NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 830 ฉินเสี่ยวหู่ตายแล้ว
หลี่ฝางสีหน้าจริงจังแล้วจงใจที่พูดแกมหยอกว่า “เถ้าแก่หลิวเอ๊ย เรื่องของคุณนี้จัดการยากหน่อยนะ ธุรกิจการค้าในเมืองเอกฉันก็ไม่ค่อยไปแทรกแซงอะไรนักหรอก คุณดูซิ ตระกูลฉันก็มีแต่ดูแลอยู่ไม่กี่ร้านเท่านั้นเอง ยังไม่ค่อยจะได้กำไรอะไรเท่าไหร่เลย อีกอย่างตอนนี้การค้าขายก็ทำยากมากขึ้นด้วย”
หลิวหย่งรีบพูดขึ้นมาว่า “คุณชายหลี่พูดเล่นใช่เปล่า มีใครไม่รู้บ้างว่าตระกูลหลี่ของพวกคุณเงินไม่เคยขาดมือเลย แค่กระดิกนิ้วก็สามารถเอาเงินหลายร้อยล้านออกมาได้แล้ว
ฉันรู้ว่าคุณชายหลี่ท่านไม่ใส่ใจเรื่องเงินทองเท่าไหร่นัก อาจจะไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้ แต่ว่าคุณชายหลี่ท่านลองคิดดูสิ เวลาที่คนอย่างพวกเราเดินทางไปไหนมาไหน มีสถานที่ไหนที่สะดวกที่สุดล่ะ ไม่ใช่โรงแรมหรอกเหรอ? โรงแรมแห่งหนึ่ง ก็เหมือนตะปูตัวหนึ่ง หากโรงแรมแต่ละแห่งตอกลงไปเหมือนกับตะปู นั่นก็เป็นเหมือนตาข่ายผืนใหญ่ที่ครอบคลุมลงมา
ขอเพียงให้คุณชายหลี่ท่านเอ่ยปากมา ฉันก็ยินดีที่จะถักทอตาข่ายผืนหนึ่งออกมาให้กับท่านได้”(ความหมายแฝมก็คือสร้างเครือข่ายสัมพันธ์)
“อ๋อ? คุณจะช่วยทักทอตาข่ายผืนหนึ่งให้ฉันเหรอ?” หลี่ฝางรู้สึกเกินความคาดหมายเล็กน้อย คำพูดของหลิวหย่งนั้น ไม่เพียงแต่แค่ร่วมทุนกันง่ายดายเช่นนั้น ยังมีความหมายยอมสวามิภักดิ์แอบแฝงอยู่ด้วย
“ถ้าได้รับความกรุณาจากคุณชายหลี่แล้ว ฉันจะต้องช่วยคุณชายหลี่สานตาข่ายผืนนี้ให้อย่างดีเลย!” หลิวหย่งเทเหล้าเต็มแก้ว ยกขึ้นมาแล้วพูดอย่างเสียงดังฟังชัด
หยิ่นเจิ้งและแมงป่องต่างก็มองไปยังหลิวหย่งด้วยความประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าเขาถึงกับมีความกล้าเด็ดเดี่ยวขนาดนี้ได้ เมื่อได้ลั่นวาจานี้ออกมาแล้ว ก็พูดได้ว่าเป็นการยอมศิโรราบให้กับหลี่ฝางอย่างชัดเจนแล้ว ถึงเวลาก็จะเอาสมบัติพัสถานทั้งหมดของตัวเองไปผูกติดกับเรือลำใหญ่ของหลี่ฝาง เขาก็ไม่กลัวหรือว่าหากวันใดวันหนึ่งเรือของหลี่ฝางเกิดอับปางลงแล้วจะพาเขาจมดิ่งลงสู่ใต้ท้องทะเลลึกด้วยกันเลยเหรอ?
หยิ่นเจิ้งและแมงป่องต่างก็ไม่กล้าที่จะมีความคิดเช่นนี้เลย เดิมทีหยิ่นเจิ้งยอมติดตามหลี่ฝาง เป็นเพียงเพราะว่าหลี่ฝางให้ประโยชน์กับเขาได้ ตอนที่แมงป่องต่อสู้กับหลี่ฝางนั้น เขาก็คิดจะหนีเอาตัวรอดเหมือนกัน แต่ก็ลองเสี่ยงดูสักตั้งหนึ่งจนในสุดท้ายก็มาถูกทางแล้ว
แมงป่องนั้นถูกหลี่ฝางกดหัวบังคับให้หันหน้ากลับเข้ามา พูดตามความจริงแล้วหากไม่ใช่เพราะว่าแมงป่องอยู่ในอำเภอหลินมีรากเหง้าที่ฝังลึกอยู่ละก็ เขาคงถูกหลี่ฝางฆ่าตายไปนานแล้ว
ทั้งสองคนนี้ต่างก็ไม่ใช่ “คนกันเอง”ของหลี่ฝางทั้งนั้น
ส่วนตอนนี้หลิวหย่งคนนี้เพิ่งจะพบหน้าหลี่ฝางเป็นครั้งแรก กลับคิดจะเป็น “คนกันเอง”ของหลี่ฝางแล้ว คนที่มาทีหลังย่อมดังกว่า เช่นนี้แล้วทั้งสองคนจะไม่ประหลาดใจได้อย่างไรกัน คิดยังไงก็ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดหลิวหย่งจึงทำเช่นนี้
ทั้งสามคนต่างก็มองไปยังหลี่ฝาง รอคอยการตัดสินใจของเขา
หลี่ฝางหรี่ตาแล้วยกแก้วเหล้าของตัวเองขึ้นมา
“ได้เลย งั้นฉันก็จะคอยดูว่าคุณจะช่วยฉันสานตาข่ายผืนใหญ่นี้ขึ้นมาได้ยังไง!”
เป๊ง! แก้วเหล้าสองใบกระทบกันเกิดเสียงดังใสกังวานขึ้น หลิวหย่งดื่มเหล้าในแก้วของตัวเองจนหมด ใบหน้าแสดงความปลาบปลื้มยินดีออกมาอย่างอดกลั้นไว้ไม่ได้
หลี่ฝางกลับไม่ค่อยได้คิดอะไรมากมาย เพียงแต่รู้สึกว่าอยากจะให้โอกาสกับหลิวหย่งสักครั้งหนึ่งเท่านั้น อาจไม่แน่จะมีสิ่งดีๆที่คาดคิดไม่ถึงเกิดขึ้นก็ได้
“ดี ดีๆ วันนี้ได้ดื่มเหล้าที่ดีจัง มาเร็วมา ทุกคนยกแก้วขึ้นมา ดื่มหมดแก้วเลย!” หยิ่นเจิ้งเป็นคนที่ลื่นไหลกว่าคนอื่น หลังจากตั้งสติคืนจากการตกตะลึงแล้ว ก็รีบรินเหล้า ทำให้บรรยากาศครึกครื้นมากยิ่งขึ้น
ในเวลานี้เอง ทันใดนั้นเกิดเสียงดัง“ปั้ง”ประตูของห้องจองพิเศษถูกพังออก มีสิ่งของก้อนกลมๆลูกหนึ่งลอยมาจากอากาศด้วยวิถีโค้งตกลงบนโต๊ะอาหาร
หลังจากที่ได้ฝึกฝนกำลังภายในแล้ว ประสาทสัมผัสทั้งห้าของหลี่ฝางนั้นรับรู้ได้ไวมากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ขณะที่สิ่งของกลมกลิ้งที่เพิ่งลอยผ่านเข้ามานั้น เขาก็เห็นชัดเจนแล้วว่าสิ่งนั้นคืออะไร สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นโกรธแค้นอย่างรุนแรง
นั่นมันเป็นศีรษะของฉินเสี่ยวหู่!
ใบหน้าของฉินเสี่ยวหู่ยังคงมีล่องลอยความหวาดกลัวหลงเหลืออยู่ ดวงตาที่เบิ่งโตทั้งสองข้างราวกับเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ
หลี่ฝางกระโดดตัวขึ้นมา ยื่นมือออกไป คว้าศีรษะของฉินเสี่ยวหู่เอาไว้ในมือ เพื่อป้องกันไม่ให้ไปตกกระแทกจานชามกับข้าวบนโต๊ะอาหารนั้นได้
“โคตรแม้งไอ้ฉิบหาย ไอ้เวรตะไลคนไหนที่ไม่รู้จักแหกตาดู!” หลี่ฝางลงมายืนบนพื้น ที่เหลืออีกสามคนนั้น ก็ได้เห็นชัดเจนว่าสิ่งที่โยนเข้ามาคืออะไร แมงป่องรีบตะโกนด่าด้วยคำหยาบทันที นึกไม่ถึงเลยว่าเขตอิทธิพลของตัวเองเวลากินข้าวยังเจอปัญหาเรื่องเช่นแบบนี้ได้
“แมงป่อง ไม่เห็นหน้าหลายวัน แกใจกล้ามากขึ้นไม่เบาเลยนะ?” น้ำเสียงประชดดังแว่วมาจากข้างนอก เมื่อได้ยินเสียงนี้แล้ว แมงป่องถึงกับตัวสั่นขึ้นมาทันที
คือตงฟางจัวนี่เอง!
ไม่ผิดเลย เป็นตงฟางจัวจริงๆ นอกจากเขาแล้ว ยังมีตงฟางเย่นอีกด้วย เธอนั่งอยู่บนรถเข็น ตงฟางจัวเข็นเธอเข้ามา เพราะว่าเมื่อคราวที่แล้วเธอประมือกับหลี่ฝางถูกทำร้ายจนขาหักไปข้างหนึ่ง ตอนนี้ขาข้างที่หักนั้นยังเข้าเฝือกแข็งอยู่เลย
ไม่เพียงแต่ตงฟางเย่นเท่านั้น คราวที่แล้วตงฟางจัวก็บาดเจ็บไม่เบาเหมือนกัน สีหน้ายังขาวซีดอยู่เลย สีเลือดไม่มีแม้แต่หยดเดียว
นอกจากพวกเขาสองคนแล้ว ข้างหลังยังติดตามด้วยเงาร่างห้าคน ล้วนเป็นชาวต่างชาติทั้งนั้น สี่คนในนั้นรูปร่างกำยำแข็งแรง เป็นชายหนุ่มกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ยังมีอีกคนหนึ่ง เป็นหญิงสาวที่จมูกงุ้มเหมือนเหยี่ยว รูปร่างผอมเพรียว สายตาของแต่ละคนนั้นล้วนแต่ เคร่งขรึมและเฉียบคม
ตงฟางจัวเดินเข้ามามองไปยังหลี่ฝางด้วยสีหน้าที่โหดเหี้ยม แสยะยิ้มแล้วพูดว่า “หลี่ฝางหัวคนที่อยู่ในมือของแกเป็นใครแกน่าจะรู้จักใช่ไหม?”
หลี่ฝาก้มหน้ามองฉินเสี่ยวหู่ที่อยู่ในมือมาตลอด จ้องมองสีหน้าที่หวาดกลัวของเขา ถามอย่างไม่เงยหน้าขึ้นมามอง “พวกแกฆ่าเขาใช่ไหม?”
“คนทรยศอย่างนี้ กล้าหักหลังพวกเราแอบส่งข่าวให้แก เขาก็สมควรตายแล้ว! ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับแกล้วนสมควรตายทั้งนั้น!” น้ำเสียงของตงฟางจัวเยือกเย็นมาก ราวกับลมหนาวทางขั้วโลกเหนือก็ไม่ปาน
“ตระกูลตงฟางของพวกแกไปเกี่ยวดองกับมู่หรงฉางเฟิงตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ยังมีพวกคนที่อยู่ข้างหลังแกไม่กี่คนนั้น เป็นคนของสำนักหยิ่งซา หรือว่าราชวงศ์ล่ะ? หือ?”
นึกไม่ถึงว่าคำพูดเรียบง่ายของหลี่ฝางก็เปิดโปงฐานะของคนกลุ่มนั้นออกมาแล้ว สีหน้าตงฟางจัวเริ่มเปลี่ยนลดน้อย “แกก็รู้จักสององค์กรนี้ด้วยเหรอ?”
เขาเข้าใจขึ้นมาทันที ยิ้มอย่างเย้ยหยันแล้วพูดว่า “พ่อแกสร้างความโกรธแค้นให้กับสององค์กรใหญ่นี้ แกรู้เรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกสินะ”
หลี่ฝางไม่ได้สนใจเขา ในที่สุดก็เงยหน้าขึ้นมา สายตาหยุดอยู่ตรงหน้าตงฟางเย่นที่นั่งอยู่ในรถเข็นนั้น “คราวที่แล้วคุณพูดเองว่าถ้าคุณแพ้แล้ว จะทำงานให้ฉัน ดูเหมือนว่าคุณยัง ไม่ยอมแพ้เลยนะ”
สีหน้าตงฟางเย่นขาวซีด อดกลั้นเล็กน้อยแล้วพูดว่า “หลี่ฝาง คุณยอมแพ้เถอะ ฉันจะห้ามพวกเขาไม่ให้ฆ่าคุณได้”
“ฆ่าฉันเหรอ?” หลี่ฝางราวกับได้ยินเรื่องขำที่สุดในโลก หัวเราะดังลั่นขึ้นมา “อาศัยพวกหมูหมากาไก่ไม่กี่ตัวนี้เหรอ ก็คิดจะมาฆ่าฉัน?”
เมื่อสิ้นเสียงพูด หลี่ฝางก็ส่งเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาทั้งคู่ของเขาส่องประกายความปรารถนาอยากดื่มเลือดขึ้นมาทันที
ภายในร่างกายของเขา เกิดกระแสพลังแข็งกล้ามหาศาลอย่างไร้เทียมทาน แล้วระเบิดพุ่งขึ้นมา
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของเขาเช่นนี้ ทำให้ทุกคนหน้าถอดสีทันที พวกห้าคนที่ยืนอยู่ข้างหลังตงฟางจัวนั้นแววตาล้วนแสดงความเหลือเชื่อออกมา!
พวกเขาทั้งห้าคนนั้นล้วนแต่เป็นยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงโด่งดังทางโลกตะวันตก แต่เมื่อก่อนก็เคยประมือกับหลอซ่ามาแล้ว เคยสัมผัสกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวที่เกิดขึ้นในตัวหลอซ่ามาแล้ว ส่วนตอนนี้กระแสพลังในตัวของหลี่ฝางนั้น ช่างใกล้เคียงกับหลอซ่าได้ถึงเพียงนี้เชียว!
หรือว่าหลี่ฝางสามารถที่จะเทียบเท่ากับหลอซ่าแล้ว?
วินาทีนี้เองในใจของทั้งห้าคนเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก อีกทั้งยังสงสัยว่าผู้ชายที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคนนี้หรือจะเป็นหลอซ่าแปลงโฉมมาเอง
ไม่เช่นนั้นแล้วก็ยากที่จะอธิบายได้ว่า ทำไมในร่างกายเด็กหนุ่มธรรมดาคนหนึ่งถึงมีพลังมหาศาลที่น่ากลัวเช่นนี้ได้!
“ลุย! ลุย! พวกแกกลัวอะไร เขาก็แค่ทำท่าข่มขู่เท่านั้นเอง ลุยพร้อมกันเลย ฆ่าเขาให้ได้!”
ในเวลานี้เอง หลังจากที่ตงฟางจัวตั้งสติคืนมาได้จากการเห็นพลังของหลี่ฝางแล้ว ก็รีบตะโกนร้องขึ้นมาทันที