NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่519 เฉินฝูเซิง โชว์สักหน่อยเถอะ
บทที่519 เฉินฝูเซิง โชว์สักหน่อยเถอะ
“คุณอาซาน เห็นแก่หน้าของพ่อฉัน ……”
โจวเสี่ยวชิงยังไม่ทันพูดจบ หลิวเหล่าซานดึงกางเกงขึ้นมา:“เด็กน้อย ผมบอกคุณนะ พ่อคุณไม่มีหน้าอะไรสำหรับผม เข้าใจไหม?”
“ในเมื่อคุณไม่ยอม ผมก็จะไม่บังคับคุณ เอาเงินของคุณออกไปเถอะ”
หลิวเหล่าซานโบกมือ พูดกับโจวเสี่ยวชิงอย่างเย็นชา
สีหน้าโจวเสี่ยวชิงตะลึงงัน มองหลิวเหล่าซานที่ดูไร้อารมณ์ แล้วก็เข้าสู้ความเงียบอยู่นาน
ไป?
ไปทางไหน?
หลี่ฝางอยู่ข้างนอก และตัวเองก็เกือบจะทำให้ลู่หลุ่ยตาย ถ้าตัวเองออกไป ถูกหลี่ฝางจับไว้ ตัวเองจะมีจุดจบอย่างไร?
โจวเสี่ยวชิงไกล้าจินตนาการต่อไป
“ทำไมคุณยังอ่อนหัดเหรอ”มองสภาพโจวเสี่ยวชิงที่ลังเลไม่ตัดสินใจ ความสนใจกลางใจของหลิวเหล่าซานก็มากขึ้น
หลิวเหล่าซานเดินมาตรงหน้าของโจวเสี่ยวชิง ใช้มือเงยคางของเธอ:“ทำไมไม่ชอบที่ลุงแก่เหรอ”
หลิวเหล่าซานหัวเราะอย่างเย็นชา:“ถึงผมจะไม่รู้ว่าคุณไปแตะต้องหลี่ฝางอย่างไร แต่ในเมื่อคุณยอมจ่ายสองหมื่นเพื่อจัดการเรื่องนี้ ผมว่านะ ความผิดที่คุณทำไม่ธรรมดาแน่”
“ตอนนี้มีสองเงื่อนไข ที่อยู่ตรงหน้าคุณ หนึ่งคือมาสนุกกับผม สองหมื่นนี้คุณเอาไป แต่ต่อไปคุณก็จะเป็นคนของผมหลิวเหล่าซาน ทุกสัปดาห์ต้องมาหาผมสองครั้ง เป็นผู้หญิงของผม ไม่ใช่มีเงินใช้ แต่ผมกล้ารับประกันว่า ช่วงที่คุณอยู่มหาวิทยาลัยนี้ ไม่มีใครมารังแกคุณแน่”
“สองคือคุณรักษาคุณธรรมของตัวเองไว้ เหมือนกับแม่คุณเลย เหอะเหอะ แต่ถ้าแบบนั้น……ผมก็จะไม่ขู่คุณแล้ว ตายหรือเป็น คุณเลือกเองละกัน”หลิวเหล่าซานพูดย่างร่าเริง
“ฉันมีแฟนแล้ว”โจวเสี่ยวชิงเงยหน้าขึ้น มองหลิวเหล่าซานอย่างกลัวหน่อยๆ
“นี่ไม่เกี่ยวอะไรกับผม คุณมีแฟนแล้วยังไง เราสองคนคือคู่รัก ผมก็ไม่ไปป่าวประกาศข้างนอก ถึงตอนนั้นตอนที่คุณมาหาผม ก็อธิบายกับเขาได้ว่ามาทำงาน ยังไงซะบ้านคุณก็จนซะเหลือเกิน เรียนไปด้วยทำงานไปด้วยก็ยิ่งทำให้เขาสงสารคุณ คุณว่าไหม?”
“ทำไมกลัวรู้สึกผิดต่อแฟนเหรอ งั้นก็ได้ ไปเถอะ”หลิวเหล่าซานโบกมืออย่างทนไม่ไหว แล้วพูด
โจวเสี่ยวชิงลังเลหน่อยๆ ที่เธอไม่ตอบตกลงคำขอของหลิวเหล่าซาน ไม่ใช่แค่กลัวรู้สึกผิดต่อแฟนของตัวเอง
โจวเสี่ยวชิงก็กลัวว่าเรื่องชั่วๆนี้จะแดงออกมา แบบนั้น ชีวิตนี้ตัวเองก็พังทลายลงแล้ว
พ่อของตัวเองรู้ จะต้องเอาตัวเองตายแน่
เพื่อนที่มหาวิทยาลัยของตัวเองรู้ จะต้องนินทาตัวเองแน่
มหาวิทยาลัยของตัวเองรู้ จะต้องไล่ตัวเองออกแน่
นี่มันไม่ง่ายเลยที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยสุ่ยมู่ได้ โจวเสี่ยวชิงไม่อยากให้อนาคตพังทลาย
แต่ โจวเสี่ยวชิงมีทางออกอื่นไหม?
ไม่มี
โจวเสี่ยวชิงกัดปาก มองไปที่หลิวเหล่าซาน แล้วพูด:“คุณอาซาน งั้นคุณรับปากฉันเรื่องหนึ่งได้ไหม?”
“พูดมาสิ”หลิวเหล่าซานหัวเราะเหอะเหอะ:“เงื่อนไขที่มากเกินไป อย่าได้เสนอล่ะ”
“เก็บเป็นความลับให้ฉันก็พอ”โจวเสี่ยวชิงพูดด้วยใบหน้าจริงจัง
“ฮ่าฮ่า แน่นอนอยู่แล้ว”
“ที่แท้คุณก็กังวล ชื่อเสียงของตัวเองนี่เอง”
หลิวเหล่าซานหัวเราะอย่างเย็นชา พูดจบ ก็จับคุณหนูโจวเข้ามาในอ้อมแขนของตัวเอง
ปังปังปัง ตอนนี้เอง ด้านนอกก็มีเสียงเคาะประตูเข้ามาอีกครั้ง
“แม่เอ๊ย อะไรอีก?”ถูกรบกวนกับสุนทรียความงาม หลิวเหล่าซานก็โมโหสุดๆ
และโจวเสี่ยวชิงในตอนนี้ ก็ถูกหลิวเหล่าซานกระชากจนผมยุ่งเหยิงไปหมด เสื้อผ้าที่ตัว ก็เหลือไม่เท่าไหร่แล้ว
“ลูกพี่ แย่แล้ว เจ้าเด็กนั่นพาคนมากลุ่มหนึ่ง แต่ละคนต่างพกอาวุธมาด้วย”
“หลี่ฝางนั่นบอกแล้วว่า ถ้าไม่ส่งโจวเสี่ยวชิงไปให้ พวกเขาก็จะบุกเข้ามา”คนด้านนอก พูดอย่างร้อนรน
หลิวเหล่าซานขมวดคิ้ว,พูด:“พวกเขามีกี่คน?”
“ก็ไม่มาก สิบกว่าคน แต่ดูแล้วแข็งแรงกันมาก”คนด้านนอกพูด
ได้ยินว่าสิบกว่าคน ใบหน้าของหลิวเหล่าซาน ก็แสดงความดูถูก
“ดูออกไหมว่าคนของใคร?”หลิวเหล่าซานถามต่อ
“แค่พวกหนุ่มๆไร้ประสบการณ์”
หลิวเหล่าซานหัวเราะ แค่สิบกว่าคน ก็กล้ามาบุกห้องหมากรุกของเขา นี่ไม่ได้ล้อเล่นเหรอ
หลิวเหล่าซานถอดกางเกง ส่งสายตาให้โจวเสี่ยวชิง:“คุณรู้ว่าทำยังไงสินะ?”
“หลี่ฝางเจ้าเด็กนี่พาคนมาสิบกว่าคน แล้วยังเอาอาวุธมาด้วย ถ้าผมไม่ส่งคุณไป ก็เท่ากับต่อต้าน ถึงตอนนั้น ผมจะต้องสูญเสียอย่างเลี่ยงไม่ได้”
“เงินสองหมื่นในมือคุณ ถึงตอนนั้นก็เกรงว่าค่ารักษาพยาบาลจะไม่พอ ดังนั้นคุณชดเชยให้ผมได้”หลิวเหล่าซานพูด
โจวเสี่ยวชิงไม่เข้าใจความหมายของหลิวเหล่าซาน จึงถาม:“ชดเชย ชดเชยยังไง”
หลิวเหล่าซานเอนไปที่ข้างหูของโจวเสี่ยวชิงแล้วพูดไม่กี่คำ
“ถ้าคุณไม่ยอม ก็ออกไปพกมีดด้วยตัวเอง ผมไม่แบกรับแทนคุณแน่”
โจวเสี่ยวชิงตกใจจนสีหน้าซีดขาว ในใจรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมสุดๆ
ในดวงตาของเธอ มีน้ำตาไหลออกมาเป็นทาง หลังจากหลิวเหล่าซานเห็น ก็รีบพูด:“คุณอย่าร้องไห้สิ ผมเบื่อผู้หญิงร้องไห้มากที่สุด ถ้าคุณกล้าร้องไห้ ผมก็จะจับคุณออกไป เข้าใจไหม?”
“ไม่เอา”
“ไม่เอาก็รีบซะ จะชักช้าอะไรอีกล่ะ”หลิวเหล่าซานกลอกตาใส่โจวเสี่ยวชิง
คนที่อยู่ด้านนอกตะโกนมาอีกครั้ง:“ลูกพี่ คุณทำอะไรอยู่ข้างในน่ะ ตอนนี้ไฟลนก้นแล้ว”
“แค่สิบกว่าคน คุณจะกลัวห่าอะไร พวกคุณก็ใช้อาวุธ หยุดพวกเขาให้ผมสิ อีกอย่าง โทรแจ้งตำรวจด้วย พวกเราดำเนินการอย่างถูกกฎหมาย มีคนมาหาเรื่อง พวกเราต้องแจ้งตำรวจ”
หลิวเหล่าซานพูดจบ ก็บ่นพึมพำ:“น่ารำคาญจริงๆเลย”
หลังจากด้านนอกไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ หลิวเหล่าซานจึงหลับตาลง
และหลี่ฝางด้านนอก มองไอ้หัวล้านตรงหน้า ถามว่า:“ทำไมหลิวเหล่าซานยังไม่ส่งคนมาอีก?”
“ส่งใคร?ด้านในห้องหมากรุกของพวกเราล้วนแต่มีลูกค้า ไม่มีนักศึกษาสาวอย่างที่คุณพูด”
“รีบไปซะ ไม่อย่างนั้น ผมจะแจ้งความแล้ว”
ไอ้หัวล้านตะโกนเรียกไปที่หลี่ฝาง:“พาคนสิบกว่าคนมา กล้ามารับตัวคนไป ทั้งที่พี่หลิวของพวกเราเสเพลมาตั้งหลายปี ตลกจริงๆ”
“โอเค ดูเหมือนจะคุยไม่รู้เรื่องแล้ว”
หลี่ฝางพูดนิ่งๆ:“งั้นก็ได้แต่ลงมือแล้ว”
หลี่ฝางหันหน้าไป มองเฉินฝูเซิงแวบหนึ่ง แล้วพูด:“ฝูเซิง ดูเหมือนเขาจะดูถูกพวกคุณสิบกว่าคนนี้ คิดว่าพวกคุณน้อย ดังนั้นจึงข่มขู่พวกเขาไม่ได้”
“คุณจะพิสูจน์ให้เขาเห็นถึงความแข็งแกร่งของทีมไหม?”หลี่ฝางถามเฉินฝูเซิง
เฉินฝูเซิงอ้าปาก หัวเราะออกมา:“นั่นก็ต้องพิสูจน์หน่อยสิ”
“พรรคพวก พวกคุณเพิ่งมาถึงนี่ ไม่มีชื่อเสียงใดๆ คุณดูสิ ไอ้หัวล้านตรงหน้านี้ยังดูถูกพวกเราอีก คุณว่าพวกเราควรจะสั่งสอนพวกเขาหน่อยไหม?”เฉินฝูเซิงอ้าปาก พูดไปที่กลุ่มคนที่อยู่ด้านหลัง
กลุ่มคนด้านหลังเฉินฝูเซิง มีทั้งสูงเตี้ยอ้วนผอม มองไปแล้วถึงจะดูไม่หล่อ แต่หลี่ฝางแน่ใจได้ว่า คนกลุ่มนี้ ไม่ใช่คนที่รับมือได้ง่ายแน่
ถ้าเป็นพวกรับมือได้ง่ายแบบทั่วไป กษัตริย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือคงไม่ส่งพวกเขามาอยู่กับเฉินฝูเซิงที่อยู่ไกลเยี่ยงนี้หรอก
“กระโดดได้ดีนี่ ทุกคนมานี่หน่อย!”
ไอ้หัวล้านก็ตะโกนออกไป ทันใดนั้นก็มีกลุ่มคนกระโดดลงมาจากชั้นบน คนกลุ่มนี้ เยอะกว่าคนของเฉินฝูเซิงมาก
“ถ้าใครกล้าบุกเข้ามา ก็ตัดขามันเลย เข้าใจไหม?”ไอ้หัวล้านมองคนพวกนี้ แล้วพูด
“เข้าใจแล้ว ลูกพี่”
ไอ้หัวล้านพยักหน้า พร้อมถอยกลับไปที่ด้านในห้องหมากรุก หยิบโทรศัพท์ออกมาด้วย แล้วพูด:“ตำรวจหู คุณยุ่งอยู่ไหม?”
“มีอะไรก็ว่ามา อย่ามาเล่นแง่กับผม”หูเฟยพูดอย่างเซ็งๆ
“หึหึ ห้องหมากรุกของพี่หลิวเกิดเรื่องบางอย่าง รบกวนคุณพาเจ้าหน้าที่มานี่หน่อยสิ”ไอ้หัวล้านพูดแล้วหัวเราะฮี่ฮี่
“มีกลุ่มคนพาพวกพร้อมอาวุธ มาหาเรื่องที่นี่”
“ยุคนี้แล้วใครกันยังจะเล่นพรรคเล่นพวกอีก ……”
หูเฟยขมวดคิ้ว บ่นอย่างไม่พอใจ แต่ก็รับปากไป:“ได้ ผมจะนำคนไป”