NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 902 ประสบการณ์ชีวิตที่รันทด
ชิวทิงหยุนไม่ใช่เด็กน้อยนะ ทำไมถึงจะฟังความหมายที่พ่อบ้านเฒ่าพูดไม่ออก? เธอรู้ว่าต่อจากนี้จะต้องเจอกับเรื่องที่น่าสังเวช แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถต่อต้านได้
เพราะว่าในตระกูลชิว คำพูดของชิวเฉิงหลี่ไม่มีใครกล้าต่อต้าน
“พ่อแม่ของเธอล่ะ ทำไมพวกเขาถึงเห็นด้วยกับเรื่องนี้?” หลี่ฝางลังเลอยู่ครู่ แล้วขมวดคิ้วพลางถาม
คนเป็นพ่อแม่มีไม่กี่คนหรอกที่จะสามารถเห็นลูกของตนมาเสียสละตัวเองแบบนี้ได้ หลี่ฝางสงสัยมากๆ ว่าพ่อแม่ของชิวทิงหยุนคิดยังไงกันแน่
เมื่อได้ยินหลี่ฝางถามแบบนี้ ชิวทิงหยุนกลับก้มหน้า และร้องไห้ออกมา
“พวกเขา พวกเขานั้น……”
“เธออย่าร้องไห้สิ พูดดีๆ ได้มั้ย?” ไท่ซางไม่ชอบเห็นคนร้องไห้งอแง จึงถามออกไป
ชิวทิงหยุนลนลานในใจ แล้วรีบเช็ดน้ำตาของตน และคุกเข่าลงอย่างตื่นตระหนกไม่รู้จะทำยังไงดี
เธอไม่กล้าทำให้ไท่ซางไม่พอใจ ถึงยังไงเจ้าบ้านก็เคยเตือนเธอไว้ บทลงโทษที่รุนแรงของตระกูลชิวราวกับคมมีดปักอยู่บนหัวของชิวทิงหยุนตลอดเวลา
แต่ว่ายิ่งเธออยากกลั้นน้ำตาไว้ ก็ยิ่งกลั้นได้ยากขึ้น ความเจ็บปวดในใจยิ่งยากที่จะเก็บกดไว้ จึงยิ่งร้องยิ่งหนักขึ้น ไม่นานแม้แต่แขนเสื้อทั้งสองข้างก็ถูกเอามาเช็ดจนเปียกแฉะไปหมด
ไท่ซางมองชิวทิงหยุนอย่างหมดหนทาง ถ้าเปลี่ยนเป็นผู้ชาย คงถูกเขาจัดการจนไม่กล้าร้องสักแอะไปนานแล้ว หรืออาจจะไม่มีทางได้ร้องอีกต่อไป แต่ว่าชิวทิงหยุนที่อยู่ตรงหน้าเป็นผู้หญิงอ่อนแอบอบบาง แถมยังอยู่ต่อหน้าหลี่ฝาง เขาก็ไม่รู้ว่าควรทำยังไงแล้ว
หมดหนทางจริงๆ ไท่ซางจึงทำได้แค่พูดขู่อย่างโหดๆ : “หุบปากซะ ถ้ายังร้องฉันจะโยนเธอออกไป!”
คิดไม่ถึงว่าประโยคนี้พูดจบ ชิวทิงหยุนจะร้องไห้อย่างเจ็บปวดกว่าเก่า ราวกับยอมแพ้ในชีวิตแล้วอย่างนั้น ร้องไห้คร่ำครวญ ดาวน์จนหาที่เปรียบไม่ได้
“ได้โปรดนายอย่าโยนฉันออกไปเลยนะ ให้ฉันทำอะไรก็ได้ ขอแค่นายอย่าให้ฉันไปจากที่นี่ ฉันทำได้หลายอย่างเลยนะ……”
หลี่ฝางมองชิวทิงหยุนที่ร้องไห้คร่ำครวญ จู่ๆ ก็นึกถึงตอนแรกที่พ่อแม่ของเขายังไม่ได้กลับมา เขาตัวคนเดียวคุยถึงสถานการณ์ของชีวิต
ในตอนนั้น เขาอยู่ตัวคนเดียว บนตัวก็ไม่มีเงิน เพิ่งพาการทำงานให้เพื่อนร่วมชั้น ทำในสิ่งที่คนอื่นไม่ยินดีที่จะทำเพื่อหาเงินเลี้ยงชีพ ใช้ชีวิตยากพอๆ กับชิวทิงหยุนเลย
หลี่ฝางในวันนี้เกือบจะลืมเรื่องราวในอดีตที่ไม่อยากจะนึกถึง แต่ว่าตอนนี้เขากลับถูกชิวทิงหยุนทำให้นึกถึงขึ้นมา แม้แต่อารมณ์ของเขาก็ได้รับผลกระทบ
ในตอนนี้ไท่ซางก็ตะคอกขึ้นมาอย่างเหลืออด: “ฉันทนไม่ไหวแล้ว หุบปากซะ!”
“ไท่ซาง!” ขณะที่ไท่ซางกำลังจะลงไม้ลงมือ ข้างหูก็มีเสียงเย็นชาของหลี่ฝางดังขึ้น
วินาทีนั้น ร่างของไท่ซางตกใจตัวจนสั่นไปทั้งร่าง และใจเย็นลงทันที เขามองหลี่ฝางด้วยสีหน้าหวาดกลัวและประจบประแจง
“ฉันแค่ล้อเธอเล่น ฮี่ฮี่ อย่าคิดเป็นจริงไป”
หลี่ฝางไม่ได้สนใจไท่ซาง แต่ว่าพูดกับชิวทิงหยุนที่ยังคงคุกเข่าอยู่ที่พื้น: “ลุกขึ้นเถอะ ไม่มีใครโทษเธอ ไม่ต้องกลัว”
ชิวทิงหยุนที่ท่าทางน่าสงสาร หลี่ฝางก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความสงสารและเห็นใจสุดๆ
ในที่สุด ชิวทิงหยุนราวกับได้รับความรู้สึกและท่าทีที่อบอุ่นของหลี่ฝาง ในที่สุดก็ลุกขึ้นมา และเช็ดน้ำตาให้แห้ง
และยังไม่รอให้หลี่ฝางพูด ก็เห็นชิวทิงหยุนรีบเริ่มทำงานขึ้นมา ชงชารินน้ำถูพื้น ทำเอาทั้งสองเห็นจนอึ้งไปเลย
“เธอทำอะไรเหนี่ย?” หลี่ฝางถาม
“ฉัน ฉันมีประโยชน์นะ ฉันเลี้ยงไม่เสียข้าวสุก ฉัน……” ชิวทิงหยุนพูดเสียงสั่น
ไท่ซางหัวเราะฮ่าๆ และพูดล้อเลียน: “เธออยู่ที่ตระกูลชิวทุกๆ วันถูกรังแกหรือไง?”
บนใบหน้าของชิวทิงหยุนแสดงให้เห็นถึงความหวาดกลัวเล็กน้อย ทำให้ไท่ซางที่แค่พูดล้อเล่นเบิกตากว้าง และพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ: “เรื่องจริงดิ? เธอไม่ใช่คนในตระกูลชิวเหรอ?”
หลี่ฝางก็สงสัยเล็กน้อย ทำไมหญิงสาวที่ใช้ชีวิตในตระกูลชิวถึงได้กลายเป็นแบบนี้ ใช้ชีวิตอย่างระแวงแบบนี้
“เมื่อกี้เธอบอกว่าพ่อแม่เธอเป็นยังไงนะ?” ไท่ซางถามขึ้นอย่างไม่รู้จักหนักเบาอีกครั้ง
ขณะที่หลี่ฝางกำลังจะต่อว่าไท่ซาง แต่กลับได้ยินชิวทิงหยุนพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ : “พ่อแม่ของฉันพวกท่านเสียแล้ว”
หลังจากที่ชิวทิงหยุนร้องไห้ไปแล้วรอบนึง ในตอนนี้ก็ค่อยๆ กลับมานิ่งลง แต่แค่ความนิ่งนี้ทำให้หลี่ฝางไม่สบายใจมากๆ เขามองชิวทิงหยุน จู่ๆ ก็ถามขึ้น: “พ่อของเธอคือชิวเฉิงเห้า?”
ชิวเฉิงเห้าคือลูกชายคนที่สองของชิวจงเทียน พรสวรรค์เป็นเลิศ จนถึงขั้นที่ชิวจงเทียนมีความคิดที่จะยกตำแหน่งเจ้าบ้านให้เขาสืบทอด
แต่ว่าเมื่อห้าปีก่อนชิวเฉิงเห้าและภรรยาของเขาก็เสียชีวิตอย่างกะทันหัน ในตอนนั้นชิวจงเทียนกำลังปลีกวิเวกจากภายนอก เมื่อได้ยินข่าวก็รีบออกมา จนสุดท้ายก็กลับหาสาเหตุอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น
ชิวทิงหยุนพยักหน้า อย่างไม่ปิดบัง เธอเป็นลูกสาวของชิวเฉิงเห้าจริงๆ
ถึงยังไงตอนแรกชิวเฉิงเห้า ว่ากันว่าเป็นรุ่นน้องที่มีความเป็นไปได้ที่จะบรรลุมีกำลังภายในมากที่สุด หลี่ฝางจะรู้เรื่องนี้ก็ไม่แปลก
หลี่ฝางถอนหายใจ และพอจะเดาออกว่าทำไมชิวทิงหยุนถึงได้ตกต่ำมามีสภาพแบบนี้
แต่แค่เขาคาดไม่ถึง ชิวเฉิงหลี่กลับเย็นชาได้ขนาดนี้ แม้แต่ลูกสาวแท้ๆ ของน้องชายตัวเองยังจะเอามาเป็นเหยื่อได้เลย เอามาประจบคนนอกคนนึง
ชะตากรรมแท้จริงแบบนี้ มาตกอยู่ที่ตัวของเด็กสาวอย่างชิวทิงหยุน ยิ่งทำให้รู้สึกเจ็บปวดเข้าไปอีก แต่ว่าเธอกลับสามารถพูดมันออกมาได้อย่างนิ่งเฉยแบบนี้ นี่เป็นสิ่งที่ทำให้หลี่ฝางประหลาดใจที่สุด
เหมือนกับว่าผู้หญิงคนนี้ ได้เคยชินกับการอดทนต่อความไม่เป็นธรรมไปแล้ว สูญเสียความหวังไปทั้งหมด และชินชากับชีวิตไปแล้ว