกสิบกว่าคนนี้ บุกเข้ามาพร้อมกันแล้ว ถ้าเป็นเช่นนั้น พวกหลี่ฝาง ก็ไม่สามารถที่จะต้านทานได้อย่างแน่นอน
“หรือว่าแกกับโหจื่ออาจจะอาศัยความสามารถของตัวเอง หลบหนีไปจากการไล่ล่าของพวกนักฆ่าได้ แต่ลูกชายของหลอซ่า หลี่ฝางล่ะ?” มองดูหลี่ฝาง ท่านลู่หรี่ตาแล้วหัวเราะ
“เดิมทีก่อนหน้าที่ข่าวการตายของหลอซ่ายังไม่ได้ลือสะพัดออกมา ฉันก็ไม่คิดจะลงมือกับลูกชายเขาหรอก แต่ว่าพวกแกบีบบังคับฉันครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ฉันโกรธแค้น ดังนั้น ฉันก็เลยปล่อยวางความอดกลั้นของตัวเองลง”
ท่านจวนพูดอย่างเยือกเย็น
หลี่ฝางขมวดคิ้ว หยิบมือถือขึ้นมา กำลังเตรียมจะส่งข้อความให้ซุนจิ้น ท่านจวนกลับพูดขึ้นมาขณะนั้นว่า “ไม่ต้องเสียเวลาคิดแก้ปัญหาแล้ว ในเวลานี้ไม่มีใครสามารถช่วยแกได้หรอก นอกจากพ่อแกหลอซ่าจะกลับมาทันในเวลานี้”
สีหน้าของลุงเฉียนสงบนิ่งยิ่งมาก ไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
นี่ก็เป็นคำตอบที่ให้กับท่านจวนอย่างไม่ต้องสงสัย เขาไม่ตกลงที่จะพาท่านลู่ออกมา
“ดูเหมือนว่า แกไม่คิดจะประนีประนอมกับฉันเลย” ท่านจวนส่ายหัวอย่างผิดหวัง
“นี่เป็นลูกชายของหลอซ่าเชียวนะ ส่วนท่านลู่เป็นเพียงแค่วัตถุโบราณชิ้นหนึ่งเท่านั้นเอง ในใจของแกพวกเขาทั้งสองคนใครมีความสำคัญมากกว่ากัน ฉันนึกว่าแกไม่น่าจะต้องเลือกแล้ว หารู้ไม่ว่า…….”
ท่านจวนพูดพลางมองลุงเฉียน “แกถึงกับยอมละทิ้งชีวิตลูกชายหลอซ่าอย่างไม่ไยดี นี่ถ้าหลอซ่ารู้แล้วละก็ หลอซ่าจะต้องเสียใจมากขนาดไหน?”
“แน่นอน หลอซ่าอาจจะไม่มีโอกาสเสียใจแล้วก็ได้” ใบหน้าท่านจวนส่องประกายความโหดร้ายออกมา
คำพูดของท่านจวนนี้ เป็นการสาปแช่งหลอซ่าให้ตายอย่างไม่ต้องสงสัย
หลี่ฝางในเวลานี้ กำหมัดไว้แน่น มองหน้าท่านจวนอย่างเยือกเย็น “พ่อฉันกับแกไม่มีความแค้นอะไรต่อกัน ก่อนหน้านั้นยังช่วยทำงานถวายชีวิตให้แก ยิ่งไปกว่านั้นสมบัติพัสถานเกือบครึ่งที่แกมีอยู่ทุกวันนี้ ก็เป็นเพราะว่าพ่อฉันทำไว้แก ในเมื่อแกไม่รู้จักสำนึกบุญคุณ งั้นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมาเหยียบย่ำซ้ำเติมกันเลย?”
“แล้วทำไมแกจะต้องมาสาปแช่งให้พ่อฉันตายด้วย?”
หลี่ฝางมองดูท่านจวน ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“แม้งแกยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า? หลี่ฝางอดไม่ได้ที่จะต้องพูดคำหยาบ
“ฮ่าๆ ในยุทธภพนี้ ไม่มีใครรำลึกถึงบุญคุณกันหรอก หลอซ่าทำงานให้ฉัน ฉันก็ตอบแทนเขาด้วยความร่ำรวยเงินทอง มันก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรมอยู่แล้ว แต่ว่าหลอซ่าเขาทำอะไรไว้บ้างล่ะ? เขาเป็นแค่ลูกน้อง แต่กลับไปซื้อใจผู้คนตลอดเวลา เพื่อมาเสริมอำนาจบารมีให้กับตัวเอง นอกจากพวกเจ้าเฉียน ส้าวส้วยคนพวกนี้แล้ว แม้กระทั่งมือปืนคนสนิทของฉัน เขาก็ยังจะมาชักจูงไปเลย”
“ถึงแม้ฉันจะรู้ดีว่า เขาไม่มีใจที่จะคิดคดทรยศฉัน แต่ว่าพฤติกรรมของเขา มันก็คือการทรยศหักหลังแบบหนึ่งแล้ว เมื่อฉันสั่งให้เขาทำงาน เขามักจะต้องเสนอความคิดเห็นเสมอ เวลาที่เขาตอบโต้วิจารณ์ถูกผิดกับฉัน ฉันก็เกิดความคิดที่จะกำจัดเขาแล้ว”
“เขาเป็นเพียงแค่ทหารตัวเล็กๆคนหนึ่ง เขาควรจะทำตามคำสั่งของฉัน ไปทำงาน แต่ไม่ใช่มีความคิดเห็นของตัวเอง มีหลักการบ้าบออะไรมากมายของเขา”
ท่านจวนพูดอย่างเยือกเย็นว่า “เขาทำตัวเป็นเหมือนแม่พระ พูดกับฉันว่าการค้าอย่างนี้ทำไม่ได้ อย่างนั้นทำได้ ตอนนั้นฉันฟังแล้วอยากจะอ้วก ฉันเป็นคนที่อยู่ในวงการสีเทา เดิมทีหากำไรมาจากเงินที่ไม่สะอาดอยู่แล้ว แต่ว่าเขาล่ะ? กลับไล่เทพเจ้าแห่งความร่ำรวยของฉันออกไปหมด สุดท้ายแล้ว เทพเจ้าแห่งความร่ำรวยก็ไปหาลูกพี่หลินเสียแล้ว ลาภก้อนโตที่อยู่ในมือนั้น กลับหลุดไปอยู่ในมือของลูกพี่หลินจนได้”
“ตอนนั้นหลอซ่า เหิมเกริมมากเกินไป เหิมเกริมจนกระทั่งในสายตาไม่มีลูกพี่ใหญ่อย่างฉันแล้ว แม้แต่ใครเป็นเจ้านายก็ยังจำไม่ได้แล้ว
สายตาท่านจวนเลือดเย็น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธเคือง “คนอย่างนี้ มีลูกพี่คนไหนสามารถยอมรับเขาได้ล่ะ?”
“ดังนั้น แกก็เลยต้องทำร้ายพวกเราใช่ไหม? ทำร้ายพวกเราคนที่เคยช่วยสร้างอาณาจักรฐานะให้แกงั้นเหรอ?” ลุงเฉียนมองดูท่านจวน แล้วเถียงด้วยน้ำเสียงเย็นชา