NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 919 ดูแลผู้หญิงของนายให้ดีๆ
เห็นท่าทีของไท่ซางแบบนี้ หยูหลิงฮุ่ยที่อยู่ด้านข้างก็ช็อกไปเลย
ปรมาจารย์ยุทธภพคนนึง ทำไมถึงต้องเคารพไอ้คนไร้ประโยชน์คนนึงด้วย? แล้วอุกกาบาตเมื่อกี้ที่เขาพูดเหมือนว่าจะเป็น……ลูกพี่?
หลี่ฝางคือลูกพี่ของไท่ซาง?
สำหรับหน้าตกตะลึงของหยูหลิงฮุ่ย ไท่ซางไม่ได้สนใจ และพูดถามต่อ: “ลูกพี่ ทำไมจู่ๆ ถึงเรียกฉันออกมา?”
หลี่ฝางเหลือบไปมองหยูหลิงฮุ่ย แล้วพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ : “ดูผู้หญิงของนายให้ดีๆ อย่าให้หล่อนระรานคนอื่นไปทั่ว”
ไท่ซางได้ยินแบบนั้นก็ชะงักอยู่ครู่ จากนั้นก็หันไปทางหยูหลิงฮุ่ย ด้วยแววตาที่ไม่ค่อยดี
ถูกไท่ซางจ้องแบบนี้ ใจของหยูหลิงฮุ่ยก็ลนลานขึ้นมา จึงรีบก้มหน้าลง ไม่กล้าพูดอะไร
ในตอนนี้ ดูเหมือนว่าหล่อนเข้าใจแล้ว ระหว่างหลี่ฝางกับไท่ซาง สรุปแล้วเป็นความสัมพันธ์อะไรกันแน่
ไท่ซางเห็นท่าทีของหยูหลิงฮุ่ย ราวกับคาดเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ในตอนนั้นก็พูดอย่างโมโห: “ใช้ให้เธอทำเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ยังทำได้ไม่ดี ไร้ประโยชน์!”
เสียงดังเพี๊ยะ ความเจ็บแสบแปล๊บๆ ทำให้หยูหลิงฮุ่ยอึ้งไปทั้งร่าง กุมหน้าตัวเองไว้ อยากจะร้องไห้แต่ก็ไม่กล้าร้อง ร่างกายสั่นเทาไปทั้งร่าง
เห็นหน้าแบบนี้ของหยูหลิงฮุ่ย ไท่ซางยิ่งโกรธจัดขึ้นไปอีก หรืออาจจะแสดงให้หลี่ฝางดู และง้างมือขึ้นอีกครั้ง
“หยุดมือเถอะ หลังจากนี้ตัวเองก็ระวังหน่อย” เสียงของหลี่ฝางดังขึ้น ทำให้ไท่ซางตบลงไป
“ครับ ลูกพี่” ไท่ซางรีบเก็บมือ และหันไปพูดกับหลี่ฝางอย่างเคารพ “จากนี้จะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกครับ”
หยูหลิงฮุ่ยในตอนนี้ก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก และยิ่งไม่กล้าแสดงออกถึงความเคียดแค้น พลางพูดขึ้น: “ขอโทษค่ะ ต่อไปไม่กล้าแล้วค่า ได้โปรดยกโทษให้ฉันเถอะ”
“ก็ตามนั้นแล้วกัน” หลี่ฝางพูดอย่างนิ่งๆ และกลับหลังหันเดินเข้าไปในห้อง ชิวทิงหยุนที่ตามมาด้วยด้านหลัง ก่อนเดินตามเข้าไป
จนเมื่อหลี่ฝางเดินเข้าไปในเรือนเรียบร้อยแล้ว ไท่ซางถึงจะถอนหายใจได้ ทั้งร่างก็ผ่อนคลายลง
หยูหลิงฮุ่ยที่อยู่ด้านข้างในที่สุดก็อดไม่ไหวจึงถามขึ้นมาอย่างน้อยใจ: “พวกนายสองคนมีความสัมพันธ์อะไรกันแน่? คนที่เป็นถึงปรมาจารย์อย่างนายทำไมถึงกลัวจอมยุทธตัวเล็กๆ อย่างเขา……”
ยังไม่ทันได้พูดจบ ก็พูดไท่ซางอุดปากไว้ กลัวว่าหลังจากนี้หยูหลิงฮุ่ยจะพูดอะไรผิดอีก แล้วทำให้หลี่ฝางไม่พอใจไท่ซาง ก็ลากหยูหลิงฮุ่ยกลับเข้าเรือนของตัวเองไป
หลังจากปิดประตูลงแล้ว ไท่ซางถึงจะพูดกับหยูหลิงฮุ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง: “เธอติดตามฉันจะโอหังสักหน่อยก็ได้ ผู้คนปกติธรรมดาไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจ แม้ว่าจะเป็นเจ้าบ้านตระกูลชิว เธอไปทำให้เขาไม่พอใจก็ไม่เป็นไร แต่ว่าสำหรับลูกพี่ของฉันแล้วท่าทีของเธอจำเป็นต้องนอบน้อม ต้องนอบน้อมกว่าที่ปฏิบัติต่อฉันอีก เข้าใจมั้ย?”
พูดจบ ถึงอย่างนั้นก็กังวลว่าหยูหลิงฮุ่ยจะยังไม่เข้าใจ ไท่ซางจึงเน้นย้ำอีกครั้ง: “ไม่อย่างนั้น ถึงตอนที่ลูกพี่เอาจริงขึ้นมา ฉันก็จะซวยไปด้วย ถึงตอนนั้นฉันอาจจะมาลงมือจัดการกับเธอด้วยตัวเองเลยก็ได้!”
คำพูดของไท่ซางข่มขู่อย่างไม่ปกปิด ทันใดนั้นก็ทำให้หยูหลิงฮุ่ยช็อกไปโดยชิ้นเชิง ทำได้แค่พยักหน้าตอบรับอย่างระวัง ไม่กล้าพูดอะไรเลย
ฐานะของหลี่ฝางคืออะไรกันแน่ หล่อนในตอนนี้ไม่กล้าไปนึกถึงมันเลย
อีกฝั่ง หลี่ฝางมองชิวทิงหยุนที่เข้ามาในห้องก็รินชาให้เขาอย่างเชื่องๆ จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปาก: “เธอก็เหนื่อยแล้ว ไปพักผ่อนหน่อยเถอะ”
เขาก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะขังตัวเองมาตลอดทั้งคืนนึง วันถัดมาออกไปเห็นท่าทีของชิวทิงหยุน ก็รู้ได้เลยว่าเมื่อคืนเธอไม่ได้หลับตาลงเลยทั้งคืน อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเกรงใจเล็กน้อย
“ไม่เป็นไร ฉันเป็นจอมยุทธ ไม่ได้นอนคืนเดียวไม่เป็นไรหรอก” ชิวทิงหยุนส่ายหน้าพลางพูด
“ต้องพักผ่อน” หลี่ฝางยังคงพูดยืนกราน “อีกแป๊บเมื่อศึกชิงจ้าวยุทธภพเริ่มขึ้นฉันจะเรียกเธอ ตอนนี้เธอไปนอนสักแป๊บเถอะพักผ่อนเอาแรง”
ชิวทิงหยุนถึงแม้อยากยืนกราน แต่ว่าหลี่ฝางพูดซะชัดเจนขนาดนี้ เธอก็ไม่กล้าขัดคำ จึงไปพักผ่อนอย่างเชื่อฟัง
หลี่ฝางก็ค่อยๆ ลูบไปที่แหวนนิ้วโป้งหยกของเขา และตกลงไปในห้วงความคิด
ถึงแม้ว่าออร่าแปลกๆ ในแหวนวงนี้จะถูกหลี่ฝางสูบพลังมาจนหมดแล้ว ตอนนี้ ก็ไม่มีพลังอัศจรรย์ที่ประหลาดซ่อนอยู่อีกต่อไป
แต่หลี่ฝางกลับไม่ได้โยนทิ้งไป เขายังคงสวมมันไว้ที่นิ้ว เก็บไว้เป็นที่ระลึก
ออร่าข้างในแหวนวงเล็กๆ วงนึง แน่นอนว่าไม่สามารถทำให้กำลังภายในของหลี่ฝางเปลี่ยนไปได้หมด จากการดูดพลังมาทั้งคืน ออร่าทั้งหมดนั้นก็ถูกใช้จนหมดแล้ว
ออร่าที่ถูกผสานพลังเข้ากับกำลังภายในของหลี่ฝางคิดได้เป็น1ใน20ของทั้งหมดในร่างหลี่ฝางเท่านั้น
แต่ว่า มีเจ้าสิ่งนี้ หลี่ฝางก็สามารถไม่ต้องพึ่งพาของแปลกปลอม ที่เหลือตนแค่นำมาผสานเข้ากัน แต่แค่ความเร็วอาจจะไม่เร็วเหมือนการดูดซับพลังปราณบริสุทธิ์จากแหวนนิ้วโป้งหยกโดยตรง
ยึดความเร็วของเขาในตอนนี้ หลี่ฝางก็ประมาณว่า หากต้องการผสานพลังเข้ากับปราณในร่างของตนทั้งหมด อาจจะต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือน ในหนึ่งเดือนนั้น ก็เปลี่ยนไปตามกำลังภายในของเขา ความสามารถของเขา ก็จะพัฒนาขึ้นไม่หยุด
หลี่ฝางคิดล่องลอยไปเรื่อย หลังจากที่ชิวทิงหยุนนอนลงบนเตียงสักพักก็ยากที่จะนอนหลับ
เธอพลางมองเงาหลังของหลี่ฝาง เธอก็ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ คิดมากไปมาแบบนี้ ก็ค่อยๆ เข้าสู่ห้วงนิทราไป
เมื่อเธอตื่นขึ้น ก็หลังจากนั้นสามชั่วโมงแล้ว
“กะ กี่โมงแล้ว?” เมื่อเธอลืมตาขึ้น ก็พบว่าหลี่ฝางย้ายเก้าอี้มาหลังอยู่ด้านข้าง ทันใดนั้นก็ตกใจ จนได้สติตื่นขึ้น
“นอนเป็นยังไงบ้าง?” หลี่ฝางลุกขึ้นพลางพูด “นอนพอแล้วก็ลุกขึ้นมาเถอะ ศึกชิงจ้าวยุทธภพจะเริ่มแล้ว”
“ค่ะ ได้ค่ะ” ชิวทิงหยุนรีบคลานขึ้นมา แล้วรีบจัดแจงที่นอน จากนั้นก็เดินตามหลี่ฝางออกจากเรือน
พอดี ที่ไท่ซางก็พาหยูหลิงฮุ่ยเดินออกมาจากเรือน2เหมือนกัน
หยูหลิงฮุ่ยในตอนนี้คอยตามไท่ซางอยู่ด้านหลังอย่างสงบเสงี่ยม ไม่กล้าที่จะยโสโอหังเหมือนแต่ก่อน แต่กลับระมัดระวังตัว ราวกับกลัวว่าไท่ซางจะโกรธอย่างนั้นแหละ
“ลูกพี่ พวกเราไปกันเถอะ?” ไท่ซางยิ้มแย้มเข้ามาหา
“ไปเถอะ” หลี่ฝางพยักหน้า และจึงเดินไปที่ลานจัดศึกชิงจ้าวยุทธภพกับไท่ซาง