NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่560 การขอความช่วยเหลือของฉินวี่เฟย
หลี่ฝางพยักหน้า ยอมรับการเดาของหงหงและคนอื่น
“พระเจ้า!”
ตอนนี้ หน้าของหงหงและคนอื่น ก็เหยเกทันที
แม่บ้านที่ถูกพวกเธอเรียกใช้ไปมา ดันเป็นคุณนายแห่งตระกูลจ้าว?
ยามที่ปกติเฝ้าหน้าบ้านให้ตัวเอง ดันเป็นผู้รักษาการประธานกรรมการและผู้จัดการทั่วไปของบริษัทจ้าวซื่อ?
ตัวเองมีงานสกปรก งานเหนื่อยอะไร ต่างให้ผู้จัดการทั่วไปคนหนึ่งทำให้ตัวเองหมด?
เอ่อ……
สีหน้าพวกพิธีกร ดูเหยเกมาก และอึดอัด คิดว่าตัวเองได้รับความโปรดปรานอย่างมาก
ยังไง ก็ไม่ใช่ว่าใครล้วนแต่จะมีการปฏิบัติเช่นนี้
นี่ถือว่าเป็นการปฏิบัติต่อที่สูงส่งที่สุดในโลกแล้ว ให้คนที่มีมูลค่ามากกว่าร้อยล้าน มาถูกตัวเองใช้ไป ใช้มา เป็นยามตัวเล็กๆ!
จนจ้าวควนกับคุณนายจ้าวเดินเข้ามาอีกครั้ง พวกพิธีกรรีบยืนขึ้น เริ่มขอโทษ
ยังไง ในสายตาของพวกพิธีกรเหล่านี้ สองคนนี้ ก็เป็นคนใหญ่โตที่แตะต้องไม่ได้
ที่เมืองเอก พวกเขาถือว่าเป็นคนชั้นสูงอย่างแน่นอน
พิธีกรกลุ่มนี้ล่วงเกินไม่ได้อยู่แล้ว ส่วนจ้าวควนได้แต่หัวเราะเหอะเหอะ พูดอย่างไม่แคร์:“พวกคุณไม่ต้องขอโทษผมหรอก ผมมาเป็นยามให้คุณชายหลี่ที่นี่ พวกคุณใช้ผม สมควรแล้ว ไม่มีอะไรผิด”
ถึงให้ความกล้าต่อจ้าวควนอย่างมาก เขาก็ไม่กล้าทำบ้าอะไรใส่พิธีกรพวกนี้
ถึงในใจจ้าวควนจะโมโห เขาก็ต้องทน
คุณพูดได้เหรอว่าเขาจะไม่โมโห?
ถึงส้วมจะตัน เขาก็ต้องไปเอาออก เขาเป็นถึงผู้จัดการทั่วไปและผู้รักษาการประธานกรรมการที่สง่างาม ให้เขาไปสูบส้วม?
ตอนนั้นเขาที่โกรธ เกือบจะด่าถึงแม่ไป แต่พอคิดถึงตัวตนของหลี่ฝาง เขาก็ได้แต่อดทนไว้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สวีเถิงเฟยกับหยูเถิงที่ก่อนหน้านี้ไปขัดใจหลี่ฝาง ก็นำความพินาศมาให้ตระกูลเป็นอย่างมาก
เป็นสวีเถิงเฟยก่อนที่ประสบอุบัติเหตุ จากนั้นตระกูลสวีพินาศ เบื้องหลังทั้งหมดนี้ ได้ยินว่าเกี่ยวข้องกับหลี่ฝางเป็นอย่างมาก
แล้วก็หยูเถิง ตอนกลางวันไปขัดใจหลี่ฝาง ตกดึกก็ตายเลย ถึงแม้จะป่าวประกาศว่าไปเรียนต่อต่างประเทศ แต่คนในแวดวงภายใน ต่างรู้ความจริงที่ว่าหยูเถิงตายแล้ว
ตระกูลหยูก็กลับตาลปัตรไปหมด พ่อของหยูเถิง ไม่มีอำนาจอีก แล้วอำนาจก็ตกไปอยู่ในมือของหยูเต๋อส่วย
ได้ยินว่าเบื้องหลังของหยูเต๋อส่วย ก็คือตระกูลหลี่นั้นสนับสนุนอยู่
หลังจากได้รู้ความจริงทั้งหมดนี้ จ้าวควนกับภรรยาของเขา ก็ไร้อารมณ์ไปหมด ทิ้งมาดของตัวเองลง แล้วไปเป็นยามกับแม่บ้านของพวกเขาอย่าซื่อสัตย์
“ลุงจ้าว น้าจ้าว พวกคุณทำงานมาหลายวันนี้ คงเหนื่อยมากสินะ?เหอะเหอะ มา นั่งลง ผมชนเหล้ากับพวกคุณหน่อย”หลี่ฝางยืนขึ้น พูดพร้อมหัวเราะเหอะเหอะ
“คุณชายหลี่ ช่างเถอะ ไว้วันอื่น วันอื่นไปบ้านผม ผมจะดื่มกับคุณ”จ้าวควนปฏิเสธอย่างอ้อมค้อม
หลี่ฝางขมวดคิ้ว ไอออกมา พูดว่า:“ทำไม ไม่เห็นแก่หน้าผมแล้ว?”
“จะเป็นไปได้ไงล่ะ?คุณชายหลี่ ผมสวมชุดยามแบบนี้ ดื่มกับคุณ ผมกลัว……”
จ้าวควนยังไม่พูดจบ เสี่ยวซวงก็ยืนขึ้นมา เดินเข้าไป หยิบแก้วเหล้ามา เทให้จ้าวควน:“ลุงจ้าว คุณชายหลี่ดื่มเหล้ากับคุณ ทำไมคุณยังต้องวางท่าอยู่ล่ะ?”
“คุณชายหลี่ ผมไม่ได้วางท่า ผมแค่คิดว่าชุดนี้ ตัวตนนี้ ไปดื่มกับคุณ ……”
หลี่ฝางหัวเราะเหอะเหอะ ตัดบทของจ้าวควน:“ลุงจ้าว คุณว่าผมเหรอ?ที่ผมให้คุณเป็นยาม ไม่ได้ความเป็นธรรมเหรอ?”
“จะเป็นได้ไง เสี่ยวตาวทำผิดไป พวกเราในฐานะพ่อแม่ จึงยอมรับผิดแทนเขา”
“งั้นผมถอดเสื้อผ้านี้ละกัน”
จ้าวควนถอดยูนิฟอร์มชุดยามออกไป เผยให้เห็นกล้ามเนื้อแน่น:“มา คุณชายหลี่ ผมขอชนคุณ ผมทำแล้ว คุณทำอะไรก็ได้เลย”
จ้าวควนนี้ เมื่อก่อนเคยเป็นทหาร ดังนั้นเป็นยาม สำหรับเขาแล้ว ไม่ถือว่าทรมานอะไร
ถ้าลองเปลี่ยนเป็นพ่อของหวงเจ๋ หรือว่าพ่อของส้งเคอ คงปฏิเสธงาน ไม่ทำแล้ว
หลี่ฝางจึงดื่มไปคำหนึ่ง แล้วพูด:“ตั้งแต่นี้ไป คุณคือผู้รักษาการกรรมการของบริษัทจ้าวซื่ออีกแล้ว ต่อไปถ้ามีโอกาส พวกเราตระกูลหลี่จะยอมทำความร่วมมือกับตระกูลจ้าว”
“หวังว่าถึงตอนนั้นลุงจ้าวจะละทิ้งอคติได้นะ”
ได้ยินคำนี้ ใบหน้าของจ้าวควน ก็เผยให้เห็นรอยยิ้มที่ดีใจ:“แน่นอน แน่นอน!”
ร่วมมือกับตระกูลหลี่ได้ ถือว่าเป็นเกียรติอย่างมากแน่นอน
ยังไง เมืองเอกก็มีคนหลายคนอยากร่วมมือกับตระกูลหลี่ แค่หาโอกาสไม่ได้
พอดื่มเสร็จ โทรศัพท์ของหลี่ฝาง จู่ๆก็ดังขึ้นมา
หลี่ฝางก้มหน้าลงมอง เป็นฉินวี่เฟยโทรมา
หลี่ฝางรีบพูด:“พวกคุณดื่มไปก่อน ผมไปรับสายหน่อย”
หลี่ฝางเดินไปที่มุม แล้วจึงกดรับสาย พอรับสาย ก็มีเสียงที่ร้อนรนของฉินวี่เฟยเข้ามา
“หลี่ฝาง คุณมาเมื่อไหร่”ฉินวี่เฟยพูด:“ฉินเสี่ยวหู่พาทั้งแก๊งมาปิดประตูไว้ ไม่ให้ไปฝังคุณปู่”
หลี่ฝางตบหัวตัวเอง นี่จบเห่แล้ว ลืมเรื่องสำคัญเลย
ตัวเองรับปากฉินวี่เฟยแล้ว ว่าจะช่วยเธอจัดการฉินเสี่ยวหู่
“แจ้งความก่อน ผมจะไปเดี๋ยวนี้”
หลี่ฝางพูด:“ตอนนี้ฉินเสี่ยวหู่เป็นบุคคลตามจับอยู่ คุณโทรหาหูเฟยได้”
“ไม่มีประโยชน์ ฉินเสี่ยวหู่บอกแล้ว แค่มีใครกล้าแจ้งความ เขาก็จะลงมือเลย แย่งโลงศพของคุณปู่ แล้วทิ้งลงหลุมศพ”
“อีกอย่างฉินเสี่ยวหู่พาคนมาเป็นร้อย ถึงฉินเสี่ยวหู่ตกใจจนหนี คนอื่นๆก็จะขวางทางไว้ ไม่ให้พวกเราออกไป”
“เวลาฝังศพ พวกเราคำนวณไว้แล้ว ถ้าล่าช้าล่ะก็ ก็คง……”
ฉินวี่เฟยพูดอย่างร้อนรน หลี่ฝางฟังออกว่า ฉินวี่เฟยที่ร้อนใจอยู่นั้น น้ำตาใกล้จะไหลแล้ว
พอวางสาย หลังจากที่หลี่ฝางรีบบอกลาพวกส้งเคอและคนอื่นๆ แล้วก็ลงจากเขาไป
ตอนที่ลงเขาไป หลี่ฝางก็เจอมู่เสี่ยวไป๋ มู่เสี่ยวไป๋หัวเราะเหอะเหอะ มองหลี่ฝางที่วิ่งอย่างร้อนรน พูดว่า:“ทำไม ไปช่วยคนรักคุณเหรอ?”
หลี่ฝางหรี่ตาลง มองมู่เสี่ยวไป๋:“คุณก็ร่วมด้วย?”
คนของฉินเสี่ยวหู่ ครั้งที่แล้วส่วนมากถูกจับไป ครั้งนี้เขาพาคนมาเป็นร้อย ร้อยกว่าคนนี้มาจากไหน ก็น่าศึกษาดู
บวกกับที่มู่เสี่ยวไป๋ถามอย่างนี้ หลี่ฝางก็สงสัยที่ตัวของมู่เสี่ยวไป๋
“เหอะเหอะ ดูสิคุณยุ่งไปหมด ผู้หญิงเยอะ ปัญหาก็เยอะ”มู่เสี่ยวไป๋เบะปากพูด:“รีบไปเถอะ ผมได้ยินว่าคนรักของคุณนั่น ตอนนี้ร้องไห้ใหญ่แล้ว”
“ถ้าให้ผมเห็นว่าคุณก็ร่วมด้วยนะ กลับมาผมจะเอาคุณตายแน่”หลี่ฝางชี้ไปที่มู่เสี่ยวไป๋ แล้วด่า
มู่เสี่ยวไป๋อุทานออกไป แล้วพูดอย่างเหยียดหยามหน่อยๆ:“ความกล้าหาญของคนไม่มีสติปัญญา นอกจากคุณจะหยาบคายแล้ว ยังจะทำอะไรเป็นอีก?พระเจ้าเอาสมองให้คุณ เกินความจำเป็นจริงๆ”
หลี่ฝางไม่สนใจเขา รีบพาส้าวส้วย ขึ้นไปที่รถ
“ไปคฤหาสน์ตระกูลฉิน”หลี่ฝางพูด
หลัวจากรอส้าวส้วยสตาร์ทรถ หลี่ฝางก็หยิบโทรศัพท์ โทรหาหวางเสี่ยวหยวน
เฉินฝูเซิงช่วยตัวเองจัดการปัญหาแล้ว ส่วนหวางเสี่ยวหยวนน่าจะว่าง หลี่ฝางก็อยากเห็นความสามารถของหวางเสี่ยวหยวน
อีกอย่าง ถิ่นของหวางเสี่ยวหยวน ก็ห่างจากคฤหาสน์ตระกูลฉิน สิบนาที
แน่นอนว่า ที่จริงมีส้าวส้วยอยู่ หลี่ฝางไม่จำเป็นต้องหาคนอื่นช่วยเลย
แต่หลี่ฝางอยากลองดู ไม่มีส้าวส้วยออกโรง ตัวเองจะไปได้ถึงขั้นไหน
หลังจากหวางเสี่ยวหยวนรับสาย ก็ออกเดินทางทันที
ผ่านไปประมาณสิบกว่านาที ส้าวส้วยขับรถมาที่คฤหาสน์ตระกูลฉิน ต้องบอกว่า ส้าวส้วยขับรถเร็วขึ้นมาหน่อย
ถึงหน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลฉิน ส้าวส้วยก็จุดบุหรี่ให้ตัวเอง หัวเราะไปถามไปว่า:“เจ้านาย ไม่ต้องให้ผมออกโรงจริงเหรอ?”
“อือ หวางเสี่ยวหยวนพาคนมาแล้ว”
หลี่ฝางพยักหน้า ด้านข้างมีรถตู้มาเป็นสิบกว่าคัน รถตู้หยุดลง ก็มีผู้ชายลงมากว่าร้อยคน
หลี่ฝางมองหวางเสี่ยวหยวนอย่างแปลกใจ พูดกับส้าวส้วย:“คิดไม่ถึงจริงๆ หวางเสี่ยวหยวนผู้ชายคนนี้จะรวมคนมาได้ตั้งมากมาย”
“พวกกาฝากทั้งนั้น ได้แต่มองอย่างเดียว เชื่อไหมว่า ถ้าสู้กันจริงๆ กลุ่มคนพวกนี้อย่างน้อยต้องหนีไปครึ่งหนึ่ง?”ส้าวส้วยพูดดูถูก
“แน่นอน ทางฉินเสี่ยวหู่ก็เหมือนกัน”
ส้าวส้วยสูบบุหรี่ไป พูดไปว่า:“คนสองข้างนี้ แค่มองก็รู้ว่า ออกมายืนเฉยๆ แล้วให้คนละสองร้อยหยวน ให้มาที่นี่เฉยๆ”
“ข้างกายของฉินเสี่ยวหู่ต่างหาก ที่มีคนโหดๆอยู่ไม่กี่คน ที่จริงจัดการฉินเสี่ยวหู่ทิ้ง คนอื่นๆ ก็จัดการง่ายแล้ว”
ส้าวส้วยพูดจบ หลี่ฝางก็พยักหน้า ลงจากรถวิ่งมาตรงหน้าของหวางเสี่ยวหยวน