NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 946 หลี่ฝางปรากฏตัว
หวังซีหมิงไม่ได้ใส่ใจเลยสักนิด เขาในฐานะคุณชายแห่งตระกูลหวาง เป็นธรรมดาที่บอดี้การ์ดข้างกายของเขาจะไม่ใช่ยอดฝีมือธรรมดาทั่วไป
มู่หรงฉางเฟิงพยักหน้า เขาชายตามองชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างกายของหวางซีหมิงอย่างอดไม่ได้
ชายคนนั้นนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบ ๆ มาตั้งแต่ต้นแล้ว ไม่ได้มีส่วนร่วมใด ๆ ในการสนทนาของพวกเขา
มีเพียงเมื่อกี้ตอนที่เขาพูดถึงเจ็ดแปดคน ชายคนนั้นถึงได้แสดงท่าทีเย้ยหยันออกมาเล็กน้อย ราวกับไม่ได้เห็นอยู่ในสายตาเลยสักนิด
มู่หรงฉางเฟิงเข้าใจขึ้นมาทันที ชายวัยกลางคนคนนี้เป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง เกรงว่าเขาคงจะเป็นความมั่นใจของหวางซีหมิงสินะ
ณ เวลานี้ ที่ด้านนอกของโรงแรมฟู่โชวก็ได้มีรถหรูคันหนึ่งค่อย ๆ ขับเข้ามาอีกครั้ง ทำให้พนักงานต้อนรับของโรงแรมอดไม่ได้ที่จะซุบซิบกัน: “มาอีกคันแล้ว มาด้วยกันกับสองคันก่อนหน้านั้นหรือเปล่า?”
“บุคคลระดับไหนกันแน่ที่มาที่โรงแรมของพวกเรา?”
หลังจากที่รถยนต์จอดลง ชายหญิงคู่หนึ่งก็ได้เดินลงมาจากรถ ผู้ชายเป็นชายชาวต่างชาติที่มีผมทองตาสีฟ้า ผู้หญิงนั้นสวยมาก หน้าตาดีสุด ๆ
“ยินดีต้อนรับ” พนักงานต้อนรับสองคนรีบเข้าไปต้อนรับ
กฎของโรงแรมฟู่โชว หากต้องการห้องส่วนตัว จะต้องจองเอาไว้ล่วงหน้าก่อน
“ห้องของมู่หรงฉางเฟิงอยู่ตรงไหน?” ฉินวี่เฟยกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา
“ทางนี้ค่ะ เดี๋ยวดิฉันพาไป” พนักงานต้อนรับหญิงคนหนึ่งรีบเดินนำฉินวี่เฟยทั้งสองคนขึ้นไปด้านบน
ประตูห้องเปิดออก ฉินวี่เฟยก็ได้มองเห็นคนที่อยู่ข้างใน
มู่หรงฉางเฟิงลุกยืนขึ้นมาเป็นคนแรก จากนั้นก็เอ่ยทักทายฉินวี่เฟย
หวางซีหมิงนั่งไม่ขยับ จ้องมองฉินวี่เฟยเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ได้ยิ้ม
“นั่งเถอะ”
มู่หรงฉางเฟิงชี้ไปที่เก้าอี้ที่ยังว่างอยู่เพียงตัวเดียวนั่น สำหรับชายชาวต่างชาติที่ยืนอยู่ด้านข้างคนนั้น เขาไม่ได้ชายตามองเลยสักนิด
หลังจากที่ราฟาเอลได้มาถึงเมืองเอก ก็หลบซ่อนตัวมาโดยตลอด แทบไม่ได้ปรากฏตัวในที่สาธารณะเลย มู่หรงฉางเฟิงไม่รู้ถึงความน่ากลัวของชายคนนี้เลยสักนิด
“คุณชายมู่หรง คุณเรียกฉันมาวันนี้ หมายความว่ายังไง?”
ฉินวี่เฟยกวาดสายตามองผู้คนที่อยู่ในนี้ เมื่อเห็นสายตาที่หวางซีหมิงมองตัวเองอย่างโจ่งแจ้งนั่น ทำให้เธอขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
เมื่อได้ยินคำพูดของฉินวี่เฟย มู่หรงฉางเฟิงกลับไม่ได้เอ่ยอะไร แต่เขาเพียงแค่ยิ้มอ่อน ๆ มองไปทางหวางซีหมิง
เมื่อเห็นดังนั้น สีหน้าของฉินวี่เฟยก็ได้เยือกเย็นขึ้นมากกว่าเดิม
ในเวลานี้ หวางซีหมิงได้เอ่ยปากขึ้นมาอย่างเรียบ ๆ : “เธอก็คือฉินวี่เฟยเหรอ? ฉันขอแนะนำตัวเองก่อนแล้วกัน ฉันชื่อหวางซีหมิง มาจากตระกูลหวางแห่งเมืองเซี่ยงไฮ้”
เมื่อได้ยิน “ตระกูลหวางแห่งเมืองเซี่ยงไฮ้” ชื่อนี้ สีหน้าของฉินวี่เฟยก็เปลี่ยนไปทันที ร่างกายของเธอสั่นสะท้านเล็กน้อย แม้แต่ราฟาเอลที่อยู่ด้านหลังเอง แววตาก็ได้เปลี่ยนไปเล็กน้อย ชัดเจนว่าเขาเองก็รู้จักตระกูลหวางแห่งเมืองเซี่ยงไฮ้
“คุณชายหวาง บุคคลแห่งตระกูลใหญ่ที่มีธุรกิจกว้างขวางอย่างคุณ ทำไมถึงได้มาสถานที่เล็ก ๆ แบบนี้ได้ล่ะ?” ชะงักไปสักพัก ฉินวี่เฟยพยายามทำให้น้ำเสียงของตัวเองอ่อนโยนลงเล็กน้อย
“ฮ่า ๆ ๆ ……” เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงของฉินวี่เฟย หวางซีหมิงก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
ตั้งแต่เล็กจนโตผู้หญิงที่เขาถูกใจ ไม่ว่าเริ่มแรกจะมีท่าทีรังเกียจเขาแค่ไหน หลังจากที่รู้ฐานะของเขาแล้ว ก็เปลี่ยนจากยิ่งยโสเป็นเคารพนอบน้อมทันที ช่างตลกยิ่งนัก น้อยมากที่จะเกิดข้อยกเว้น สำหรับเขาแล้วมันถือว่าเป็นเรื่องที่ปกติมาก
“ฉินจื่อยี่เป็นพี่ชายของเธอใช่ไหม? มันกล้าแย่งธุรกิจกับฉัน กล้าไม่เบาเลยนี่” หวางซีหมิงชายตามองฉินวี่เฟย และยิ้มกล่าวอย่างประสงค์ร้าย: “เดิมทีฉันคิดจะโค่นตระกูลฉินของพวกเธอซะ ให้ไอ้สวะนั่นดูตระกูลของตัวเองต้องพบกับภัยพิบัติเพราะมันด้วยตาของมันเอง ค่อย ๆ ทรมานมันจนตาย แต่มันยังโชคดี ที่มีน้องสาวที่สวยอย่างเธอ”
“คุณหมายความว่ายังไง?” ใบหน้าของฉินวี่เฟยค่อย ๆ ซีดเซียวลง คนฉลาดอย่างเธอ จะต้องรู้ความหมายของหวางซีหมิงอย่างแน่นอน
“หมายความว่ายังไง? หึ ๆ” หวางซีหมิงหัวเราอย่างเยือกเย็น ทันใดนั้นก็ชี้ไปที่เก้าอี้ที่อยู่ตรงหน้า แล้วหัวเราะอย่างสนุกสนานพลางกล่าว: “ใจเย็น ๆ เธอนั่งลงก่อน ค่อย ๆ พูดกัน”
ฉินวี่เฟยมองดูเก้าอี้ที่อยู่ตรงหน้า ใบหน้าของเธอเดี๋ยวหมองคล้ำ เดี๋ยวซีดขาว
เธออยากจะหันหลังเดินจากไป แต่เธอไม่กล้า เธอกลัวว่าถ้าเธอไปแล้ว ตระกูลฉินจะถูกล้มล้างในทันที
ตระกูลที่มีอิทธิพลยิ่งใหญ่อย่างตระกูลหวาง ต่อให้เป็นหลี่ฝาง ก็คงไม่อาจต่อกรได้สินะ?
ในขณะที่ฉินวี่เฟยแอบเสียใจเพียงคนเดียวอยู่ในภวังค์นั่นเอง เสียงที่คุ้นเคยก็ได้ดังขึ้นที่ข้างหู
“ไม่เป็นไร วี่เฟย นั่งเถอะ!”
หลี่ฝางปรากฏตัวขึ้นที่ข้างกายของฉินวี่เฟยอย่างองอาจ จากนั้นก็กดบ่าของเธอให้นั่งลงไปบนเก้าอี้
ตัวเองกลับเดินเข้าไปหาหวางซีหมิง แล้วยกหวางซีหมิงขึ้น แล้วตัวเองนั่งลงไปแทน
“แกแม่งเป็นใครวะ!” หวางซีหมิงโตขนาดนี้ ยังไม่เคยถูกคนจับยกขึ้นมาจากเก้าอี้มาก่อน เขาโกรธควันออกหูขึ้นมาทันที
“หลี่ หลี่ฝาง!” มู่หรงฉางเฟิงตะโกนออกมาด้วยความตกใจ และสีหน้าของเขาก็ได้เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ในหัวของเขาจู่ ๆ ก็นึกถึง “บาดแผลภายในใจ” ที่หลี่ฝางและโหจื่อได้ให้ไว้ขึ้นมา
“มู่หรงฉางเฟิง ฉันไม่อยู่หลายวัน แกชักจะอุกอาจไปหน่อยนะ อาการบาดเจ็บหายดีแล้วเหรอ?” หลี่ฝางมองดูมู่หรงฉางเฟินเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ได้ยิ้มพลางกล่าว เขาพูดด้วยน้ำเสียงข่มขู่โดยไม่ปิดบังใด ๆ
เมื่อได้ยินดังนั้น มู่หรงฉางเฟิงหน้าแดงขึ้นมาทันที เต็มสิบมีความอับอายผสมอยู่สามส่วน และความโมโหอีกเจ็ดส่วน
สายตาของหลี่ฝางเคลื่อนไป และตกลงบนร่างของเกาจื่อหมิง แต่กลับไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่หยุดยิ้มอยู่สักพัก กระแสอันเย็นยะเยือกในดวงตากลับทำให้เกาจื่อหมิงแข็งทื่อไปทั้งตัวอย่างฉับพลัน
แย่แล้ว ทำไมถึงเป็นดาวร้ายคนนี้ล่ะ!
ภาพเหตุการณ์ที่เมืองเฟิงซาปรากฏขึ้นมาในสมองของเกาจื่อหมิงอีกครั้ง ทำให้เข่าทั้งสองข้างของเขาอ่อนแรง จนต้องคุกเข่าลงไปกับพื้นทันที
ภาพเหตุการณ์นี้เมื่อตกอยู่ในสายตาของคนอื่น ๆ ราวกับว่าหลี่ฝางเพียงแค่กวาดสายตามองไป ก็ทำให้เกาจื่อหมิงหวาดกลัวจนต้องคุกเข่าอ้อนวอน
“แม่ง! เกาจื่อหมิง แกเป็นบ้าอะไรวะ?” มู่หรงฉางเฟิงรู้สึกไม่ดีขึ้นมาทันที
เขารู้ว่าสีหน้าของเขาในตอนนี้นั้นแทบดูไม่ได้ แต่นั่นก็เพราะเขารู้ความร้ายกาจของหลี่ฝาง คิดไม่ถึงว่าคนที่ตัวเองพึ่งรู้จักคนนี้จะไม่เอาไหนเช่นนี้ นี่มันคนประเภทไหนกันวะเนี่ย!