NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 833 การแข่งรถของส้าวส้วย
“ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปคุณก็อยู่กับฉันแล้วกัน รอให้บาดแผลคุณหายดีก่อนแล้วฉันจะมอบหมายหน้าที่ให้คุณเอง”
หลี่ฝางตัดสินใจแล้วในเมื่อตอนนี้ยังคิดไม่ออกว่าจะทำยังไงดี ก็เอาตงฟางเย่นไว้ใกล้ตัวเองดีกว่า อย่างน้อยที่สุดเมื่ออยู่ข้างกายเขาผู้หญิงคนนี้คงไม่สามารถก่อเรื่องวุ่นวายอะไรขึ้นมาได้ หลังจากนั้นแล้วค่อยๆสั่งสอนเธอ คงจะต้องมีสักวิธีหนึ่งที่สามารถทำให้เธอเชื่อฟังแต่โดยดี
เมื่อกวาดสายตาไปยังพื้นห้อง ภายในห้องที่ใหญ่โตนี้ หลังจากผ่านการต่อสู้ที่นองเลือดมาแล้ว เหลือไว้เพียงซากศพของหกคนนั้น รวมทั้งซากปรักหักพังกระจัดกระจายไปหมด กลิ่นเหม็นแสบจมูกคละคลุ้งไปทั่วห้องจองพิเศษนั้น
หยิ่นเจิ้งแมงป่องพวกเขาสามคน ต่างก็แอบม้วนตัวอยู่ภายในมุมห้องหนึ่งไม่กล้าเข้ามาใกล้ ท่าทีของหลี่ฝางเมื่อกี้ทำให้พวกเขาตกใจขวัญกระเจิง แม้แต่ตอนนี้พวกเขาก็ยังรู้สึกเกรงกลัวอยู่ไม่น้อย
“ทำความสะอาดที่นี่ให้สะอาดเลย แต่เหลือตงฟางจัวนี้ไว้ ช่วยจัดการไอ้เบื๊อกที่เหลือทั้งหมดนี้ให้ฉันด้วย ยังมี…….”
หลี่ฝางเอ่ยปากสั่งการ แล้วมองไปยังศีรษะของฉินเสี่ยวหู่ที่ตกอยู่ตรงมุมห้อง ในใจอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
ถึงแม้ว่าฉินเสี่ยวหู่เมื่อก่อนนั้น เป็นคนที่เห็นแก่ตัวคนหนึ่ง และเป็นพวกสารเลวไร้จิตสำนึกที่ดี แต่ว่าหลังจากที่เขาได้ติดตามตัวเองแล้ว ก็พูดได้ว่ามีความซื่อสัตย์จงรักภักดี อีกทั้งยังเสี่ยงชีวิตเพื่อแจ้งข่าวคราวให้กับเขาอีกด้วย
หลี่ฝางคาดเดาว่า ก็อาจจะเพราะว่าคราวที่แล้วฉินเสี่ยวหู่ได้ส่งข่าวให้กับหลี่ฝาง ทำให้มู่หรงฉางเฟิงรู้ฐานะที่แท้จริงของฉินเสี่ยวหู่ ทำให้ฉินเสี่ยวหู่ต้องตายอย่างอนาถในเงื้อมมือของมู่หรงฉางเฟิง
มองดูสีหน้าของฉินเสี่ยวหู่ ก่อนตายคงต้องเจอกับการถูกทรมานอย่างแสนสาหัส อีกทั้งไม่เพียงแค่เขาเท่านั้น ยังมีคนในครอบครัวของเขาอีก เกรงว่าก็……
ในใจของหลี่ฝางรู้สึกเศร้าหมอง ความรู้สึกดีใจที่เกิดจากพละกำลังที่แข็งแกร่งขึ้นของตัวเองเมื่อครู่นี้ก็ได้จางหายไปจนไม่เหลืออะไรเลย
เขาไม่สามารถทำให้คนตายฟื้นคืนชีพได้ ทำได้แต่เพียงสาบานในใจอย่างเงียบๆว่าจะช่วยล้างแค้นให้กับเขา มู่หรงฉางเฟิง ชื่อนี้จะถูกจารึกเข้าไปอยู่ในรายชื่อที่ต้องสังหารของหลี่ฝางแล้ว
สำหรับฉินเสี่ยวหู่นั้น หลี่ฝางก็ทำได้แค่จัดพิธีงานศพอย่างสมเกียรติให้กับเขา เพราะว่าความเสเพลในสมัยก่อน ทำให้เขาไม่มีแม้แต่ทายาทลูกหลานเหลือไว้เลย
หลังจากเก็บกวาดทำความสะอาดภายในห้องจองพิเศษนั้นแล้ว หลี่ฝางก็ได้พูดคุยเจรจากับแมงป่องพวกเขา ปรึกษาหารือเกี่ยวกับแผนการขั้นต่อไปเพื่อจะขยายกิจการในอำเภอหลิน จากนั้นก็เตรียมตัวที่จะออกจากอำเภอหลิน
หลังจากเหตุการณ์อันสยองขวัญคืนนั้นแล้ว หลี่ฝางเชื่อแน่ว่าในช่วงเวลาอันยาวนานต่อจากนี้ไป แมงป่องพวกเขาคงไม่กล้าที่จะคิดไม่ซื่อต่อหลี่ฝางแล้ว
หลี่ฝางจึงขับรถพาตงฟางเย่นกลับเมืองเอก และตรงไปยังสถานตากอากาศทันที
นึกไม่ถึงว่ากลับมาคราวนี้ ฉินวี่เฟยก็มาด้วย เมื่อเห็นหลี่ฝางพาหญิงสาววัยละอ่อนคนหนึ่งกลับมาด้วย ท่าทางของฉินวี่เฟยก็ตกใจมาก ดวงตาโศกเศร้าเล็กน้อย
เมื่อเห็นท่าทางของฉินวี่เฟยแล้ว หลี่ฝางก็รู้ว่าฉินวี่เฟยเข้าใจผิดแล้ว จึงรีบอธิบายให้ฉินวี่เฟยฟังว่า “นี่คือคนของตระกูลตงฟางที่คิดจะฆ่าฉัน แต่ถูกฉันจับกลับมาได้ กำลังจะปรึกษากับโหจื่อว่าจะจัดการอย่างไรกับเธอดี”
เมื่อฟังคำอธิบายของหลี่ฝางแล้ว ฉินวี่เฟยก็เปลี่ยนเป็นอารมณ์ดีขึ้นมาทันที ถึงแม้ในใจอาจยังไม่ค่อยเชื่อนัก แต่เธอก็เลือกที่จะยอมเชื่อคำพูดของหลี่ฝางว่าเป็นความจริง
หลังจากปลอบโยนฉินวี่เฟยแล้ว หลี่ฝางก็พาตงฟางเย่นไปหาโหจื่อจริงๆ ร่างกายของโหจื่อฟื้นฟูดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ตอนนี้สามารถที่จะขยับเขยื้อนทำกิจกรรมเล็กน้อยได้แล้ว แน่นอนที่จะไปรบราฆ่าฟันกับใครก็คงยังเป็นไปไม่ได้
เมื่อเห็นหลี่ฝางเข็นรถเข็นที่ตงฟางเย่นนั่งอยู่ โหจื่อก็รู้สึกตกใจทันที
“ตงฟางเย่น? แกพาเธอมาได้ยังไงล่ะ?”
“เธอถูกฉันทำร้ายจนขาหัก แล้วตกลงกันไว้ว่าถ้าแพ้ให้ฉันก็ต้องมาอยู่กับฉัน ดังนั้นฉันก็พาเธอมาที่นี่แหละ” หลี่ฝางอดไม่ได้ที่จะพูดคุยโว จากนั้นก็เล่าเรื่องที่ผ่านมาให้โหจื่อฟัง
หลังจากโหจื่อฟังแล้วก็แลบลิ้นใส่ ยกนิ้วหัวแม่โป้งให้กับหลี่ฝาง พูดอย่างสะท้านใจว่า “แค่พริบตาเดียว แกก็สามารถเก่งกาจกว่าฉันแล้ว”
“แกสู้ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เหรอ?”
“ไม่ใช่ ถ้าหากใช้ปืนละก็ เธอจะต้องตายแน่นอน แต่ถ้าใช้แขนขาเตะต่อย แฮๆ……..”โหจื่อหัวเราะอย่างเขินอายเล็กน้อย
หลี่ฝางพยักหน้า ทันใดนั้นก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา จึงถามตงฟางเย่นว่า “ถุงมือไหมฟ้าของคุณนั้นล่ะ ใส่แล้วสามารถจะจับลูกกระสุนได้ด้วยมือเปล่าเหรอ?”
เขาจำได้ว่าคราวที่แล้วตงฟางเย่นเคยเอาออกมาอวดเขา ถุงมือไหมฟ้านั้นแทบจะไม่มีช่องว่างอะไรเลย ต่อให้เป็นกระสุนปืน มันก็ยังสามารถลดพลังแรงลงไปครึ่งหนึ่งได้ ถ้าหากได้ใส่ขึ้นมาจริงๆแล้วสามารถจับกระสุนด้วยมือเปล่าละก็ งั้นมันคงวิเศษยอดเยี่ยมไปเลยเชียว!
เมื่อได้ยินหลี่ฝางพูดเพ้อฝันเช่นนี้ ในใจของตงฟางเย่นรู้สึกอึ้งจนพูดไม่ออก
“คุณคิดมากไปแล้ว ต่อให้ถุงมือไหมฟ้าสามารถลดความแรงของลูกกระสุนที่ยิงเข้ามาได้ พลังแรงที่เหลือมืออีกข้างก็จะรับไว้ไม่ไหว อีกทั้งต่อให้คุณไปจับ ความเร็วของกระสุนเร็วขนาดนั้น คุณสามารถจับได้เหรอ?”
พูดพลางตงฟางเย่นก็ทำตาค้อนใส่ เธอเคยได้ยินตงฟางซั่ว ก็คือปู่ของเธออาจจะเคยจับกระสุนปืนไว้ได้ หลี่ฝางเพิ่งจะฝึกกำลังภายในได้ไม่กี่วัน ก็คิดอยากจะตามให้ทันความเร็วของลูกกระสุนเลยเหรอ?
เมื่อได้ยินตงฟางเย่นพูดเช่นนั้น หลี่ฝางก็ยิ้มอย่างขวยเขิน ความคิดของตัวเองมันช่างใสซื่อเกินไปแล้ว
โหจื่อที่อยู่ด้านข้างกลับไม่พอใจ ตะโกนด่าว่า “แม้งดูถูกใครเหรอ เป็นแค่เชลยก็ต้องอยู่อย่างเชลยสิ เข้าใจป่าว? คุณชายหลี่ของพวกฉันมีพรสวรรค์สูงส่งที่สุดในใต้หล้านี้ ต่อให้มีสักวันหนึ่งสามารถที่จะจับลูกกระสุนปืนได้ก็ไม่เห็นแปลกอะไรเลย สำหรับแก ก่อนอื่นก็ควรจะไปฝึกซ้อมการเป็นสาวใช้ยังไงจึงจะเข้าเกณฑ์จะดีกว่านะ”
“ฉัน ฉันไม่ใช่สาวใช้นะ……” ตงฟางเย่นอ้าปากเถียงอย่างหมดเรี่ยวแรง แต่ว่าเสียงที่พูดออกมาแผ่วเบามาก ตอนนี้เขาตกอยู่ในเงื้อมมือของหลี่ฝางแล้ว ต่อให้หลี่ฝางจะให้เธอเป็นคนใช้จริงๆ ช่วยยกน้ำยกน้ำชากาแฟ ขอเพียงแต่ไม่ออกนอกลู่นอกทางเกินไป หรือว่าเธอยังจะใช้ความตายมาต่อต้านอีกเหรอ?
“ใช่แล้ว เซี่ยจือชิวคนนั้นแกยังจำได้หรือเปล่า?” หลังจากที่พูดคุยกันสักพักแล้ว โหจื่อก็ถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“จำได้สิ เป็นยังไงเหรอ?” หลี่ฝางหยุดชะงักเล็กน้อย ไม่รู้ทำไมโหจื่อจึงพูดถึงคนนี้ขึ้นมากะทันหัน
เซี่ยจือชิวเคยแข่งรถกับส้าวส้วยแล้วแพ้ให้เขามาก่อน แต่ว่าแพ้อย่างชนิดที่ไม่ยอมแพ้ คิดมาตลอดว่าจะแข่งเอาคืนกับส้าวส้วยอีกครั้งหนึ่ง คราวที่แล้วเขาเคยมาหาหลี่ฝาง แล้วบอกว่าวันที่1เดือนหน้าเขาจะจัดการแข่งขันขึ้นที่ภูเขาหมาป่าและอยากจะแข่งกับส้าวส้วยอีกครั้งหนึ่ง อีกทั้งยังใช้ธุรกิจการค้าของบ้านตระกูลหลี่ข่มขู่หลี่ฝาง จะต้องให้ส้าวส้วยมาแข่งขันให้ได้
แต่ว่าตอนนี้ส้าวส้วยก็ได้จากไปแล้ว ส่วนหลี่ฝางตั้งแต่ต้นจนจบก็ยังไม่เคยพูดเรื่องแข่งขันกับส้าวส้วยเลย เพราะว่าส้าวส้วยจะไปช่วยเหลือพ่อเขาหลอซ่า สถานการณ์ทางนั้นวิกฤตมาก เขาไม่อยากให้ส้าวส้วยเสียสมาธิเพราะเรื่องแค่นี้
“สามวันหลังจากนี้ก็คือวันที่1เดือนหน้าแล้ว ตอนนี้ส้าวส้วยกลับไปแล้ว ก็มีแต่แกเท่านั้นที่จะต้องลงแข่งขันกับเซี่ยจือชิวคนนั้นแล้วล่ะ” โหจื่อพูดพลางหัวเราะ
หลี่ฝางตกใจเล็กน้อย พูดอย่างไม่เข้าใจว่า “ไอ้เวรไม่ใช่ล่ะมั้ง พวกเรายังต้องไปแข่งขันกับเซี่ยจือชิวไอ้ซื่อบื้อนั้นด้วยเหรอ?”
“เบื้องหลังครอบครัวไอ้หมอนั้นไม่ธรรมดาเลยนะ ถ้าหากไม่ตกลงกับเขาคงจะต้องมีปัญหายุ่งยากแน่ ตอนนี้พวกเราไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปเป็นศัตรูกับเขา เพียงแต่ต้องเสียเวลาทุ่มเทให้กับการแข่งรถนิดหน่อยเพื่อสยบเขาก็พอแล้ว”
ลุงเฉียนก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมาเลย เรื่องภายในสถานตากอากาศจึงต้องตกอยู่ในการดูแลของหลี่ฝางเพียงคนเดียว จึงไม่สมควรที่จะไปสร้างปัญหาขัดแย้งที่ไร้สาระเพิ่มขึ้นมาใหม่ หลี่ฝางพยักหน้า เห็นด้วยกับความคิดของโหจื่อ
“แต่ว่า ถ้าฉันชนะไอ้ซื่อบื้อนั้นแล้วเขายังไม่ยอมเลิกราจะทำยังไงดีล่ะ?”