NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 829 คำขอร้องของหลิวหย่ง
“คุณชายหลี่ คุณวางใจเถอะ ฉันใช้เวลารักษาตัวไม่นานก็หายดีแล้ว ถึงเวลาก็อย่าลืมฉันแล้วกันนะ” ไอ้หน้าหนวดนั่งอยู่บนเตียง พูดพลางแล้วหัวเราะ
“วางใจเถอะ ถึงเวลานั้นอาณาจักรผืนนี้ก็ยังต้องอาศัยคุณมาช่วยฉันดูแลอีกนะ” เมื่อเห็นไอ้หน้าหนวดฟื้นตัวได้ดีขึ้นมากแล้ว หลี่ฝางก็รู้สึกวางใจ
หลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้ว หลี่ฝางก็ขับรถไปยังโรงแรมจุนเยว่ ยังคงเป็นห้องโบตั๋นเหมือนคราวก่อนนั้น ขณะที่หลี่ฝางเดินเข้าไปนั้น หยิ่นเจิ้งและแมงป่องกำลังนั่งอยู่ข้างใน รู้สึกค่อนข้างจะเงียบสงบ
หลี่ฝางรู้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสองคนนี้ไม่สามารถที่จะคืนดีได้อย่างง่ายดายอย่างนั้น ต่อให้เขาเข้าช่วยไกล่เกลี่ยก็ตาม ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าให้คืนดีก็คืนดีกัน แต่ว่าเดิมทีเขาก็ไม่เคยคิดที่จะให้พวกเขาคืนดีกันอยู่แล้ว ถ้าหากสองคนนั้นคืนดีกันเหมือนใส่กางเกงตัวเดียวกันจริงขึ้นมาละก็ ด้วยกลยุทธ์การค้าขายของหยิ่นเจิ้งบวกกับอิทธิพลในมือของแมงป่องนั้น อำเภอหลินเล็กๆแห่งนี้ก็จะไม่ตกอยู่ในกำมือของสองคนนี้ไปเลยเหรอ? งั้นยังมีหลี่ฝางไว้เพื่ออะไรกันล่ะ?
ดังนั้น หากพวกเขาสองคนจะร่วมมือกันก็ได้ แต่จำเป็นต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของหลี่ฝาง พวกเขาจะต้องเชื่อฟังหลี่ฝาง นับถือหลี่ฝางเป็นลูกพี่ใหญ่จึงจะทำสำเร็จได้ ไม่เช่นนั้นแล้วก็ต้องไสหัวไปให้พ้นเลย
“พวกท่านสองคนมาเร็วจังเลยนะ ทำไมไม่รีบสั่งอาหารเลยล่ะ?” หลี่ฝางเดินเข้าห้องจองพิเศษด้วยรอยยิ้ม
“ฮ่าๆๆ คุณชายหลี่ ก็ไม่ใช่เพราะรอท่านอยู่เหรอ อาหารสั่งไปแล้วบางส่วน ท่านดูอีกทีว่ามีอะไรพิเศษที่ถูกปากท่านบ้าง?”
เมื่อเห็นหลี่ฝาง หยิ่นเจิ้งก็รีบลุกขึ้นมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส โค้งตัวลงเล็กน้อยเดินเข้าไปต้อนรับ แล้วลากเก้าอี้ให้หลี่ฝางนั่ง จากนั้นเอาเมนูอาหารวางตรงหน้าหลี่ฝาง แสดงท่าทางประจบสอพลอออกมา
แมงป่องที่อยู่ด้านข้างถึงแม้ว่าจะดูถูกการกระทำของหยิ่นเจิ้งก็ตาม แต่กลับต้องเก็บความรู้สึกไว้ ตอนนี้หลี่ฝางเป็นลูกพี่ของพวกเขาแล้ว ถึงแม้ตัวเองจะทำตัวให้เหมือนอย่างหยิ่นเจิ้งไม่ได้ก็ตาม แต่ก็ไม่อยากเยาะเย้ยอย่างเปิดเผยให้หลี่ฝางเสียอารมณ์
ฉันเห็นพวกคุณสั่งอาหารก็มากแล้ว ให้พวกเขาเอาอาหารออกมาเสิร์ฟได้เลย” หลี่ฝางพูดพลางหัวเราะ “คราวนี้ต้องให้ทางนี้เอาเหล้าที่ดีที่สุดเข้ามาให้หมดเลย”
“ไม่มีปัญหา ฉันบอกให้เถ้าแก่หลิวจัดการเรียบร้อยแล้ว” หยิ่นเจิ้งพูดด้วยเสียงหัวเราะจากนั้นก็สั่งให้บริกรที่อยู่ข้างๆเอาอาหารมาเสิร์ฟได้แล้ว
ด้วยความรวดเร็ว อาหารเลิศรสทั้งหลายก็ทยอยออกมาเสิร์ฟบนโต๊ะยังไม่ขาดสาย ไม่ถึงสิบนาทีอาหารก็เสิร์ฟครบหมดแล้ว อีกทั้งอาหารแต่ละอย่างก็ทำสดๆร้อนระอุทั้งนั้น เป็นการเตรียมการที่ทุ่มเทเอาใจใส่อย่างแท้จริง
หลังจากที่อาหารชุดสุดท้ายเข้ามาแล้ว ติดตามมาด้วยชายผิวดำคล้ำรูปร่างกำยำคนหนึ่ง ในมือถือกล่องไม้กล่องหนึ่ง สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเดินเข้ามา หยิ่นเจิ้งก็ลุกขึ้นยืน
“คุณชายหลี่ ขอแนะนำให้ท่านรู้จัก นี่คือเจ้าของโรงแรมจุนเยว่ หลิวหย่ง”
หลังจากที่หยิ่นเจิ้งแนะนำเสร็จแล้ว ชายผิวคล้ำดำคนนั้นก็เดินเข้ามา พูดด้วยรอยยิ้มสง่าผ่าเผยว่า “ได้ยินว่าคุณชายหลี่ให้เกียรติมาทานข้าวที่ร้านเล็กๆของฉัน ฉันหลิวหย่งรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งในชั่วชีวิตนี้ ไม่มีสุราชั้นเลิศอะไร เพียงแต่พยายามสรรหาอย่างเต็มที่เพื่อรับรองคุณชายหลี่ หวังว่าคุณชายหลี่จะไม่รังเกียจนะครับ”
แมงป่องที่ยืนอยู่ด้านข้างตอนนี้ก็พูดด้วยเสียงหัวเราะ “เถ้าแก่หลิวถ่อมตัวเกินไปแล้ว นี่ไม่ใช่โรมาเนกองติ ปี 90 ขวดนั้นที่ฉันเคยเห็นก่อนหน้านั้นเหรอ? ฉันมองจนน้ำลายหกมาตั้งนานแล้ว คุณ ยังไม่ยอมให้ฉันลูบคลำแม้แต่ครั้งเดียว ตอนนี้ก็หยิบออกมาอย่างง่ายดายเช่นนี้เลยเหรอ”
“เฮ้ย ไม่ใช่สุราชั้นดีอะไรหรอก ทำให้ลูกพี่แมงป่องเยาะเย้ยแล้วล่ะ” หลิวหย่งรีบพูดด้วยเสียงหัวเราะ
หลี่ฝางฟังออกแล้วว่า ทั้งแมงป่องและหยิ่นเจิ้งสองคนนี้กำลังยกหางหลิวหย่งอยู่ ดูเหมือนหลิวหย่งคนนี้ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว สามารถทำให้ทั้งแมงป่องและหยิ่นเจิ้งให้เกียรติไว้หน้าเขาถึงเพียงนี้ นี่ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปที่จะสามารถทำได้เลย
“เถ้าแก่หลิว มา นั่งนั่งนั่ง วันนี้พวกเรามาสนุกสนานกันตามประสาพรรคพวกเพื่อนฝูงกัน มาดื่มกินให้เต็มที่เลย” หลี่ฝางคิดในใจว่าหลิวหย่งคนนี้ทุ่มเทเอาใจตัวเองขนาดนี้ สงสัยจะต้องมีแผนการอะไรสักอย่าง ถ้าหากเพียงแค่มาต้อนรับตัวเองเพื่อให้มีความรู้สึกที่ดีต่อกันเท่านั้น ก็ไม่จำเป็นต้องเปิดไวน์แดงขวดละหลายแสนเช่นนี้ เป็นแค่เจ้าของโรงแรมคนหนึ่งคงไม่ฟุ่มเฟือยถึงขนาดนั้น อีกทั้งเขายังออกมารับหน้าด้วยตัวเองด้วย
ถ้าหากไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยากลำบากอะไร ก็รับฟังเขาหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไร
“ในเมื่อคุณชายหลี่พูดเช่นนี้แล้ว งั้นฉันก็ไม่เกรงใจแล้วนะ” หลิวหย่งก็ลื่นไหลเหมือนงูเลื้อยตามไม้ รีบนั่งลงอย่างไม่รีรอ
“มาเลย มาดื่มเหล้ากัน” หลี่ฝางพูดชักชวน หลังจากเปิดไวน์ขวดนั้นแล้ว กลิ่นหอมของไวน์ก็หอมกรุ่นฟุ้งกระจายไปทั่วห้องจองพิเศษนั้นทันที
มีคำพูดที่ว่าบนโต๊ะวงเหล้าเป็นที่ที่เหมาะสำหรับการเจรจาธุรกิจการค้าที่ดีที่สุด ลำพังแค่โรมาเนกองติขวดเดียวคงไม่พอแน่นอน ตามด้วยเหมาไถ อู่เหลียงเย่ เหล้าชั้นดีทั้งในและนอกประเทศวางบนโต๊ะเต็มไปหมด หลังจากที่ดื่มกินกันจนได้ที่แล้ว ทุกคนต่างก็หน้าแดงหูแดงไปหมด พูดจาก็ลิ้นแข็งจุกปากแล้ว เวลานี้แม้กระทั่งแมงป่องกับหยิ่นเจิ้งที่เคยบาดหมางกันมานานแสนนานก็เริ่มจะเรียกพี่เรียกน้องกันแล้ว
“หลี่ คุณชายหลี่ พูดตามตรงนะ ฉันรู้สึกศรัทธาในตัวท่านมาตลอดเลย เลื่อมใสความองอาจของท่าน ความใจกว้างของท่านที่กล้าได้กล้าเสีย บารมีกว้างใหญ่ไพศาล มา ดื่มหมดแก้วเลย!” หยิ่นเจิ้งยกแก้วเหล้าขึ้นมาแล้วชี้มือชี้ไม้อยู่ตรงหน้าหลี่ฝาง
ถึงแม้จะดื่มไปไม่น้อยก็ตาม แต่หลี่ฝางก็ไม่มีความรู้สึกเมาเลย กำลังภายในที่ไร้รูปทรงภายในร่างกายนั้น ดูเหมือนยังมีประสิทธิภาพในการขับไล่อาการมึนเมาได้ ดื่มไปมากมายขนาดนี้ เขายังควบคุมสติสัมปชัญญะได้เหมือนเดิม ราวกับได้ดื่มแต่น้ำเปล่าเข้าไป
“ฉัน ฉันก็อยากจะคารวะคุณชายหลี่หนึ่งแก้ว ฉันแมงป่องชั่วชีวิตนี้ไม่เคยยอมให้ใครเลย มีเพียงแค่…….กับคุณชายหลี่เท่านั้นที่ยอมให้อย่างจริงจัง ฉันก็ไม่เข้าใจว่าคุณชายหลี่ทำไมคุณถึงได้กลายเป็นคนเก่งกาจอย่างนั้น อย่างนั้น สามารถต่อสู้ได้เก่งขนาดนั้น เก่งกาจ เก่งกาจมากจริงๆเลย”
แมงป่องก็ยกแก้วเหล้าขึ้นส่ายไปมา ดื่มเหล้ามากเกินไป เวลาเขาพูดจาก็ไม่ค่อยจะระวังตัวแล้ว ถึงกับเริ่มคิดจะล้วงความลับของหลี่ฝางเสียแล้ว
“เพราะว่าฉันคือคนมีพรสวรรค์ในการฝึกวรยุทธ์ ฝึกแค่วันเดียวก็สามารถตามทันคนอื่นที่ฝึกมาแล้วหลายปี” หลี่ฝางก็คุยโวไปตามน้ำ “เมื่อก่อนฉันก็ไม่เคยฝึกวรยุทธ์ แต่ช่วงเวลาก่อนหน้านี้ไปฝึกวรยุทธ์กับลูกน้องของพ่อฉันหลายวัน พ่อฉันพวกแกก็รู้จักสิ หลอซ่าไง!”
“ใช่เลย หลอซ่า! หมดแก้ว!” แมงป่องพูดยกยอด้วยความมึนเมา ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเมาจริงหรือแกล้งเมากันแน่
ในเวลานี้เองหลิวหย่งก็เริ่มปริปากพูดแล้ว
“ใช่ ใช่แล้ว คุณชายหลี่ ฉันได้ข่าวว่าท่านยอมทุ่มเงินตั้งต้นร้อยล้านออกมาเพื่อให้เถ้าแก่หยิ่นกับแมงป่องร่วมมือทำธุรกิจด้วยกัน ฉันคนแซ่หลิวไร้ความสามารถคนนี้ ก็คิดอยากจะติดตามเถ้าแก่หลี่เพื่อหาช่องทางร่ำรวยบ้าง ท่านว่าเรื่องนี้……”
นั่งร่วมดื่มเหล้ากันมาตั้งนาน ในที่สุดหลิวหย่งก็เริ่มเข้าสู่เป้าหมายหลักเสียที
“ฮ่าๆ หาทางร่ำรวย คุณคิดจะร่ำรวยจากทางไหนดีล่ะ?” หลี่ฝางหรี่ตาแล้ววางแก้วเหล้าลง
“อันนี้ก็ ฮาๆ” หลิวหย่งหัวเราะแล้วถูมือไปมา “ฉันก็แค่อยากจะติดตามเถ้าแก่หลี่ในการหากำไรเล็กๆน้อยๆ พอได้ค่ากับข้าวนิดหน่อย ฉันก็แค่อยากจะทำธุรกิจด้านโรงแรมนี่แหละ อย่างอื่นก็ทำไม่เป็นแล้ว แต่ว่าท่านก็รู้นะว่า ในอำเภอหลินก็มีแหล่งที่ทำกินใหญ่เพียงเท่านี้ ธุรกิจโรงแรมแห่งนี้ทำได้สูงสุดก็ได้เพียงเท่านี้ ยังไงเสียฉันก็ไม่อยากจะไปแย่งอาชีพกับพี่น้องด้วยกันที่นี่แล้ว ดังนั้นฉันจึงคิดจะขยายกิจการให้ใหญ่โตขึ้น อยากจะขยายไปอยู่เมืองเอก หวังว่าคุณชายหลี่ช่วยสนับสนุนฉันอีกแรงหนึ่งด้วย”
หลี่ฝางได้ฟังคำพูดนี้แล้วก็เข้าใจความหมายของหลิวหย่ง โรงแรมจุนเยว่นับเป็นโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอหลิน เมื่อธุรกิจมาถึงจุดสูงสุดแล้ว ก็ย่อมอยากจะขยายไปสู่ภายนอกบ้าง แต่ว่าอิทธิพลในเมืองเอกก่อนหน้านี้อยู่ในกำมือของสี่ตระกูลใหญ่มาโดยตลอด เขตอิทธิพลก็จัดสรรปันส่วนกันมานานแล้ว หลิวหย่งไม่ได้มีความสัมพันธ์เกี่ยวโยงอะไรกัน ไม่มีทางที่จะมาทำธุรกิจในเมืองเอกได้เลย
ในเมืองเอกทั้งเมืองนั้นตอนนี้ตระกูลหลี่และตระกูลจวนสองตระกูลนี้ก็ได้แบ่งเขตอิทธิพลไปดูแลกันเรียบร้อยแล้ว เมื่อหลิวหย่งได้ยินข่าวนี้แล้ว มีโอกาสที่จะได้มาคบหาหลี่ฝาง จึงไม่ยอมปล่อยให้โอกาสดีเช่นนี้หลุดมือไปได้อย่างเด็ดขาด