NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 792 ท่านซุนยังมีชีวิตอยู่
ท่านจวนไม่เข้าใจจริงๆ ตัวตนของตน ถูกเปิดเผยไปได้อย่างไร
บนโลกใบนี้ คนที่รู้ตัวตนที่แท้จริงของตน มีไม่กี่คนเท่านั้น
“นายรู้ตัวตนที่แท้จริงของฉันได้ยังไง”
ท่านจวนเป็นคนฉลาด ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ สิ่งที่เขาเชี่ยวชาญที่สุดก็คือ อ่านสีหน้าของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
ถ้าหากอีกฝ่ายเพียงแค่ลองเชิงตัวตนที่แท้จริงของตน เช่นนั้น ท่านจวนเพียงแค่มองก็ดูออกแล้ว
แต่ส้าวส้วยที่อยู่ตรงหน้า น้ำเสียงในการพูด แววตาที่มองตน เห็นได้ชัดว่ามั่นใจอย่างมาก
ดังนั้น ส้าวส้วยน่าจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของตน
เวลานี้ ใบหน้าของท่านจวน ฉายความกระวนกระวายขึ้นมา
ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ เขาวางกลยุทธ์ต่างๆมาโดยตลอด เก็บทุกคนเอาไว้ในมือของตนเอง รวมถึงสี่ตระกูลใหญ่ด้วย ทั้งหมดล้วนเป็นหมากในมือของเขา
ส้าวส้วยหัวเราะหึๆ แล้วพูด:“ฉันไม่รู้”
“พี่ใหญ่เป็นคนบอกฉัน”
ส้าวส้วยมองท่านจวน ด้วยแววตาที่เหี้ยมโหด:“สำหรับการเดินทางของเรา คนที่รู้ มีไม่กี่คนเท่านั้น ก่อนที่ลูกพี่ใหญ่จะตาย จงใจเผยให้นายรู้นิดหน่อย ดังนั้น ระหว่างทางกลับมาของพวกเรา จึงเจอหลุมพราง”
“ดังนั้น นายเป็นคนหักหลังพวกเรา”
สีหน้าของท่านจวนสับสนเล็กน้อย:“ ที่แท้เขาก็สงสัยในตัวฉันมานานแล้ว”
“พี่ใหญ่แค่ไม่อยากจะเชื่อเท่านั้น ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ นายคิดว่าสิ่งที่นายทำมันไม่มีช่องโหว่อะไรเลยจริงๆเหรอ? รายละเอียดของนาย ลึกลับอย่างมาก พวกเราเคยสืบเรื่องของนายมาก่อน แต่กลับสืบไม่พบอะไรทั้งนั้น”
“บางครั้ง การที่นายปิดบังตนเองเกินไป ก็เป็นการเปิดเผยตนเอง”
ส้าวส้วยมองท่านจวน แล้วพูด:“ตอนนั้นที่ติดตามรับใช้นาย ก็พบว่านายมีเส้นสายไม่เหมือนคนธรรมดา แต่ว่า รอบตัวนายกลับไม่มีญาติแม้แต่คนเดียว คนที่อยู่กับนาย มีแค่ลูกชายบุญธรรมเท่านั้น”
“นายมีเงินมากมาย แต่เงินพวกนี้มากจากไหน นายกลับไม่เคยพูด ราวกับตกลงมาจากบนฟ้าอย่างไรอย่างนั้น”
“ตอนนั้นที่ทั้งสี่ตระกูลใหญ่มีปัญหากับพวกเรา นายซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาโดยไม่มีเหตุผล ลอยตัวอยู่เหนือปัญหา พวกเขาปล่อยนายได้อย่างไร? แล้วทำไมพวกเขาถึงปล่อยตัวนาย?”
“เพราะเห็นว่านายเป็นคนแก่น่าสงสาร? ดังนั้นพวกเขาก็เลยเมตตาอย่างนั้นเหรอ?”
ส้าวส้วยหัวเราะหึ :“สาเหตุที่แท้จริงเป็นเพราะตระกูลตงฟางออกคำสั่งพวกเขาอย่างลับๆใช่ไหม”
“อีกเรื่องนี้ นายเป็นคนส่งฟีนิกซ์มาอยู่กับพวกฉันใช่ไหม? ถ้าฉันพูดไม่ผิดละก็ เธอเป็นหลานสาวแท้ๆของนาย? นายมันใจร้ายจริงๆ ตอนนั้นถ้าพวกฉันไม่เข้าไปช่วยเธอ หรือช่วยเธอช้าไปอีกสักหน่อย ถ้าอย่างนั้นฟีนิกซ์ ก็คงตายไปแล้ว”
“ไม่ถูกสิ เธอไม่ได้ชื่อฟีนิกซ์ เหมือนเธอจะชื่อว่าตงฟางหวั่นเอ๋อ”
“หลอซ่าเป็นคนมีเมตตา แล้วจะไม่ช่วยได้ยังไง? ถ้าเขาไม่ช่วยฟีนิกซ์ ก็ไม่มีวันช่วยนาย และยิ่งไม่มีวันช่วยโหจื่อ” ท่านจวนพูดเสียงเรียบ
ท่านจวน รู้จักหลอซ่าเป็นอย่างดี
ทุกการกระทำของหลอซ่า ล้วนอยู่ในสายตาของท่านจวน
ยิ่งวางแผนอยู่ในใจ
เพียงแต่ว่า เมื่อถึงตอนหลัง ท่านจวนยิ่งพบว่า ยากจะควบคุม
เดิม เข้าไปช่วยหลอซ่า เป้าหมายของท่านจวนคือเพื่อใช้พวกเขาตรึงทั้งสี่ตระกูลใหญ่เอาไว้
สิ่งที่ทานจวนต้องการ คือความสมดุล
แต่ว่า มีวันหนึ่งท่านจวนกลับพบว่า เขาเริ่มไม่สามารถควบคุมหลอซ่าได้แล้ว
หลอซ่าเริ่มไม่เชื่อฟังคำพูดของเขาแล้ว
ดังนั้น ท่านจวนจึงเริ่มมีความคิดอยากจะกำจัดหมากตัวนี้ทิ้ง
หลอซ่าที่เป็นหมากตัวนี้ คล้ายว่าควบคุมยากยิ่งกว่า ทั้งสี่ตระกูลใหญ่ใหญ่
การต่อสู้ระหว่างสี่ตระกูลใหญ่และหลอซ่า ท่านจวนเป็นคนสร้างมันขึ้นมา
สงครามในครั้งนี้ เกิดขึ้นด้วยน้ำมือของท่านจวนอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ว่า ท่านจวนไม่ต้องการให้หลอซ่าชนะ
ดังนั้น สุดท้าย เขาได้ลอบใช้อำนาจ ช่วยทั้งสี่ตระกูลใหญ่ ให้ข้อมูลไม่น้อย
และเป็นเพราะการยื่นมือเข้าไปช่วยเหลืออย่างลับๆของท่านจวน หลอซ่า จึงได้พ่ายแพ้อย่างน่าอนาถ
หลอซ่าแพ้แล้ว หนีออกไปจากเมืองเอก
ตอนแรก หลอซ่าไปอีกเมืองหนึ่ง ก็ดีแล้ว
แต่ว่า ท่านจวนกลัวว่าตัวตนของตน สักวันหนึ่งจะถูกเปิดเผยออกไป เมื่อถึงเวลานั้น หลอซ่าต้องมาแก้แค้นอย่างแน่นอน
เพราะถึงอย่างไร ดังนั้น ท่านจวนจึงใช้หมากตัวสุดท้าย ซึ่งก็คือหลานสาวของตนเอง ตงฟางหวั่นเอ๋อ
ตงฟางหวั่นเอ๋อหลอกล่อเมี๋ยวชุ่ย ไปยังห้องใต้ดินของสโมสรเจียงหนาน ที่นั่นถูกเรียกว่าเป็นสวรรค์
หลังจากนั้น คล้ายกับว่าหลอซ่าเสียสติอย่างไรอย่างนั้น บุกเข้าไปในสวรรค์เพียงลำพัง ตอนที่ช่วยเมี๋ยวชุ่ย หลอซ่าเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส
แต่ว่า ยังคงไม่ตาย
ท่านจวนจึงยืมมือคนที่สวรรค์ แล้วเริ่มกำจัดหลอซ่า ถึงขั้นอยากจะฆ่าทุกคนที่อยู่รบบตัวหลอซ่า
เพียงแค่คิดไม่ถึงว่า หลอซ่าจะหนีไปต่างประเทศ
อำนาจของท่านจวนมีชีดจำกัด แม้ว่าเขาจะเก่งกาจแค่ไหน แม้ว่าคนของสวรรค์จะมีอำนาจมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถยื่นมือออกไป ถึงต่างประเทศได้
ดังนั้น หลอซ่าจึงเริ่มรักษาตัว
แน่นอน หลายปีที่ผ่านมานี้ ท่านจวนไม่คิดจะปล่อยหลอซ่าไป โดยเฉพาะตอนที่หลอซ่ากลับประเทศ ท่านจวนสัมผัสได้ถึงการข่มขู่
ท่านจวนเคยใช้ตัวตนปลอม ให้รางวัลหนึ่งพันล้านดอลลาร์ เพื่อฆ่าหลอซ่า
สำนักหยิ่งซารับภารกิจนี้ แต่ว่า ไม่ได้ลงมือสักที
เพียงแค่ส่งคนมาจำนวนหนึ่ง เพื่อลองเชิงความสามารถในการต่อสู้ของหลอซ่า แต่ก็ถูกส้าวส้วยจัดการจนหมด
“ตอนที่หลานสาวของนายตาย นายไม่รู้สึกสงสารบ้างเหรอ?” ส้าวส้วยมองท่านจวน เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ
“ทุกคนต่างก็เป็นคนเหมือนกัน ขอแค่เป็นคน ล้วนต้องมีเลือดเนื้อ ตอนที่เธอตายต่อหน้าฉัน วินาทีนั้น หัวใจของฉันเจ็บปวด แต่สำหรับเธอ กลับเป็นการปลดปล่อย เธอรู้สึกผิดกับเมี๋ยวชุ่ยมาโดยตลอด ความเป็นจริงตอนที่เธอกับโหจื่อต่อสู้กัน ทั้งที่ยอมออมมือ นอกจากนี้ ขอแค่เธอไม่อยากตาย ฉันต้องมีวิธีช่วยเธออย่างแน่นอน ถึงแม้จะเปิดเผยตัวตนของฉันต่อหน้าเมี๋ยวชุ่ยแล้วก็ตาม ฉันก็ไม่คิดจะถือสา”
“นั่นเป็นถิ่นของฉัน อย่าพูดถึงเมี๋ยวชุ่ย แม้แต่หลอซ่า ก็ทำอะไรฉันไม่ได้”
“น่าเสียดาย เจ้าเด็กโง่หวั่นเอ๋อ……”
ขณะพูด ใบหน้าของท่านจวน เผยความรู้สึกเจ็บปวด:“บนโลกใบนี้ คนเดียวที่ฉันทำผิดด้วย บางทีอาจจะเป็นเธอก็ได้”
“เธอทำเพื่อตระกูลมากมาย”
ส้าวส้วยหัวเราะเยือกเย็น:“แมวร้องไห้หนูแกล้งทำเป็นสงสาร ทั้งๆที่นายเป็นคนทำลายเธอด้วยมือตนเอง”
“เธอเป็นหลานสาวของฉัน เป็นคนของตระกูลตงฟาง ตอนนั้นให้เธอไปอยู่กับพวกนาย เพื่อใช้เธอเป็นเครื่องมือ มาจัดการพวกนาย ตอนสุดท้าย พวกนายจะหนีกันไปหมดแล้ว ถ้าฉันยังไม่ใช้หมากตัวนี้ หรือจะให้ฉันทนดูพวกนายพาเธอไป?”
สีหน้าของท่านจวนเคร่งขรึม:“ส้าวส้วย นายเป็นคนมีความสามารถ น่าเสียดาย ที่นายติดตามคนผิดแล้ว”
“ความหมายของนายคือ ฉันไม่ควรติดตามพี่ใหญ่?”
ส้าวส้วยเลิกคิ้วขึ้น มองไปทางท่านจวน:“แล้วฉันควรจะติดตามใคร ติดตามนายอย่างนั้นเหรอ?”
สีหน้าของท่านจวนสับสน:“นายคือท่านซุน ไม่ใช่สิ ควรจะเรียกเขาว่าจูเก่อชื่อ นายเป็นคนที่จูเก่อชื่อให้ความสำคัญ มีความแข็งแกร่งที่น่ามหัศจรรย์ ทั้งยังมีพรสวรรค์ นอกจากหลอซ่าแล้ว เป็นอัจฉริยะด้านการต่อสู้ที่ยากจะพบเจอ ความเป็นจริง ฉันเป็นคนทำให้จูเก่อชื่อ เก็บนายเอาไว้ สอนวรยุทธ์กับนาย”
“ในตอนหลัง ฉันก็เป็นคนทำให้นายยอมรับหลอซ่า แล้วติดตามเขา”
“แต่ฉันคิดไม่ถึงว่า วันนี้ คนที่ทำลายแผนการทั้งหมดของฉัน คือนาย” ท่านจวนเริ่มรู้สึกเสียใจ
“บางที ถ้าหากจูเก่อชื่อยังมีชีวิตอยู่ ฉันคงไม่พ่ายแพ้จนน่าอนาถขนาดนี้ เขาเป็นคนฉลาด ไม่น้อยไปกว่าเหล่าเฉียน มีเขาอยู่ ตระกูลจูเก่อ ก็คงไม่ถูกพวกนายทำลายง่ายขนาดนี้”
ท่านจวนส่ายหน้า แล้วพูด:“จูเก่อชื่อเหมือนกับหลอซ่า เป็นคนที่ไม่สามารถสั่งสอนได้”
“พวกเขาแค่ไม่อยากจะเป็นหมากของนายก็เท่านั้น”
จู่ๆ ส้าวส้วยก็หัวเราะ :“นายคิดว่า ท่านอาจารย์ของฉันจูเก่อชื่อตายแล้วจริงๆ เหรอ?”
“จูเก่อเจิ้งเห็นเขาผูกคอตายด้วยตนเอง”
ตอนที่ท่านจวนได้ยินคำพูดนี้ แววตาของเขาตกตะลึง คล้ายว่าตกใจ แสดงออกมาจากแววตาของเขา
“หรือว่าจูเก่อชื่อแกล้งตาย?”
ท่านจวนไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่ เพราะถึงอย่างไร จูเก่อชื่อคนนี้ เป็นคนซื่อตรงจนรู้กันให้ทั่ว อีกทั้งตอนที่เขาอายุยังน้อย เคยทำเรื่องไม่ดีเอาไว้มากมาย พอแก่มา จึงกินเจและสวดมนต์
คนแบบนี้ฆ่าตัวตาย เป็นเรื่องที่ปกติอย่างมาก
ดังนั้น ท่านจวนจึงไม่ได้สงสัยในการตายของจูเก่อชื่อ แต่คำพูดของส้าวส้วยเมื่อครู่ ทำให้ท่านจวนตระหนักขึ้นมาทันที
“คุณท่านตงฟาง นายทำงานมาทั้งชีวิต ไม่เคยประมาทแม้แต่น้อย แต่ทำไมกับเรื่องของท่านอาจารย์จูเก่อชื่อที่มีพระคุณของฉัน ถึงไม่ใส่ใจขนาดนี้ล่ะ? ไม่แม้แต่จะมอง”
ส้าวส้วยหัวเราะ แล้วพูด:“จูเก่อชื่อตายแล้ว แต่คนที่ยังมีชีวิตอยู่ คือท่านซุน”
“ไม่อย่างนั้น คนของตระกูลจูเก่อ จะทำตามซุนจิ้นง่ายๆแบบนี้เหรอ??” มองดูท่านจวน ส้าวส้วยหัวเราะร้ายกาจ