NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 912 แหวนหยกมหัศจรรย์
ฟังหลี่ฝางและไท่ซางทั้งสองคนนี้พูดคุยกัน ในตอนนั้นความคิดของชิวทิงหยุนก็ยุ่งเหยิงไปหมดแล้ว
เธอถึงขั้นสงสัยอยู่ ว่าตัวเองได้ยินเสียงหลอนหรือเปล่า
ไท่ซางถึงกับเคยสู้กับกู่เฟยจาง แถมยังบอกว่าตนแพ้แค่กระบวนท่าเดียว?
กู่เฟยจางเป็นถึงปรมาจารย์กำลังภายในเลยนะ!
ระหว่างปรมาจารย์กับปรมาจารย์กำลังภายในมีความสามารถที่แตกต่างกันมากๆ เลยไม่ใช่เหรอ? ยิ่งไม่ต้องพูดถึง กู่เฟยจางที่ขึ้นชื่อว่ามีกำลังภายในมาหลายปี
นอกจากว่า ไท่ซางก็เก็บซ่อนความสามารถที่แท้จริงของตนไว้เหมือนกัน
เมื่อเดาแบบนี้ ชิวทิงหยุนก็ยิ่งช็อกเข้าไปใหญ่ ถ้าหากไท่ซางเป็นปรมาจารย์กำลังภายในที่ซ่อนความสามารถของตัวเองไว้ งั้นหลี่ฝางที่ถูกเขาเรียกว่าลูกพี่ นั้นจะเป็นใครกัน?
เธอถึงขั้นเริ่มสงสัยว่าเพราะตัวเองถูกตระกูลชิวรังแกมาเป็นเวลานาน ทำให้สติสตังมีปัญหา เป็นบ้าไปแล้ว
หรือไม่ก็พวกหลี่ฝางสองคนนั้นบ้าไปแล้ว……
หลี่ฝางกับไม่สนใจว่าชิวทิงหยุนได้ยินทั้งสองคนพูดคุยกันแล้วจะคิดยังไง เขายืนยันได้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่สายที่ชิวเฉิงหลี่ส่งมา ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรเธอ
และเรื่องที่ชิวทิงหยุนจะหลุดปากพูดเรื่องนี้ออกไปหรือไม่ หลี่ฝางที่ตัดสินใจจะให้ชิวทิงหยุนอยู่ข้างกาย จึงไม่กังวลถึงปัญหานี้
พวกเขาก็เดินเตร็ดเตร่ต่อไป และเลือกดูของขายรอบๆ ไปทั่ว
หลี่ฝางไม่ได้สนใจของมั่วซั่วพวกนี้หรอก ถึงระดับเขาแล้ว ของพวกนี้ใช้ไม่ได้ด้วยซ้ำ
ไท่ซางยิ่งไม่มองของพวกนี้เลย ความสนุกของเขาเคยอยู่ที่ของพวกนี้ แต่อยู่บนตัวสาวสวย
ยังไงก็เป็นถึงจอมยุทธ ร่างกายก็ต้องดีกว่าคนธรรมดาทั่วไป รูปร่างไม่ต้องพูดถึง ถ้าหากดูแลอย่างตั้งใจล่ะ จอมยุทธผู้หญิงมีไม่กี่คนที่หน้าตาดูไม่ได้หรอก
นับประสาอะไรกับสาวสวยอย่างชิวทิงหยุน มันช่างน่ามองอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ถึงแม้ที่นี่จะมีคนที่สวยระดับชิวทิงหยุนไม่มาก แต่ก็ยังพอมีอยู่
และไท่ซาง ก็ได้เริ่มทำการค้นหาเป้าหมายตั้งแต่มาถึงที่นี่แล้ว
“ลูกพี่ ฉันไม่อยู่เป็นก้างขวางคอของพวกนายสองคนแล้ว” ไท่ซางยิ้มฮี่ๆ “เอางี้ พวกเราแยกกันเดินมั้ย?”
ความหมายของเขา โดยพื้นฐานแล้วแสดงว่าเขาได้ค้นพบเป้าหมายแล้ว
หลี่ฝางคิดอยู่ครู่ แล้วพูด: “ระวังฐานะของตัวเองด้วย อย่าไปทำเรื่องอะไรมั่วซั่ว” ถึงแม้เขาจะไม่อยากให้ไท่ซางไป แต่ว่าการให้ไท่ซางอยู่ข้างๆ ก็น่ารำคาญมากๆ จริงๆ
คิดว่าแค่แป๊บเดียวไม่น่ามีปัญหาอะไร หลี่ฝางจึงพยักหน้าตอบรับ
“ลูกพี่วางใจได้ ฉันรับประกันว่าจะไม่ไปหาเรื่องใครก่อน!” ไท่ซางพูดตกลง และหันหลังวิ่งออกไปอย่างไว
หลี่ฝางถอนหายใจ พลางมองไท่ซางขวางสาวสวยคนนึงไว้ ทำได้แค่ทำเป็นมองไม่เห็น และเดินไปที่แผงลอยด้านข้าง
ส่วนชิวทิงหยุนที่แน่ใจแล้วว่าหลี่ฝางถึงเป็นผู้นำตัวจริง ไท่ซางเป็นลูกน้องของหลี่ฝาง แต่แค่เธอไม่กล้าเอ่ยปากถาม จึงคอยตามหลี่ฝางอยู่ด้านหลังอย่างหนักแน่น ตามหลี่ฝางเดินเตร็ดเตร่ไปทั่ว และทำหน้าที่ช่วยหลี่ฝางแนะนำตระกูลชิว
หลังจากนั้นไม่กี่นาที หลี่ฝางก็สนใจแผงลอยนึงที่ขายแหวนหยก คิ้วก็ขมวดเล็กน้อยอย่างห้ามไม่ได้
แหวนหยกอันนี้ดูแล้วค่อนข้างโบราณ เหมือนกับว่าจะมีประวัติมาเป็นร้อยปี สามารถพูดได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าทางวัฒนธรรมชิ้นนึง
แต่ว่าเดินไปรอบๆ นี้ ไม่น้อยที่จะเจอกับโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมที่มีอายุหลายร้อยปี เพราะว่าพวกจอมยุทธนั้นความสามารถแข็งแกร่ง ได้ของดีมาก็ไม่ถือว่าแปลก
“เหอๆ พี่ชาย มีของที่ชอบมั้ย? ลองเลือกดูได้ ชอบก็ซื้อกลับไป” เจ้าของแผงลอยเห็นหลี่ฝางยืนนิ่ง จึงรีบยิ้มพูดทักทาย
หลี่ฝางในตอนนี้แสร้งทำเป็นชายวัยกลางคน ดังนั้นเจ้าของแผงลอยถึงได้เรียกหลี่ฝางแบบนั้น
“ของของนายก็ไม่น้อยเลย” หลี่ฝางแกล้งทำเป็นเลือกดู แล้วประเมินค่าอย่างคลุมเครือ แล้วพูดขึ้น: “จะให้เรียกว่าอะไรดี เถ้าแก่?”
“พี่ชายเรียกผมจ้าวเหล่าลิ่วก็ได้ครับ” เจ้าของแผงลอยยิ้มฮี่ๆ พลางพูด “ของพวกนี้ได้มาไม่ง่ายเลย ของแท้ราคาสมน้ำสมเนื้อ พี่ชายเลือกได้ตามใจชอบเลยครับ”
หลี่ฝางพยักหน้า และดูของไม่กี่ชิ้นอย่างเงียบๆ จากนั้นก็แสร้งทำเป็นหยิบแหวนนิ้วโป้งขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจ
วินาทีนั้น ในใจของหลี่ฝางก็สั่นเล็กน้อย รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ไม่ธรรมดา
ก่อนหน้านี้ ความรู้สึกแบบนี้มีแค่ตอนที่เห็นกะโหลกคริสตัลของตระกูลซู ที่เกิดความรู้สึกแบบนี้
แว๊บแรกที่ได้เห็นของชิ้นนี้หลี่ฝางก็รู้สึกว่ามันไม่ธรรมดา ตอนนี้ถืออยู่ในมือแล้วถึงได้เข้าใจ
ว่าแหวนนิ้วโป้งหยกชิ้นนี้มีออร่าที่น่ามหัศจรรย์อยู่ แต่ว่าให้ความรู้สึกหลี่ฝาง ไม่เหมือนกันกะโหลกคริสตัลนั่น
ความรู้สึกประหลาดนี้ ทำให้หลี่ฝางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นในใจขึ้นมาทันที
“ของชิ้นนี้เอามาจากไหนเหรอ?” หลี่ฝางถามอย่างอยากรู้
“อ๋อๆ เอามาจากสุสานโบราณแห่งนึง” จ้าวเหล่าลิ่วยิ้มอย่างเกรงใจ “เจ้าของสุสานเป็นใครก็ไม่สามารถตรวจสอบได้ แต่ผมคิดว่า สุสานแห่งนั่นอย่างน้อยก็ต้องมีประวัติมามากกว่าสี่ร้อยปี”
หลี่ฝางพยักหน้า และไม่ได้ใส่ใจว่าแหวนนิ้วโป้งหยกชิ้นนี้มาได้ยังไง
พวกคนที่นี่วันนี้ เรียกได้ว่าผสมปะปนกันมั่วไปหมด ใครก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าอีกฝ่ายเคยทำอะไรมาบ้าง โจรกรรมของในสุสาน ก็พูดได้ว่าเป็นเรื่องปกติแล้ว
อย่างน้อยที่สุดก็ดีกว่าของที่ได้มาจากการฆ่าคน ไม่ใช่เหรอ?