NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 855 การตัดสินใจ
“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ การแข่งขันจากกองกำลังที่แข็งแกร่งนั้นลดลงไป จากนั้นพวกคุณค่อยปล่อยข่าวที่ได้ร่วมมือกับข้างบนแล้วออกไป พวกคนที่เหลืออยู่ก็ไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว”
เมื่อเข้าใจความคิดของเกาจื้อสิง หลี่ฝางก็ยิ้มพลางกล่าว
“คุณหลี่พูดถูก แต่คุณหลี่รู้หรือไม่ว่า ทำไมหลังจากที่พวกเราตัดสินใจร่วมมือกับเบื้องบนแล้ว เบื้องบนกลับส่งคุณมาเพียงคนเดียว?” เกาจื้อสิงยิ้มขึ้นมาอย่างขมขื่น
“ผมไม่ได้ดูถูกคุณหลี่ แต่คุณหลี่เองก็น่าจะเข้าใจ มูลค่าของยาเพิ่มพลังความแข็งแกร่งนั้น ต่อให้เบื้องบนรู้ว่าไม่สามารถผลิตครั้งละจำนวนมากได้ ก็ไม่มีทางที่จะมีท่าทีแบบนี้”
หลี่ฝางพยักหน้า เขาไม่ได้พูดอะไร
มองดูท่าทีของหลี่ฝาง เกาจื้อสิงรู้ว่าหลี่ฝางได้เดาออกตั้งนานแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ปิดบังอีกต่อไป แล้วพูดความจริงออกมาด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น
“บอกตามตรง ตั้งแต่ตอนที่วิจัยยาตัวนี้ได้สำเร็จ ข้างบนก็ได้ส่งคนมาพูดคุยแล้วกับฉัน พวกเขาจะจัดการกับเรื่องทุกอย่างนี้เอง เงื่อนไขก็คือผลการวิจัยจะไม่ใช่ของพวกเราอีกต่อไป แต่ว่าเงื่อนไขนี้ฉันยังไม่ได้รับปาก”
หลี่ฝางเข้าใจขึ้นมาในทันที สามารถสร้างผลิตภัณฑ์ยุคสมัยใหม่อย่างยาเพิ่มพลังความแข็งแกร่งขึ้นมาได้ จะบอกว่าเกาจื้อสิงไม่มีความคิดอะไรนั้นก็คงเป็นไปไม่ได้ แต่ข้างบนไม่ต้องการให้เขามีความคิดอะไร และได้เก็บเอาทุกอย่างไป ในฐานะนักธุรกิจที่มีความทะเยอทะยาน เกาจื้อสิงได้เกิดลังเลขึ้นแล้ว
เกาจื้อสิงต้องการใช้โอกาสนี้ลองดูสักตั้ง ข้างบนไม่อยากให้เขามีความคิดอะไรที่ไม่ดีขึ้นมาหรอกนะ ดังนั้นถึงได้แสดงท่าทีแบบนี้ออกมา ความหมายที่ซ่อนอยู่ในนั้นก็คือเป็นการตักเตือนเกาจื้อสิง
แน่นอน ความคิดของเบื้องบนนั้นไม่ได้ง่ายแบบนี้ ส่วนเหตุผลอื่น ๆ นั้น ก็ไม่จำเป็นที่ต้องอธิบายอะไรอีก
“ถ้าหากผมเดาไม่ผิดล่ะก็ คุณหลี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ตัวแทนที่เบื้องบนส่งมา หรือบางทีคุณหลี่น่าจะไม่ใช่แม้กระทั่งคนที่มาจากที่นั่นใช่ไหม?”
เกาจื้อสิงจ้องมองหลี่ฝางด้วยสายตาที่ร้อนแรง
หลี่ฝางชะงักงัน เขาคิดไม่ถึงว่าเกาจื้อสิงจะคาดเดาถึงจุดจุดนี้ได้ เขายังคงมองจิ้งจอกเฒ่าที่อยู่ในแวดวงธุรกิจพวกนี้ต่ำไป แต่ว่านะเรื่องนี้ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวว่าคนอื่นจะรู้ หลี่ฝางพยักหน้าอย่างไม่สะทกสะท้าน และได้แนะนำสถานการณ์ของตัวเองโดยสังเขป
เมื่อได้ฟังคำพูดของหลี่ฝาง แววตาของเกาจื้อสิงยิ่งเปล่งประกายขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้ายแล้วเขาก็ได้เอ่ยโพล่งออกมา: “ตัวคุณหลี่เองก็คงมีความคิดอะไรบางอย่างต่อยาเพิ่มพลังความแข็งแกร่งเหมือนกันสินะ ไม่รู้ว่า……คุณหลี่มีความคิดที่จะร่วมมือบ้างหรือไม่?”
หลี่ฝางยิ้มขึ้นมาอย่างขมขื่น แท้จริงแล้วจิ้งจอกเฒ่าคนนี้มีความคิดเช่นนี้นี่เอง แต่ว่าพอครุ่นคิดอย่างละเอียดแล้ว เขายังคงส่ายหัว และกล่าวอย่างไม่เสียดาย: “พูดตามตรง ถึงแม้ของสิ่งนั้นจะดึงดูดสายตาผมมาก แต่ตอนนี้พวกเราไม่มีพลังส่วนเกินเหลืออยู่อีกแล้ว อย่าว่าแต่ตระกูลของผมเลย ต่อให้เป็นผมเอง ก็ได้ถูกยอดฝีมือคนหนึ่งคอยจับตามองอยู่ ดังนั้นผมถึงได้ให้พวกคุณรีบตัดสินใจ เพราะว่าหลังจากนี้ผมอาจจะไม่สามารถปกป้องพวกคุณได้อีกแล้ว หรือแม้กระทั่งอาจนำอันตรายที่ไม่จำเป็นมาให้พวกคุณอีกด้วย”
ความคิดของเกาจื้อสิง คือผูกตระกูลหลี่เข้ากับเรือของบริษัท HTไบโอไซเอนซ์ จำกัด เพื่อเพิ่มพลังและเบี้ยตัวสำคัญให้กับพวกเขา พอถึงเวลาที่ต้องเจรจากับด้านบนก็พอมีกำลังในการเจรจามากขึ้น
ส่วนที่ว่าทำไมถึงต้องเลือกตัวเอง เลือกตระกูลหลี่นั้น หลี่ฝางเองก็ไม่อาจรู้ได้ คงไม่อาจหลงตัวเองจนถึงขั้นคิดว่าตาแก่นั่นได้ชื่นชมตัวเองอยากรับตัวเองเป็นลูกเขยหรอกใช่ไหมล่ะ?
“แบบนี้เองเหรอ” เมื่อได้ยินคำตอบจากหลี่ฝาง เกาจื้อสิงก็ได้กล่าวด้วยผิดหวังเล็กน้อย
“เอาอย่างนี้ คุณเกาเองก็ลองคิดดูดี ๆ ผมขอแนะนำ พอถึงเวลาที่ต้องปล่อยวางก็ควรที่จะปล่อยวางอะไรบางอย่างถึงจะได้”
หลังจากที่หลี่ฝางได้พูดประโยคนี้กับเกาจื้อสิงเสร็จก็ได้เดินออกไปจากห้องพักผู้ป่วย เขาต้องการให้เกาจื้อสิงคำนวณผลได้ผลเสียด้วยตัวเอง เพื่อไม่ให้ตัดสินใจแล้วมาเสียใจภายหลัง
……
หลี่ฝางที่เดินออกมาจากห้องพักผู้ป่วย หลังจากที่ได้ปิดประตูลงแล้ว ก็ได้ยินเสียงสนทนาระหว่างเกาจื้อสิงและผู้รับผิดชอบที่เบื้องบนส่งมาเจรจา
“ผมยอมรับเงื่อนไขทุกอย่างของพวกคุณ”
“หวังว่าพวกคุณจะพูดคำไหนคำนั้น ค่าตอบแทนที่ให้ผมจะไม่ลดน้อยลง”
“โอเค ขอบคุณพวกคุณมาก”
……
ฟังเสียงที่ได้ดังลอยมากระทบหูนั้น หลี่ฝางก็ทอดถอนใจออกมา เพื่อเป็นการแสดงความเสียใจสุดท้ายที่ได้พลาดกับยาเพิ่มพลังความแข็งแกร่งไปนั่นไป
อย่างอื่นเดิมทีเขาก็น่าจะคาดเดาได้แล้ว รัฐบาลไม่มีทางที่จะให้ตัวยาอย่างยาเพิ่มพลังความแข็งแกร่งตกอยู่ในมือของคนเพียงคนเดียว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าให้มันไปปรากฏขึ้นในต่างประเทศ
หลี่ฝางสงสัยแม้กระทั่งว่า ตอนนี้ทางรัฐบาลดูเหมือนกับได้เพิกเฉยต่อบริษัท HTไบโอไซเอนซ์ จำกัด แต่ในความเป็นจริงแล้วทั่วทั้งในและนอกเมืองเป่ยไห่ ต่างก็ได้ถูกรัฐบาลควบคุมเอาไว้แล้วเรียบร้อย ขอเพียงแค่พบว่ามีกองกำลังอื่น ได้รับสูตรยาเพิ่มพลังความแข็งแกร่งนี้ไป ก็จะถูกรวบตัวทันที
เหตุผลที่เงียบมาโดยตลอดนั้น ก็เพื่อเป็นขั้นบันไดให้ตระกูลเกาได้เดินลงมา ไม่อยากทำลายความสัมพันธ์ระหว่างอัจฉริยะอย่างเกาเมิ่งฉีไปเท่านั้นเอง
เช่นนั้นก็หมายความว่า หลี่ฝางที่ทำให้เกาจื้อสิงทำการตัดสินใจขั้นสุดท้ายนี้ได้นั้น ดูเหมือนว่าจะมีความดีความชอบไม่น้อย
“ไม่ได้ จะให้เรื่องนี้ผ่านไปแบบนี้ไม่ได้ จะต้องทำให้หลิวฮุยเสียเลือดบ้างถึงจะได้” หลี่ฝางคิดด้วยความไม่ค่อยพอใจเล็กน้อย
ไม่นาน หลี่ฝางก็ได้ทำการตัดสินใจ ครั้งหน้าเมื่อได้พบกับหลิวฮุย จะต้องไม่ปล่อยเขาไปง่าย ๆ อย่างแน่นอน
คนของเบื้องบนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว จากนั้นไม่นานก็ได้มีทหารในเครื่องแบบถูกส่งเข้ามาประจำตำแหน่งอยู่เรื่อย ๆ ทำให้หมอและคนป่วยคนอื่น ๆ ที่อยู่ในโรงพยาบาลต่างก็ให้ความสนใจ
หลี่ฝางสังเกตดูอยู่ครู่หนึ่ง และได้พบว่าคนที่มานั้นมีหลายสิบคน เปล่งประกายรัศมีที่ไม่เหมือนกับทหารคนอื่นๆ ออกมา
ถ้าหากยืนกรานว่าต้องอุปมาอย่างไม่เหมาะสมล่ะก็ นั่นก็คือนกกระเรียนในฝูงไก่ สำหรับหลี่ฝางแล้วมันชัดเจนมากจริง ๆ
หลังจากที่ได้เห็นตราสัญลักษณ์บนตัวของพวกเขาแล้ว หลี่ฝางก็ได้เข้าใจขึ้นมาทันที บนเอกสารรับรองชั่วคราวที่หลิวฮุยให้เขามานั้น ก็มีตาสัญลักษณ์แบบนี้อยู่เหมือนกัน
หลายสิบคนนั้นปะปนอยู่ในกลุ่มทหารธรรมดาเหล่า คิดว่านั่นก็คงจะเป็นวิธีการอำพรางตัวเองที่ดีวิธีหนึ่ง ง่ายต่อการเคลื่อนไหวเมื่อยามจำเป็น
ในตอนนี้เอง ได้มีชายแปลกหน้าคนหนึ่งเดินออกมาจากกลุ่มคนพวกนั้น และได้ดึงดูดสายตาของหลี่ฝางเอาไว้
คนที่มานั้นอายุประมาณสี่สิบ ท่าทางทรงพลัง ดวงตาทั้งสองเปล่งประกายเจิดจรัสทำให้คนไม่กล้าที่จะสบตา เดินอยู่บนทางเดินยาว หมอและพยาบาลที่อยู่ใกล้ ๆ ต่างก็หลีกทางให้
ที่ด้านหลังของเขามีทหารที่เคลื่อนไหวอย่างพร้อมเพรียงสี่นายเดินตามมา ถึงแม้จะไม่แข็งแกร่งเท่าชายที่เดินอยู่ด้านหน้า แต่ก็ยังแข็งแกร่งกว่าทหารธรรมดาพวกนั้นอีกหลายเท่า