NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 918 ยินดีด้วยลูกพี่
ออร่าที่บริสุทธิ์ในแหวนหยกนี้ สำหรับปรมาจารย์กำลังภายในอย่างหลี่ฝาง สามารถพูดได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าหายาก
และในตอนนี้ กำลังภายในของหลี่ฝางถูกผสานหลอมรวมเข้ากับออร่าที่บริสุทธิ์เหล่านี้ จึงทำให้กำลังภายในของหลี่ฝางแข็งแกร่งขึ้นเป็นอย่างมาก ถ้าหากสามารถดูดซับพลังภายในทั้งหมดได้ งั้นเขาก็สามารถเลื่อนระดับขั้นต่อไปได้ กลายเป็นแข็งแกร่งยิ่งขึ้น จนไปถึงจุดที่เกินสิ่งที่หลี่ฝางจินตนาการเอาไว้
หลี่ฝางคิดถึงตรงนี้ ก็รู้สึกยินดีและหัวใจพองโตอย่างไม่สามารถควบคุมได้เลย
ชิวทิงหยุนที่อยู่ด้านข้างพอเห็นหลี่ฝางแบบนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเรื่องอะไรที่ทำให้หลี่ฝางที่มีบุคลิกหน้าตายเกิดความสุขอย่างชัดเจนได้ขนาดนี้
แต่ชิวทิงหยุนรู้ ที่ทำให้หลี่ฝางมีความสุขเช่นนี้ ทำมาก็คือแหวนหยกวงที่อยู่ในมือของเขานั่นเอง
หลี่ฝางออกมาจากการเข้าฌาน ทันใดนั้นก็ออกคำสั่งกับชิวทิงหยุนทันที: “ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ไม่ว่าใครก็ห้ามเข้ามา ไม่ว่าใครทั้งนั้นเข้าใจมั้ย?”
ถึงแม้จะรู้สึกประหลาดใจต่อคำสั่งนั้นของหลี่ฝาง แต่ชิวทิงหยุนก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไร แค่พยักหน้าและเดินออกไปที่หน้าประตู และเฝ้าประตูแทนหลี่ฝาง
ส่วนหลี่ฝางก็เริ่มดำดิ่งเข้าฌานลึกไปกว่าเดิมทันที เริ่มใช้ออร่าบริสุทธิ์ในแหวนค่อยๆ ผสานพลังเข้ากับกำลังภายในของตัวเอง
ถึงแม้ว่าจะทำได้ช้ามากๆ แต่หลี่ฝางไม่ได้วิตกเลยแม้แต่น้อย
การพัฒนาตนเองในครั้งนี้ ทำให้ตนได้มีโอกาสเปลี่ยนแปลงตัวเอง แน่นอนว่าหลี่ฝางต้องไม่ชะล่าใจเป็นธรรมดา
และในตอนนั้นไท่ซางก็พาหยูหลิงฮุ่ยเดินมา เห็นชิวทิงหยุนยืนอยู่หน้าห้อง จึงถามขึ้นแบบประหลาดใจอย่างอดไม่ได้: “ทำไมเธอถึงมายืนตรงนี้?”
“คุณชายกู่บอกว่าไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปทั้งนั้น ฉันมายืนเฝ้าตรงนี้ให้คุณชายกู่ค่ะ” ชิวทิงหยุนตอบอย่างรีบร้อน
ไท่ซางได้ยินแบบนั้นก็พอเดาอะไรออก จึงไม่ได้พูดอะไร แค่พยักหน้า และโอบหยูหลิงฮุ่ยพาไปยังเรือน2
ส่วนหยูหลิงฮุ่ยขณะที่จากไปกลับมองชิวทิงหยุนด้วยสายตาที่ดูถูกสุดๆ และรู้สึกพอใจมากๆ ในใจ
ถึงแม้ชิวทิงหยุนจะสวยกว่าหล่อน แต่หลี่ฝางก็เป็นแค่จอมยุทธตัวน้อยๆ คนนึงเท่านั้น จะมาเทียบกับปรมาจารย์อย่างไท่ซางได้ยังไง? ดังนั้นเธอจึงรู้สึกว่าตัวเองเก่งกว่าชิวทิงหยุนมาก
แต่ว่าหล่อนก็ไม่ได้พูดอะไร ถึงยังไงดูๆ แล้วความสัมพันธ์ระหว่างไท่ซางกับหลี่ฝางก็ดีอยู่ หล่อนไม่อยากทำให้ไท่ซางโมโหเพราะว่าพูดอะไรมั่วซั่ว
ชิวทิงหยุนไม่มีปฏิกิริยาอะไรต่อสายตาดูถูกของหยูหลิงฮุ่ย เธอแค่ยืนอย่างตั้งใจอยู่ตรงนั้น ทำตามที่หลี่ฝางต้องการ ป้องกันประตูเอาไว้ไม่ให้ใครเข้าไปทั้งนั้น
เพียงพริบตา เวลาก็ผ่านไปคืนนึง
ทั้งคืนนี้ หลี่ฝางไม่ได้ออกจากห้องเลยสักก้าวเดียว ชิวทิงหยุนก็ไม่กล้าออกไปไหน ยืนนิ่งอยู่ตรงนี้ทั้งคืน
ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าฝึกวิทยายุทธมาตลอดทั้งปีจนร่างกายดี เกรงว่าเธอคงจะเป็นลมไปแล้ว
สีของฟ้องฟ้าค่อยๆ สว่างขึ้น จู่ๆ ก็มีเสียงเบาดังขึ้นมาจากทางเรือน2 เห็นแค่หยูหลิงฮุ่ยเปิดประตูเดินออกมา
เมื่อออกมาก็เห็นชิวทิงหยุน ดูเหมือนว่าช็อกที่เธอยังคงยืนอยู่ตรงนี้ หยูหลิงฮุ่ยไม่ได้เห็นใจแต่อย่างใด และเกิดความคิดที่ไม่ดีเล็กน้อย
“ปรมาจารย์ไท่ซางสั่งให้เธอไปยกอาหารเช้ามา” หยูหลิงฮุ่ยชี้ชิวทิงหยุน พลางสั่งเธออย่างไม่เกรงใจ
ที่จริงแล้วไท่ซางสั่งให้หล่อนไม่เอาอาหารเช้า แต่หล่อนเห็นชิวทิงหยุนอยู่ตรงนี้ จึงมีคิดความที่จะบงการชิวทิงหยุน
“โทษที คุณชายกู่ยังไม่ให้ฉันจากไปไหน” ชิวทิงหยุนมองหยูหลิงฮุ่ย พลางตอบกลับอย่างเรียบเฉยไม่แข็งกร้าวไม่ถ่อมตัว
คำตอบนี้ผิดคาดหยูหลิงฮุ่ยโดยสิ้นเชิง ทันใดนั้นจึงทำให้หล่อนทั้งโมโหทั้งร้อนรน แล้วพูดเอะอะ: “เธอกล้าฝ่าฝืนคำสั่งของปรมาจารย์ไท่ซางเหรอ? ไม่อยากอยู่แล้วใช่มั้ย?”
ชิวทิงหยุนหันหน้าหนี ไม่มองหยูหลิงฮุ่ยเลยสักนิด
ตอนนี้เธอเชื่อมั่นในการคาดเดาของตัวเองแล้ว ระหว่างหลี่ฝางกับไท่ซาง หลี่ฝางถึงจะเป็นลูกพี่ ดังนั้นคำสั่งของหลี่ฝาง เธอจึงทำตามอย่างรอบคอบ ไม่ฟังคำพูดคนอื่นเลย
ยิ่งชิวทิงหยุนเป็นแบบนี้ ยิ่งทำให้หยูหลิงฮุ่ยโมโห ตนคอยติดตามปรมาจารย์ไท่ซางชัดๆ ส่วนอีกฝ่ายก็คอยตามเป็นคนไร้ประโยชน์คนนึง อีกฝ่ายมีสิทธิ์อะไรถึงไม่เห็นหล่อนอยู่ในสายตากัน?
ทันใดนั้น หยูหลิงฮุ่ยพลางเดินเข้าไป พลางง้างมือขึ้น ราวกับอยากจะสั่งสอนชิวทิงหยุนสักครั้ง
และในขณะนั้น ประตูของเรือน3 จู่ๆ ก็เปิดออก
หลี่ฝางเดินออกมาจากด้านในห้อง และมองหยูหลิงฮุ่ยอย่างเย็นชา วินาทีนั้นก็ทำให้ร่างของหยูหลิงฮุ่ยแข็งทื่อ ราวกับเลือดทั่วร่างกายนั้นถูกแช่แข็ง
“เกิดอะไรขึ้น?” หลี่ฝางถามอย่างเย็นชา
“ขอโทษค่ะ……” ชิวทิงหยุนรีบก้มหน้า และเล่าเรื่องที่เกิดเมื่อครู่นี้ให้หลี่ฝางฟัง ไม่ได้ปิดบังแต่อย่างใด
“ไท่ซาง!” หลังจากหลี่ฝางฟังจบ ก็เรียกด้วยเสียงเย็นชาอีกครั้ง
เสียงนี้ไม่ได้ดัง แต่ในพริบตาก็สามารถปลุกไท่ซางได้ วินาทีต่อมา ไท่ซางก็ตื่นตัวขึ้นมา และหยิบเสื้ออย่างลวกๆ และรีบพุ่งออกมา
“ลูกพี่ นายเรียกฉัน……” เสียงของไท่ซางหยุดชะงักลง และสัมผัสได้ถึงออร่าที่ไม่เหมือนปกติของหลี่ฝาง ไท่ซางเบิกตากว้าง
“ลูกพี่ นี่นาย……”
เพราะว่าช็อกมากไป น้ำเสียงของเขาจึงสั่นเล็กน้อย
เพราะว่าออร่านี้ไม่ได้ดูแปลกหน้าสำหรับเขา ตอนแรกที่หลี่ฝางสู้หนึ่งต่อสามกับศัตรู ขณะที่พลานุภาพแรงกล้า ปะทุออกมาจากร่างนั้น ก็มีออร่าเป็นแบบนี้
แต่ทว่าตอนแรกนั้นบ้าคลั่งสุดๆ แต่วันนี้ กลับแอบซ่อนไว้อยู่ข้างในเท่านั้น
หลี่ฝางพยักหน้า ถือได้ว่าตอบข้อสงสัยของไท่ซาง
ทันใดนั้น ไท่ซางก็มีคลื่นเพิ่มขึ้นในใจอย่างคงที่ รู้สึกประหลาดใจที่ความสามารถของหลี่ฝางเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว พูดได้ว่าราวกับนั่งจรวดเลย รู้สึกไม่สบายใจอีกครั้ง ความสามารถเพิ่มระดับขึ้นอีกแล้ว หลังจากนี้เขาคงต้องยิ่งระวังความคิดพวกนั้นของตนซะแล้ว
ไท่ซางพลางคิดแบบนี้ และรีบพูดกับหลี่ฝางอย่างเคารพ: “ยินดีด้วยครับลูกพี่ ขอแสดงความยินดีด้วยครับลูกพี่!”