NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 834 คนที่แข่งกับแกคือฉัน
“งั้นก็จัดการฆ่าเขาทิ้ง!” สีหน้าโหจื่อเต็มไปด้วยกลิ่นอายพิฆาต แต่ว่าหลังจากที่พูดคำนี้ออกมาแล้ว โหจื่อกลับหัวเราะอย่างทะเล้นแล้วพูดว่า “ฝีมือแกตอนนี้ถ้าจะฆ่าเขาทิ้งน่าจะเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก หลังจากฆ่าเขาแล้วก็เอาไปโยนไว้สวนหลังบ้านของท่านจวนให้เขาแบกภาระแพะรับบาปไป”
หลี่ฝางพูดอะไรไม่ออก แผนการของโหจื่อนี้สกปรกเกินไป แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นความคิดที่ไม่ดีเสียทีเดียว ไม่แน่อาจจะเป็นการตรวจสอบว่าท่านจวนได้ออกไปจากเมืองเอกแล้วจริงหรือไม่
เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว ในใจของหลี่ฝางก็คิดว่าไม่ว่าจะมีการแข่งรถหรือไม่ก็ตามก็ต้องสังหารเซี่ยจือชิว แต่ว่าเขาก็ล้มเลิกความคิดนี้ไปในทันที
ตอนนี้จิตสังหารของเขายิ่งมายิ่งรุนแรงมากขึ้นแล้ว หากยังเป็นเช่นนี้อีกต่อไป อาจไม่แน่จะเกิดปัญหาใหญ่หลวงตามมาก็ได้
“มีปัญหาอีกอย่างหนึ่งคือ ฉันไม่มีฝีมือเทคนิคการขับรถที่เก่งกาจอย่างนั้นเหมือนส้าวส้วยนี่นา อีกอย่างในช่วงเวลาสั้นๆอย่างนี้ พวกเราก็ไม่มีเวลาที่จะไปดัดแปลงสภาพรถที่ดีเพื่อลงแข่งขันได้”
“รถของส้าวส้วยที่ลงแข่งตอนนั้น ก็เป็นเพียงแค่มัสแตงคันหนึ่งเท่านั้นเอง แกดูรถของตัวเองสิ หรือว่ายังจะกลัวแพ้อีกเหรอ?” โหจื่อถามอย่างทีเล่นทีจริง
“แต่ว่าฉันไม่ใช่ส้าวส้วยนะ” หลี่ฝางถอนหายใจ
“ดูเหมือนว่าแกเทียบกับส้าวส้วยแล้ว ยังขาดความกล้าหาญไปหน่อย เช่นนั้นแล้วการแข่งรถครั้งนี้ก็ยิ่งจำเป็นที่จะต้องลงแข่งแล้ว” โหจื่อมองหน้าหลี่ฝางแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“ตอนที่แข่งขันครั้งนั้นแกก็อยู่ด้วย การแข่งขันนั้นเป็นการประลองความใจกล้าละเอียดอ่อนแล้วก็ไหวพริบปฏิภาณที่ตอบโต้เฉียบไว ไหวพริบการตอบโต้ของแกตอนนี้ ความเร็วสามารถที่จะเทียบเท่ากับส้าวส้วยในตอนนั้นได้แล้ว ทำไมถึงยังไม่กล้าลงแข่งอีกล่ะ? แกกลัวที่จะแพ้แล้วเสียหน้า หรือว่ากลัวจะเอารถพุ่งชนตกหน้าผาไปใช่ไหมล่ะ?”
หลี่ฝางก็ไม่รู้ว่าตัวเองกลัวอะไรอยู่กันแน่ เขาไม่รู้แม้กระทั่งว่าอารมณ์ตัวเองเช่นนี้เป็นความกลัวหรือเปล่า เมื่อฟังโหจื่อพูดเช่นนี้แล้ว เขาก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างเงียบๆ
“ฉันรู้ว่า แกไม่ได้กลัวอย่างอื่นหรอก แต่กลัวส้าวส้วยมากกว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาส้าวส้วยได้อยู่ข้างกายแกมาตลอด เขาได้สร้างเงามืดที่แข็งแกร่งฝังลึกไว้ในใจแกแล้ว ในวัยที่อยู่รุ่นราวคราวเดียวกันนั้น ส้าวส้วยแข็งแกร่งมากเกินไปและสมบูรณ์แบบมาก ทำให้ในใจแกรู้สึกเหมือนสูงเกินเอื้อมไปแล้ว แกจึงรู้สึกว่าเรื่องแบบนี้มีเพียงส้าวส้วยเท่านั้นที่สามารถทำได้ หากเปลี่ยนเป็นแกแล้วก็จะทำไม่ได้ ดังนั้นแกจึงเกิดความกลัว ที่ฉันพูดมานี้ถูกไหม?”
คำพูดของโหจื่อก็เหมือนปลายมีดที่แหลมคม ผ่าเข้าไปในกลางใจของหลี่ฝางอย่างไม่ลังเล พูดอธิบายปัญหาเรื่องที่แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เข้าใจออกมาได้อย่างแจ่มแจ้งแดงแจ๋
“ถ้าหากเป็นพ่อแก หรือว่าเป็นท่านจวน ก็จะไม่ทำให้เกิดเงามืดฝังอยู่ในใจแกอย่างนี้หรอก เพราะว่าพวกเขาเป็นผู้อาวุโสกว่า คนหนุ่มสาวย่อมจะต้องก้าวล้ำคนแก่เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว แต่ว่าส้าวส้วยเป็นคนที่โดดเด่นที่สุดในวัยเดียวกัน ดังนั้นแกเองก็เลยผูกมัดความกล้าหาญของตัวเองเอาไว้”
โหจื่อค่อยๆพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม “การกำจัดมารในจิตใจยากยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด การแข่งขันครั้งนี้แกจำเป็นที่จะต้องไปลงแข่งด้วย ไม่เพียงแต่จะต้องชนะ อีกทั้งยังต้องทำลายสถิติที่ส้าวส้วยเคยทำไว้ครั้งที่แล้วด้วย ต่อให้ต้องขับรถดึ่งลงไปหน้าผาลึก แกก็จะต้องขับมันออกมาให้ได้!”
“ขอเพียงทำได้เช่นนี้ แกก็สามารถที่จะเอาชนะตัวเอง เอาชนะส้าวส้วยได้ สามารถก้าวเดินไปไกลมากยิ่งกว่าเดิม ก้าวไปไกลยิ่งกว่าและแข็งแกร่งกว่าใครๆทั้งหมด!”
คำพูดของโหจื่อนั้นราวกับไม้แขกหัว แต่ละคำทิ่มแทงลงไปในใจของหลี่ฝาง ดวงตาทั้งคู่ของหลี่ฝางยิ่งมายิ่งสว่างมากขึ้น ความมุ่งมั่นในการแข่งขันยิ่งมายิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น ก็เหมือนเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำลุกไหม้ พวยพุ่งไปอย่างไม่หยุดยั้ง…….
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงวันที่1ในวันนี้ เมื่อท้องฟ้ามืดค่ำลง เชิงเขาหมาป่ากลับครึกครื้นอย่างมาก
คราวนี้เซี่ยจือชิวเตรียมตัวมาอย่างดี เชื้อเชิญผู้คนจำนวนมากมาเข้าร่วมแข่งขันครั้งนี้ อีกทั้งตัวเองยังทุ่มทุนถึงสิบล้านลงไปในเงินรางวัลด้วย ก็เพื่อต้องการที่จะดึงดูดผู้คนจำนวนมากมาสนใจการแข่งขันในครั้งนี้
เขาต้องการให้ทุกสายตาจับจ้องมองเขาในขณะที่เอาชนะส้าวส้วย จึงจะลบล้างความอับอายที่เคยพ่ายแพ้ในครั้งที่แล้ว ไม่เช่นนั้นแล้วต่อให้เขาชนะก็ยังไม่สะใจเขาเท่าไรนัก
รถยนต์แต่ละคันต่างทยอยมาจอดอยู่ที่เชิงเขา ทำให้แสงไฟสว่างไสวไปทั่วเชิงเขานั้น บางคนก็มาแข่งรถซิ่ง ส่วนบางคนก็มาเพื่อคบหาสมาคมเพื่อนฝูง และยังมีคนจำพวกที่มาเพื่อชมดูความครึกครื้นสนุกสนาน เพราะว่าครั้งที่แล้วเทพแห่งนักซิ่งรถคนใหม่ได้ถือกำหนดขึ้นแล้ว ทำให้ผู้คนรู้สึกตื่นเต้นมาก ต่างก็ตั้งใจอยากจะมาเป็นพยานให้เห็นกับตาตัวเองว่าเทพนิยายนี้จะเกิดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
รถยนต์หรู่ๆหลายคันมารวมกันอยู่ เซี่ยจือชิวกับพวกหลายคนรวมกันเป็นกลุ่มเล็กๆ
“นักแข่งรถภูเขาหมาป่าที่แกพูดถึงคนนั้น เขาจะมาจริงเหรอ?” ผู้ชายที่ย้อมผมสีทองทั้งหัวถามเซี่ยจือชิวด้วยรอยยิ้ม
“เขาต้องมาแน่ ฉันเสียเวลามานานมากกว่าจะไปสืบรู้มาว่าคนที่ชื่อหลี่ฝางคนนั้นเขาสนิทสนมกับนักแข่งรถเขาหมาป่ามากทีเดียว เขาไม่มีทางที่จะทิ้งตระกูลหลี่แล้วหนีไปคนเดียวอย่างแน่นอน” เซี่ยจือชิวมีความเชื่อมั่นอย่างมาก ก่อนหน้านั้นเขาสืบหาข้อมูลมามากแล้ว จึงมีความมั่นใจเต็มร้อย
“มาคราวนี้ ฉันทำให้นักแข่งรถภูเขาหมาป่าคนนั้นมาได้แต่กลับออกไปไม่ได้!” ดวงตาของเซี่ยจือชิวดูโหดเหี้ยมมาก เขาไม่ใช่เป็นคนที่ใจกว้างเลย คราวที่แล้วพ่ายแพ้ให้กับส้าวส้วยทำให้เขาผูกใจเจ็บมาโดยตลอด อัดอั้นทรมานมาเป็นเวลานานแล้ว ไม่เช่นนั้นเขาไม่มีทางที่จะยอมจัดการแข่งขันขึ้นใหม่อีกครั้ง
ส่วนในใจของเซี่ยจือชิวนอกจากต้องการเอาชนะส้าวส้วยแล้ว ก็ยังมีความคิดชั่วร้ายแอบแฝงอยู่อีกด้วย อย่างเช่นว่าถ้าพบว่าเอาชนะเขาไม่ได้จริงๆแล้ว งั้นก็…….
ในเวลานั้นเอง ห่างไปไม่ไกลนักก็มีเสียงคำรามดังลั่นขึ้น รถปอร์เช่ 918 สีแดงคันหนึ่งพุ่งตรงเข้ามา ทะยานเข้ามาจอดอยู่ตรงหน้าเซี่ยจือชิวพอดี
“คนมาเยอะจังเลยนะ เซี่ยจือชิว เมื่อไหร่จะเริ่มแข่งขันล่ะ ฉันชักจะรอไม่ไหวอยู่แล้วนะ” หลี่ฝางนั่งอยู่ในรถมองไปยังเซี่ยจือชิวแล้วถามด้วยรอยยิ้ม
“ฮ่าๆ แกมาแล้วจริงๆ ไอ้หมอนั่นที่แข่งกับฉันคราวที่แล้วล่ะ หลบซ่อนฐานะไว้นานขนาดนั้นแล้ว คราวนี้ก็ควรจะเปิดเผยตัวหน่อยคงไม่เป็นไรมั้ง” เซี่ยจือชิวทำตาหรี่แล้วยิ้มเยาะเย้ย
หลี่ฝางหัวเราะ ชี้มาที่ตัวเอง “ก็คือฉันไง”
“แกเหรอ?” สีหน้าของทุกคนต่างก็แสดงความตกตะลึงออกมา เซี่ยจือชิวท่าทางหยุดชะงักทันที เขาตะโกนด่าว่า “แม้งแกล้อเล่นอะไรกันวะ?”
“ไม่ได้ล้อเล่น ก็คือฉัน คุณชายเซี่ยคงไม่ใช่ว่าจะไม่กล้าแข่งกับฉันใช้ไหม?” หลี่ฝางพูดด้วยสีหน้าบริสุทธิ์ใจ
“ถ้าเป็นแกก็เห็นผีแล้วแหละ! การแข่งวันนั้นแกก็เป็นแค่คนดูเท่านั้นเอง อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ!” เซี่ยจือชิวพูดตะคอกด้วยความโมโหจัด
“ไม่ใช่เป็นเพราะว่าไอ้หมอนั่นกลัวตาย เลยรีบเผ่นหนีไปก่อน แกหาคนไม่ได้ แล้วกลัวว่าถ้าไม่มีคนมาแทนฉันจะทุบทำลายธุรกิจของแก ดังนั้นตัวเองเลยต้องรีบวิ่งมารนหาที่ตายถึงที่นี่ใช่ไหม? ฉันบอกแกเลยนะ อย่าแม้แต่จะคิด!”
หลี่ฝางหยุดชะงักสักครู่ แล้วหัวเราะอย่างทะเล้น “ฉันบอกแล้วไง คืนนี้ที่มาแข่งขันก็มีเพียงคนเดียว นั้นก็คือฉัน ไม่ว่านักแข่งรถภูเขาหมาป่าคนก่อนหน้านี้จะเป็นใครก็ตาม ตอนนี้ก็มีแค่คนเดียว นั้นก็คือฉัน และอีกไม่นานคนที่จะชนะแก ก็คือฉัน ถ้าหากว่าแกไม่กล้าละก็ ก็รีบยอมรับความพ่ายแพ้แล้วใส่หัวกลับไปเลย”
ใบหน้าเซี่ยจือชิวโกรธจัดจนไม่อาจจะควบคุมไว้ได้ ในเวลานี้เองคนรอบข้างก็เข้ามารายงานว่า “คุณชายเซี่ย เวลาใกล้จะถึงแล้ว รอไม่ได้อีกแล้ว เริ่มเลยเถอะ”
เซี่ยจือชิวหน้าเปลี่ยนสีไม่หยุด สุดท้ายก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเต็มหน้าแทน ใช้สายตาราวกับมองคนตายจ้องมองไปยังหลี่ฝาง แสยะยิ้มแล้วพูดว่า “ได้เลย ไอ้เด็กเวร แกแน่มาก อีกประเดี๋ยววิ่งบนถนนก็ไปดีๆล่ะ อย่าทิ้งห่างจากฉันมากเกินไป ไม่เช่นนั้นแล้วฉันก็จะลงมือกับธุรกิจของแกเหมือนเดิม”
“ไม่รบกวนท่านต้องลำบากใจหรอก อีกประเดี๋ยววิ่งขึ้นมาแกก็อย่ามองไม่เห็นแม้กระทั่งไฟท้ายรถฉันก็แล้วกัน!”
หลี่ฝางหัวเราะเสียงดังลั่น ค่อยๆขับรถออกไปข้างหน้า เข้าสู่ทางไปหุบเขา
ในขณะเดียวกัน รถคันอื่นก็ทยอยขับเข้าไปตามลำดับ