NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่579 คงต้องให้แผนทรมานร่างกายแล้วล่ะ
“นายมีคนหนึ่งพันสี่ร้อยคนนี้?” มองดูส้าวส้วย หลี่ฝางตะลึงงันเล็กน้อย
“เชรด ผมจะมีคนหนึ่งพันสี่ร้อยคนนั่นได้ยังไง แต่ผมไม่มี ทางมู่เสี่ยวไป๋เอง ก็ไม่มีเหมือนกัน
“ศึกในครั้งนี้ ที่สำคัญคือเงินเท่านั้นเอง”
“สถานที่เจ็ดสิบกว่าแห่งนี้ มีนักเลงท้องถิ่นอยู่เจ็ดสิบกว่าแก๊ง นักเลงท้องถิ่น มู่เสี่ยวไป๋จะรู้จักสักเท่าไหร่กัน? อย่างเก่งก็คือมีคนคอยติดต่อให้ และคุยราคาเรียบร้อยแล้วเท่านั้นเอง”
ส้าวส้วยหัวเราะเอิ๊กอ๊ากพลางกล่าว: “เรื่องนี้ จะต้องให้ท่านจวนเป็นคนออกหน้าแล้ว”
“ท่านจวนหลายปีมานี้ ดูเหมือนจะปลีกตัวออกจากสังคม แต่ความจริงแล้ว เขามีกองกำลังของตัวเองมาโดยตลอด และกองกำลังนี้ กระจัดกระจายอยู่ในที่ต่าง ๆ ให้เขาช่วย ไปคุยกับนักเลงท้องถิ่นพวกนั้น แก๊งไหนที่ตกลงไม่ได้ ก็จัดการซะ” ส้าวส้วยกล่าว
หลี่ฝางพยักหน้า: “งั้นก็มอบให้นายไปจัดการแล้วกัน”
“ฉันจะต้องโทรหาหวางเสี่ยวหยวนสักหน่อย ทางฝั่งจางกงหมิง ก็มีพวกต้มตุ๋น ที่ทำแชร์ลูกโซ่ ถึงแม้จะไม่ใช่ขนาดใหญ่อะไร แต่ฟังจากความหมายของจางกงหมิงแล้ว สถานการณ์ค่อนข้างเลวร้ายพอสมควร ถ้าไม่ไปจัดการ อาจจะทำให้มีคนตายได้”
“ถึงแม้ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพก็เป็นการหลอกลวงเหมือนกัน แต่ก็หลอกแค่พวกคนเฒ่าคนแก่ที่มีเงินบํานาญ พวกเขาถูกหลอก ก็ไม่จะเป็นจะตาย แต่ผู้คนในชุมชนนั่นไม่เหมือนกัน พวกเขาต่างก็เป็นคนจน เงินของพวกเขา ต่างก็เป็นเงินยืมมาจากญาติพี่น้อง ถ้าถูกหลอกไป พวกเขาก็จะไม่เหลืออะไร และจะคิดสั้นเอาได้ง่าย ๆ ”
หลี่ฝางกล่าว: “ทางนั้นจางกงหมิงกำลังจับตาดูอยู่ ฉันให้หวางเสี่ยวหยวนไป แล้วจัดการคนพวกนั้น ให้สิ้นซาก”
หลี่ฝางกล่าวไป พลางโทรหาหวางเสี่ยวหยวน: “พี่หยวน ยุ่งอะไรอยู่น่ะ ฉันมีเรื่องต้องให้พี่ไปจัดการหน่อย ฉันจะส่งที่อยู่ให้พี่ ที่นั่นมีพวกทำแชร์ลูกโซ่ พี่ช่วยไปจัดการให้หน่อย จำไว้ว่าจะต้องพาคนไปเยอะหน่อย และอย่างลงมือหนักจนเกินไป……”
หลี่ฝางกำลังพูดอยู่ ทันใดนั้นส้าวส้วยก็แย่งโทรศัพท์มา: “พี่หยวน พาคนไปเยอะหน่อย จำไว้ว่าต้องลงมือให้หนัก ๆ เลย โดยเฉพาะจางกงหมิง ขอเพียงไม่ให้เขาตาย ลงมือได้หนักเท่าไหร่ก็เท่านั้น ทางที่ดีเอาให้เขาลงจากเตียงไม่ได้สักเดือน”
“เชรด ส้าวส้วย นายทำอะไรน่ะ จางกงหมิงเป็นลูกพี่ของฉันนะ นายนี่……” หลี่ฝางไม่พอใจเล็กน้อย ยังไม่รอให้หลี่ฝางพูดจนจบ ส้าวส้วยก็เอ่ยขึ้นมา: “ผมกำลังช่วยเขาอยู่นะ”
“คุณต้องจำไว้ว่า ที่ถูกจัดการมีหลายจุดขนาดนั้น ตระกูลมู่จะต้องให้ความสำคัญมากแน่ ๆ ถ้าเกิดให้พวกมันสืบรู้ขึ้นมาว่าพวกเราเป็นคนทำ งั้นคนแรกที่ตระกูลมู่สงสัย จะต้องเป็นจางกงหมิงแน่นอน ถ้าคุณไม่ให้พี่หยวนลงมือกับจางกงหมิง จางกงหมิงไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย นั่นก็จะพิสูจน์ได้ว่าจางกงหมิงได้ขายข้อมูลของพวกมัน”
“ถึงแม้นี่จะเป็นแผนทรมานร่างกาย แต่กลับเป็นวิธีเดียวที่จะสามารถปกป้องชีวิตของจางกงหมิงเอาไว้ได้”
ส้าวส้วยพูดจบ สีหน้าของหลี่ฝางก็ตกอยู่ในแววของความเจ็บปาด: “แต่จางกงหมิงพึ่งจะออกมาจากโรงพยาบาล ต้องทำให้เขาเข้าโรงพยาบาลอีกครั้ง……”
“ไม่มีทางอื่น”
ส้าวส้วยกล่าว: “มีแค่วิธีนี้”
ส้าวส้วยพูดจบ ก็ยื่นโทรศัพท์ให้หลี่ฝาง หลี่ฝางไม่มีทางเลือก ได้แค่พูดว่า: “อย่าลงมือหนักมา แต่ก็อย่าเบาจนเกินไป ทำตามที่ส้าวส้วยพูดเมื่อกี้ก็แล้วกัน”
หวางเสี่ยวหยวนพยักหน้า แล้วก็ไปจัดการทันที
ทางด้านหลี่ฝางยังคงเป็นกังวลเล็กน้อย: “พอลงเมื่อขึ้นมาไม่รู้หนักเบา ถ้าเกิดมีคนเป็นอันตรายถึงชีวิตขึ้นมา……”
ภายในใจของหลี่ฝางค่อนข้างจะสับสนวุ่นวาย ทางด้านจางกงหมิง ส่วนมากต่างก็เป็นพี่ชายแสนดีที่หลี่ฝางรู้จักที่ตงไห่ในตอนนั้น และทางด้านหวางเสี่ยวหยวน ก็เป็นพรรคพวกของตัวเอง แค่แสดงละครต่อยตีกันนั้นไม่มีอะไร นี่ถ้าเกิดต่อยจนเป็นอะไรขึ้นมา หลี่ฝางเชื่อว่า ไม่เพียงแค่ตัวเอง จางกงหมิงเอง ก็จะรู้สึกไม่ดีเหมือนกัน
“สบายใจได้ พวกเขาต่างก็เป็นคนเจนโลกที่อยู่ในวงการมานาน จะต้องลงมืออย่างมีขอบเขตแน่” ส้าวส้วยกล่าวปลอบใจ
หลังจากที่จางกงหมิงแอบโทรโทรศัพท์เสร็จ ก็ขึ้นมาบนห้อง
ในห้องกำลังร้องเพลงดวงใจที่เต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ พอเพลงจบ ชายร่างอ้วนพูดจาสำเนียงกวางตุ้ง ก็เดินเข้ามาหาจางกงหมิง: “หนุ่มหล่อ เมื่อกี้นายไปทำอะไรมา ฉันกำลังหานายอยู่พอดี วันนี้ก็รับนักศึกษาเข้ามาอีกสามสิบกว่าคนแน่ะ ตอนเย็นจัดภาพยอดแห่งอาชาทั้งแปดต่อนะ”
“ลูกพี่ จัดภาพยอดแห่งอาชาทั้งแปดให้ทุกคืนแบบนี้ ต่อให้ผมมีแปดไต ก็คงถูกทำลูกพี่ทำลายจนหมด ลูกพี่ให้ผมพักสักหน่อยเถอะ พักสักหน่อย” จางกงหมิงกล่าวอย่างมีใจแต่ไม่มีแรง
“อ้อ ๆ งั้นหนุ่มหล่อ คืนนี้ฉันพาทุกคนไปเลี้ยงอาหารทะเล นายกินหอยเป๋าฮื้อให้เยอะ ๆ หน่อย จะได้บำรุงไต” ชายร่างอ้วนคนนั้นกล่าวต่อ
“ลูกพี่ ลูกพี่อย่าพูดถึงหอยเป๋าฮื้ออะไรนั้นเลย ตอนนี้ผมแค่มองเห็นมัน ก็อยากจะอ้วกแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกินเลย” จางกงหมิงทำท่าทีเหมือนอยากจะอาเจียน แล้วกล่าว: “เอาอย่างนี้ไหม เว้นให้ผมก่อนเป็นยังไง?”
“ได้ได้ได้ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว หนุ่มหล่อ เพียงแต่ว่าคนในสองวันนี้ ถือว่าน้อยไป นายช่วยฉันดึงคนใหม่ ๆ เข้ามาหน่อย คนพวกนี้ต่างก็ถูกฉันล้างสมองสำเร็จแล้ว ยังมีคนที่ไม่ได้เข้าร่วม แต่ล้วนเป็นพวกไม่มีเงินทั้งนั้น”
ชายร่างอ้วนคนนั้นกำลังพูดอยู่ ทันใดนั้นก็มีป้าคนหนึ่งเดินเข้ามา: “ประธานหวาง ฉันได้ยืมไปจนทั่วแล้ว ยังขาดอีกสามพันกว่าถึงจะครบสามหมื่น คุณดูว่าคุณจะผ่อนผันให้หน่อยได้ไหม ลดให้ฉันสักสิบเปอร์เซ็นต์ ได้ไหม?”
ชายร่างอ้วนตีหน้าขรึมเล็กน้อย: “มันลดไม่ได้หรอกครับ ไม่มีเงินก็ไปหายืมมาสิ ยืมจากพี่น้องเพื่อนฝูงไม่ได้ ก็ไปยืมจากข้างบ้าน ยืมเงินกู้ แค่แป๊บเดียวเอง ไม่กี่นาทีก็อนุมัติเงินแล้ว”
“ฉัน ฉันเป็นคนเถื่อน เมื่อก่อนเคยช่วยคนลงทะเบียนจัดตั้งบริษัท บริษัทหลอกลวงเงิน ฉันก็เลยกลายเป็นแพะรับบาป ฉัน ฉันกู้เงินไม่ได้” ป้าคนนี้กล่าวด้วยท่าทางเจ็บปวด
ชายร่างอ้วนยังคงขมวดคิ้วเหมือนเดิม: “ถึงยังไงก็ไม่เกี่ยวกับผม อยากได้เงิน ก็จะต้องลงทุนสิ เงินสามหมื่นคุณยังเสียดาย แล้วจะไปหากำไรสิบล้านได้ยังไง?!”
“หรือไม่ก็เอาอย่างนี้ไหม น้องชายแซ่จาง นายให้พี่สาวคนนี้ยืมสักสามพัน รอพี่สาวได้ส่วนแบ่ง ก็ให้พี่สาวคืนนายทั้งต้นทั้งดอก เป็นยังไง” ชายร่างอ้วนแอบส่งสายตาให้กับจางกงหมิง พลางกล่าว
จางกงหมิงขมวดคิ้ว แอบด่าแม่ของชายร่างอ้วนอยู่ในใจ ชายร่างอ้วนกระซิบเสียงเบา: “สบายใจได้ เงินฉันจะให้นายเอง”
สุดท้ายแล้วจางกงหมิงก็พยักหน้า และเอาเงินสามพันให้ป้าคนนั้นยืม ป้าคนนั้นน้ำเงินสามพันนั้น มายืนอยู่ตรงชายร่างอ้วนทันที: “ประธานหวาง ประธานหวาง ฉันมีเงินแล้ว ฉันมีเงินพอเข้าร่วมแล้ว”
“ครับ นับจากนี้ไป พวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ฮ่า ๆ ผมขอเป็นตัวแทนของดรีมทีมใหม่ ยินดีต้อนรับคุณเข้าร่วม”
ชายร่างอ้วนกอดป้าคนนั้นอย่างอบอุ่น จากนั้นก็ให้คนมานับเงิน และช่วยป้าคนนั้นลงทะเบียน
จางกงหมิงเบ้ปากยิ้มกล่าว: “พี่ชาย สุดยอดจริง ๆ หลอกเงินแล้วยังทำให้คนอื่นรู้สึกสํานึกในบุญคุณ”
จางกงหมิงยกนิ้วให้กับชายร่างอ้วน ชายร่างอ้วนหัวเราะเอิ๊กอ๊าก: “เรื่องแบบนี้ทำเยอะแล้วก็จะชำนาญไปเอง ฉันได้ต้มตุ๋นหลอกลวงมาหลายที่แล้ว สำหรับความคิดของเหล่าคนจนพวกนี้ ฉันได้มองทะลุแล้ว พวกเขาไม่อยากทำงาน คิดแต่อยากจะให้บุญหล่นทับ ถือเป็นความโชคร้ายที่พวกเขาหาใส่ตัวเอง”
“น้องจาง อย่าพูดว่าฉันหลอกเงินสิ ถ้าเกิดพวกเขาได้ยินขึ้นมา จะแย่เอาได้ ไป ฉันจะไปเก็บของหน่อย จากนั้นพวกเราก็ไปทานอาหารทะเลกัน ที่เมืองเอกนี่ ร้านอาหารทะเลที่แพงที่สุดอยู่ที่ไหนเหรอ” ชายร่างอ้วนกล่าวด้วยท่าทางในกล้วอย่างสุดขีด
ภายในใจของจางกงหมิงเกลียดชังเป็นที่สุด แต่กลับทำได้แค่ยิ้มเผชิญหน้า
ชายร่างอ้วนคนนั้นกำลังกอดคอขิงจางกงหมิง ในขณะที่กำลังเดินออกจากชุมชนเก่า ๆ นั้น จู่ ๆ ก็มีรถตู้สิบกว่าคันขับมาจอดลง คนกลุ่มหนึ่งกรูลงมาจากรถ พวกเขาเรียงเป็นแถวหน้ากระดาน ต่างก็มีริบบิ้นสีแดงผูกอยู่ที่ข้อมือ พวกเขาถืออาวุธไว้ในมือ เมื่อเห็นจางกงหมิง ก็ฟันเข้ามาทันที
จางกงหมิงขมวดคิ้ว ในสายตาปรากฏแววเย็นชาออกมาเล็กน้อย พูดอยู่ในใจ เอาจริงเหรอนี่?
เมื่อชายร่างอ้วนเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็รีบเดินออกมาข้างหน้าทันที: “ลูกพี่ทุกคน มีอะไรก็พูดกันดี ๆ พูดกันดี ๆ ”
“มาเก็บค่าคุ้มครองใช่ไหม ถ้าใช่ละก็พวกเราคุยกันก่อน อย่ามาถึงก็ลงมือเลยสิ สังคมมีกฎหมาย สังคมมีกฎหมาย พวกเราต้องมีอารยธรรมสิ” ชายร่างอ้วนหัวเราะคิกคัก ตามประสบการณ์ครั้งก่อน ๆ ของเขา คนที่มาหาเรื่อง ก็แค่เพียงต้องการขู่เอาเงินเท่านั้นเอง
แต่ใครล่ะจะรู้ เหตุการณ์ในครั้งนี้ ชัดเจนว่าไม่ได้อยู่ในความคาดหมายของชายร่างอ้วน ฝ่ายตรงข้ามเตะเข้าให้อย่างจัง อาวุธในมือ ก็ฟาดลงมาที่ศีรษะของเขา จางกงหมิงร้องตะโกนเสียงดัง คนหลายสิบคน วางไพ่ในมือลง แล้ววิ่งออกมาจากในตึก
“แม่งเอ๋ย คนเยอะขนาดนี้เชียว”
เมื่อเห็นจางกงหมิง ทุกคนต่างก็หวาดผวา: “พี่หมิง พวกเราหนีไปก่อนดีไหม พวกมันมีคนเป็นร้อยแน่ะ หนึ่งต่อห้า ยังไงก็สู้ไม่ได้