NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 910 สองคนสุดโต่ง
“เธอรีบไสหัวไปซะ!ฉันไม่อยากเจอเธออีก!แล้วก็จะพักที่ไหน เธอก็หาวิธีเอาเองแล้วกัน!” ชิวเฉิงฝูพูดอย่างโมโห “ถ้าอีกแป๊บนึงฉันไปดูแล้วพวกเธอยังไม่ไปละก็ ฉันจะไม่เกรงใจแล้วนะ!”
ชิวเฉิงฝูพูดจบ ก็จ้องหยูหลิงฮุ่ยตาเขม็ง และหันหลังเดินไปทันที
ส่วนหยูหลิงฮุ่ยก็อึ้งไปเลย และนึกถึงท่าทีจองหองของไท่ซางระหว่างมาที่นี่ ก็ดูเหมือนจะสอดคล้องกับฐานะ ‘ปรมาจารย์ไท่ซาง’
จากนั้น หยูหลิงฮุ่ยก็นึกถึงปัญหาอีกเรื่องขึ้นมาได้ ระหว่างทางไท่ซางนั้น มีท่าทีเคารพกู่เทียนมาตลอดนี่!
ถ้าหากไท่ซางเป็นปรมาจารย์ยุทธภพ งั้นกู่เทียนเป็นอะไรกัน?
หยูหลิงฮุ่ยยืนอยู่กับที่ รู้สึกแค่ว่าฟ้องฟ้าหมุนไปหมุนมา
……
ในตอนนี้ไท่ซางหลังจากชิวเฉิงฝูทั้งสองคนนั้นจากไป ก็รู้สึกเบื่อขึ้นมาสุดๆ อีกครั้ง พึมพำอยู่คนเดียวเป็นครึ่งวัน หลี่ฝางไม่ได้สนใจเขาเลยสักนิด
ตั้งแต่ตนติดตามหลี่ฝางมา คำพูดของไท่ซางไม่มีผลกระทบอะไรต่อหลี่ฝางเลยสักนิด ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร หลี่ฝางก็ไม่ได้สนใจเขา ท่าทีแบบนั้นทำเอาไท่ซางจะแอบสงสัยว่าหลี่ฝางนั้นหมกมุ่นกับตัวเองแล้ว
ความจริงแล้วหลี่ฝางนั้นรำคาญไท่ซางจนจะทนไม่ไหวแล้ว ที่จริงเขาคิดอยากจะพูดกับไท่ซางสักสองสามคำ แต่เมื่อตนจะเอ่ยปากพูด ไท่ซางก็พูดแทรกแย่งพูดขึ้นรัวๆ ไม่หยุด พูดได้ไม่กี่คำก็ทำเอาหลี่ฝางหมดความสนใจที่จะพูดด้วยต่อ
ดังนั้นหลังจากนั้นไม่ว่าไท่ซางจะพูดอะไร หลี่ฝางจึงไม่พูดด้วย ให้เขาพูดอยู่ตรงนั้นคนเดียว
ไม่นานไท่ซางก็เริ่มพูดอีกครั้ง: “ลูกพี่ผมว่า พวกเราออกไปเดินเล่นเถอะ ฟ้ายังสว่างอยู่เลย”
“ไม่ไป” หลี่ฝางตอบปฏิเสธทันที
ฟังไท่ซางพูดพร่ำที่นี่แล้ว ยังจะต้องไปฟังไท่ซางพูดพร่ำด้านนอกอีก ถ้างั้นหลี่ฝางฆ่าตัวตายไม่ดีกว่าเหรอ สลัดไม่หลุดจริงๆ คนๆ นี้
“เฮ้อ” ไท่ซางถอนหายใจเฮือกใหญ่ สายตามองไปทางชิวทิงหยุนและหลี่ฝางทั้งสองคนนั้นอย่างล่องลอย ในใจก็รู้สึกทั้งอิจฉาทั้งตาร้อน รู้สึกแย่จริง
แต่ก็ไม่มีทางเลือก ใครให้เขาเป็นลูกน้อง และหลี่ฝางเป็นลูกพี่ล่ะ? เขาไม่มีความสามารถนั้น จึงทำได้แค่ทำใจรับสภาพ
เมื่อเห็นหลี่ฝางไม่มีท่าทีอะไรเลย ไท่ซางจึงทำได้แค่ยอมแพ้ที่จะพูดชักจูง และเตรียมตัวกลับเรือน2ไปนั่งอุดอู้
ในตอนนั้นเอง ชิวทิงหยุนที่อยู่ด้านข้างจู่ๆ ก็พูดขึ้น: “ใช่แล้ว ตระกูลชิวเปิดร้านค้าเล็กๆ เชิญคนมาจากหุบเขาราชายา ว่ากันว่ามียาอายุวัฒนะขาย คุณชายกู่ลองไปดูมั้ย ไม่แน่อาจจะมีโชคที่คาดไม่ถึง”
“หือ ยาอายุวัฒนะ?” หลี่ฝางพยักหน้า จู่ๆ ก็เกิดความสนใจขึ้นมา แต่ก็ต้องคุมตัวเองไว้ เพราะว่าเขาเห็นไท่ซางคนเฮงซวยนี่สองตาเป็นประกายเชียว
พาเขาไปด้วยต้องสร้างปัญหาวุ่นวายแน่ๆ? หลี่ฝางแอบคิดเงียบๆ อยู่ในใจ
ตอนนี้ศึกชิงจ้าวยุทธภพยังไม่เริ่ม หลี่ฝางไม่อยากสร้างปัญหาเพิ่มขึ้น จนทำให้หน้าที่ของตัวเองต้องพัง!
เมื่อเห็นสีหน้าของหลี่ฝาง ไท่ซางก็เข้าใจความหมายของหลี่ฝาง จึงรีบพูดขึ้น: “ลูกพี่ วางใจได้ ผมรับประกันว่าจะเป็นเด็กดีอยู่ข้างกายลูกพี่ ถ้าลูกพี่ไม่ให้ฉันพูดฉันจะไม่พูดสักคำ!”
หลี่ฝางถอนหายใจอย่างหมดหนทางอีกครั้ง ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยเชื่อไอ้เจ้าไท่ซางคนนี้ แต่สุดท้ายก็ยังทนไม่ได้ จึงพยักหน้าตอบรับไป
ส่วนชิวทิงหยุนก็แอบโล่งใจ สำหรับเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นคืนนี้ เธอไม่รู้จริงๆ ว่าจะเผชิญหน้ายังไง ทำได้แค่ใช้วิธีนี้ ยืดเวลาออกไปก่อน
……
ไม่นานทั้งสามคนก็มาถึงลานที่ว่างเปล่า
ปกติแล้วที่นี่ก็ไม่ค่อยมีคนสัญจรไปมา แต่ในเวลานี้กลับเต็มไปด้วยผู้คนแน่นเต็ม แออัด ไม่เป็นระเบียบ
หลายคนก็ปูผ้าผืนนึงที่พื้น วางของของตนและเริ่มทำการค้าขาย
มีแม้แต่กระทั่งคนที่ไม่ปูอะไรเลย ก็นั่งลงไป ในมือถือของสองอย่างและเริ่มตะโกนขายของ
“บัวหิมะ สมบัติล้ำค่า อยากได้ละก็สิบล้านก็เอาไปได้เลย”
“โสมโบราณ ราชาแห่งโสมที่แท้จริง ห้าล้านก็ขายแล้ว!”
“ห่อสิ่วโอวคุณภาพเยี่ยม มีเจ้าสิ่งนี้แล้ว การบรรลุกำลังภายในนั้นไม่ใช่แค่ฝัน……”
เสียงเรียกขายสินค้าดังอย่างไม่หยุดหย่อน ทำให้หลี่ฝางที่เดินอยู่ในนั้นรู้สึกอัศจรรย์
เห็นได้ชัดว่าเป็นถึงกลุ่มจอมยุทธ แต่กลับมาอยู่ที่นี่ขายของราวกับขายผัก ตะโกนขายสินค้าของตัวเอง
แน่นอนว่า สินค้าที่นี่ไม่ใช่ถูกๆ ราคาขึ้นหลักสิบล้านถือได้ว่าเป็นเรื่องธรรมดา มันคงจะน่าขำจริงๆ ถ้านำมันเข้าสู่ตลาดผัก
แต่ว่าสำหรับจอมยุทธพวกนั้น ราคาหลักล้านก็พอรับได้ เพราะงั้นไปๆ มาๆ ก็ราคาตายตัวแบบนั้น แถมยังครึกครื้นอีกด้วย
“ตระกูลชิวทำเรื่องแบบนี้เป็นครั้งแรก เป็นการลองทำทั้งนั้น จึงไม่มีการสร้างกฎเกณฑ์ใดๆ เพราะงั้นถึงได้เป็นแบบนี้” ชิวทิงหยุนยิ้มพลางพูด
“ดูตรงแท่นสูงนั่นสิ พวกนั้นแหละถึงคนที่มาจากหุบเขาราชายา”
หลี่ฝางมองตามที่ชิวทิงหยุนชี้ไป ก็เห็นว่าตรงนี้มีคนวัยกลางคนกำลังนั่งทำหน้านิ่งๆ อยู่บนแท่นสูง มองลงดูผู้คนที่เดินกันยุ่งเหยิงด้านล่าง เหมือนกับทั้งสองอยู่กันคนละโลก
บนโต๊ะตรงหน้าสองคนนั้นวางแค่ขวดไม่กี่ขวด บนขวดก็เขียนตัวหนังสือแค่ไม่กี่ตัว น่าจะเป็นชื่อของยาอายุวัฒนะของแต่ละขวด แต่กลับไม่มีคำอธิบายอื่นๆ
คนสองคนบนนั้นไม่ได้ร้องเรียกขายของเหมือนกับคนอื่นๆ ท่าทีราวกับไม่สนใจ อย่างกับไม่ได้มาขายของอย่างนั้นแหละ