NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่599 ตัวเลือกของหวางเห้า
“คนที่เห็นแก่ตัวมักจะคิดหาทางเพื่อให้ตัวเองรอดอย่างไร้มลทิน จริงๆพอมาคิดดูดีๆแล้ว ไม่ว่าผมหรือพี่หยุนก็ไม่มีทางกำจัดมู่เสี่ยวไป๋ได้ หรือต่อให้พี่หวางต้องยังมีชีวิตอยู่ เขาก็อาจจะจับทางมู่เสี่ยวไป๋ไม่ถูก มู่เสี่ยวไป๋เป็นคนรอบคอบ เขาไม่เคยทิ้งร่อยรอยอะไรให้คนอื่นตามทัน”
“พวกเราทำงานให้เขาตั้งมากมาย มากกว่าครึ่งในนั้นแทบไม่มีจุดไหนที่จะเชื่อมโยงถึงเขาได้เลย คุณรู้ไหม ถ้าเขาชั่วร้ายขึ้นมาจริงๆ แม้แต่เพื่อนตัวเองก็ยังจัดการได้ ขนาดที่ทั้งๆที่เพิ่งจะเซ็นสัญญากับคุณไปแท้ๆ แต่แค่เดินหันหลังกลับมาเขาก็สามารถให้คนเอามีดมาแทงคุณได้ ใครจะคิดถึงล่ะ? ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังมีดนี้จะเป็นมู่เสี่ยวไป๋ ขนาดฝันยังฝันไม่ถึงเลย ตรงข้าม มู่เสี่ยวไป๋ยังแจ้งตำรวจให้ผู้เสียหาย ทำเหมือนกับว่าหลังจบเรื่องตัวเองจะกลายเป็นผู้มีพระคุณไปซะอย่างนั้น”
“มู่เสี่ยวไป๋เป็นคนต่ำตมที่สุดที่พวกเราเคยพบเจอ พี่หวางต้องได้เห็นตัวตนของเขาแค่หนึ่งในสิบเท่านั้น”
จูเฟิ่งปินพูด “คุณชายหลี่ต้องระวังตัวให้มากครับ ตัวเขาที่กำลังคิดจะทำอะไรอยู่ แต่ผมได้ยินพี่ใหญ่บอกว่าเขขากำลังวางแผนที่รอบคอบมากๆ เพราะครั้งก่อนที่โจมตีคุณทำให้เขาเสียหายไปมาก เพราะงั้นเขาคงไม่ลงมืออีกง่ายๆ”
“ผิวน้ำที่ดูนิ่งสงบ แต่ไม่มีใครรู้ว่าข้างใต้นั้นมีอันตรายอะไรบ้าง เขาวางแผนเล่นงานคุณอยู่เงียบๆ” จูเฟิ่งปินมองหลี่ฝาง เตือนด้วยความหวังดี “ผมก็ไม่รู้ว่าเขากำลังวางแผนอะไร แต่ถ้ารู้ผมจะบอกคุณแน่นอน”
หลี่ฝางพยักหน้า เรื่องลับๆแบบนั้น มู่เสี่ยวไป๋ไม่มีทางปล่อยให้ลูกกะจ๊อกรู้อยู่แล้ว
หลี่ฝางมองจูเฟิ่งปินแล้วเอ่ย “ฉันเตรียมรถไว้แล้ว สำหรับพานายกับเฉิงหยุนหลบหนี”
“พี่เฉินหยุน…” จูเฟิ่งปินถอนหายใจ แล้วถามต่อ “เขาก็จะหนีหรอครับ?”
“มู่เสี่ยวไป๋ไม่มีทางปล่อยให้พวกนายลอยนวล” หลี่ฝางบอก
“แต่แน่นอนว่าพวกนายยังมีอีกทางเลือก นั่นก็คือตามฉัน แต่คิดไปคิดมาอย่าดีกว่า ยังไงซะฉันก็ไม่มีตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับพวกนายว่างอยู่ อีกอย่างประวัติพวกนายก็ไม่ค่อยสะอาดนัก ยังมีคดีตามตัวอีกเพียบ มู่เสี่ยวไป๋จะต้องมีหลักฐานชี้ตัวพวกนายอยู่ในมือแน่ ถ้ามาอยู่กับฉันเกรงว่าจะกลายเป็นแค่ระเบิดเวลาไปซะเปล่าๆ” หลี่ฝางพูด
“แล้วน้องสาวผม…” หลี่เฟิ่งปินถาม
‘’เฉิงหยุนกำลังไปรับน้องสาวนาย” หลี่ฝางพูดต่อ “เชื่อว่าไม่นานพวกเขาก็จะมาถึง”
“จริงสิ ยังมีอีกเรื่องที่ต้องถาม นายรู้จักหวางเห้าไหม?” หลี่ฝางมองหน้าจูเฟิ่งปินแล้วเอ่ยถาม
จูเฟิ่งปินพยักหน้า “รู้จักครับ เขาเป็นหนึ่งในลูกน้องคุณนี่ คนที่มีชื่อเสียงในเมืองเอก แล้วเมื่อก่อนก็เป็นศัตรูตัวฉกาจของเรา ถ้าไม่รู้จักผมก็คงหัวทึ่มเต็มที”
“แล้วตอนที่ตระกูลมู่ นายเคยเจอเขาหรือเปล่า?” หลี่ฝางถาม
จูเฟิ่งปินหัวเราะหึ แล้วพูด “คุณชายหลี่ เขาเป็นลูกน้องของคุณ จะเสนอหน้าไปตระกูลมู่ทำไม?”
“ผมได้ยินว่าคุณกับเขามาจากตงไห่เหมือนกันนี่”
“หรือว่าเขาหักหลังคุณ? แล้วไปรับใช้มู่เสี่ยวไป๋? เป็นไปไม่ได้มั้ง ผมไม่เคยได้ยินพี่พูดถึงเขาเลย ผมจะบอกความลับอะไรให้อย่าง พี่หวางต้องเขามีจุดอ่อนอยู่อย่างนึง ก็คือชอบนอนละเมอ ถึงปกติเขาจะเป็นคนพูดจาระวังคำพูดก็จริง แต่พอนอนหลับก็มักจะซี้ซั้วพูดไม่หยุด”
“นี่ก็เลยเป็นเหตุผลที่พี่เขาไม่มีแฟน ทนจนตบะแตกถึงได้หาสาวมาบำเรอ”
“เราสนิทกันมาก เพราะเคยเฉียดตายมาด้วยกัน ผมกับเขายังเคยนอนห้องเดียวกัน เพราะแบบนั้นผมถึงได้รู้ความลับมากมายของมู่เสี่ยวไป๋ มีครั้งนึงพี่หวางต้องยังเคยพูดเลยว่าอยากจะฆ่ามู่เสี่ยวไป๋ให้ตาย”
หลี่ฝางหัวเราะหึ “นี่มันไม่ใช่เรื่องดีเลยแฮะ ยังดีที่มู่เสี่ยวไป๋ไม่ได้ยิน ถ้ามาได้ยินเข้าหวางต้องคงได้ตายไปนานแล้ว”
พอพูดถึงการตายของหวางต้อง ใบหน้าของจูเฟิ่งปินก็ฉายแววว้าวุ่นขึ้นมา
“จริงสิ ที่หวางต้องพูดตอนนอนละเมอ นายพอจะจำได้มากแค่ไหน?” หลี่ฝางถาม “มันมีประโยชน์กับฉันมาก”
“ผมจำได้แค่หนึ่งในสาม คุณชายหลี่ ผมก็ไม่กล้ารับประกันว่าสิ่งที่เขาละเมอจะจริงเท็จมากแค่ไหน อีกอย่าง หลักฐานอะไรก็ไม่มี จะมีประโยชน์ต่อคุณได้ยังไง” จูเฟิ่งปินถามอย่างสงสัย
‘’ตำรวจสืบคดีต้องใช้หลักฐาน แต่เราไม่ใช่ตำรวจ”
หลี่ฝางหัวเราะ แล้วพูด “อย่างที่นายยกตัวอย่างเมื่อกี้ คนอย่างมู่เสี่ยวไป๋เพิ่งเห็นหน้าเซ็นสัญญากันอยู่หยกๆ แต่พอหันหลังไปก็ให้ลูกน้องมาลอบทำร้าย นายว่าถ้าฉันเอาไปบอกคู่กรณี คู่กรณีคนนั้นจะเกลียดแค้นมู่เสี่ยวไป๋ไหมล่ะ?”
“เหอะๆ มู่เสี่ยวไป๋ก็อาจจะแค่อยากทำตัวให้เป็นบุญคุณ ถ้าฉันกระชากหน้ากากของมู่เสี่ยวไป๋ได้แล้วทำให้อีกฝ่ายเชื่อ ที่มู่เสี่ยวไป๋ทำมาทั้งหมด ก็กลายเป็นไร้ค่าไปเลยไม่ใช่หรือไง?”
“ก็จริงครับ ถ้าเป็นแบบนั้นเขาก็จะมีศัตรูเพิ่มขึ้น มิตรน้อยลงไปอีกคน” จูเฟิ่งปินพูดหัวเราะหึๆ
“อืม ฉันไม่รบกวนนายแล้ว นายค่อยๆคิด ในห้องมีกระดาษกับปากกาอยู่ นายคิดอะไรออกก็บันทึกลงไป” หลี่ฝางพูด ขณะที่ยื่นเงินสดสิบล้านไปให้
หลี่ฝางวางถุงเงินลงตรงหน้าจูเฟิ่งปิน “เงินพวกนี้สำหรับค่าเหนื่อยของพวกนาย”
“ค่าเหนื่อย? คุณชายหลี่ช่วยชีวิตเราไว้ ไหนจะให้เงินมากมายขนาดนี้ ไหนจะจัดการเรื่องหลบหนีให้…” จูเฟิ่งปินมองหลี่ฝางด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ
“ไม่เท่าไหร่ สิ่งที่พวกนายบอกฉันมันคุ้มค่าที่จ่ายไปแล้วล่ะ”
แค่เฉิงหยุนคนเดียวก็เขียนสิ่งที่มู่เสี่ยวไป๋ทำผิดกฎหมายมาสิบข้อแล้ว แต่ทั้งหมดนั้นอาจจะไม่มีประโยชน์อะไรเมื่อไปถึงมือตำรวจ
แต่ถ้าเรื่องพวกนั้นไปถึงมือของคู่กรณี ใบหน้าที่แท้จริงของมู่เสี่ยวไป๋ก็จะถูกกระชากออก
“ยิ่งไปกว่านั้น ฉันก็ไม่ได้ขัดสนอะไรกับเงินแค่สิบล้าน แต่พวกนายต้องใช้มัน ถ้าพวกนายหนีออกไปจากที่นี้แล้วแต่ไม่มีเงินใช้ เห็นทีจะไม่ได้” หลี่ฝางพูด “ตอนแรกฉันตั้งใจจะโอนเงินเข้าบัตรของพวกนาย ถือแบบนี้ไว้คงไม่ปลอดภัยเท่าไหร่ แต่มาคิดอีกที การหลบหนีของพวกนายครั้งหนี มู่เสี่ยวไป๋คงรายงานความผิดทุกอย่างที่พวกนายเคยทำถึงหูตำรวจแน่ แล้วบัตรของพวกนายก็จะถูกอายัด”
“คุณชายหลี่คิดเผื่อพวกเรามากจริงๆ” จูเฟิ่งปินมองหลี่ฝางด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความซึ้งใจ
หลี่ฝางเดินออกจากห้อง แล้วหยุดอยู่ที่ปลอดคน ก่อนจะจุดไฟบุหรี่มวนนึง เมื่อสูบเสร็จ ชายหนุ่มล้วงโทรศัพท์ออกมา เขาเลื่อนหาเบอร์ติดต่อของหวางเห้า หลังจากลังเลอยู่สักพัก ก็ตัดสินใจโทรออก
“เจ้านาย โทรมาดึกขนาดนี้มีเรื่องอะไรครับเนี่ย” หวางเห้าถามขึ้นราวกับคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่
ทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงงุนงงนั่นความเคลือบแคลงใจของหลี่ฝางก็หายวับ
“พี่เห้า ฉันจะส่งโลเคชั่นไปให้ในวีแชท ว่างไหม? มาหาฉันหน่อย” น้ำเสียงของหลี่ฝางเย็นยะเยียบ
“ได้เจ้านาย มีภารกิจลับอะไรหรือเปล่า” หวางเห้าถามหยั่งเชิง
“นายมาคนเดียวนะ มาถึงแล้วฉันจะบอก” หลี่ฝางตั้งใจพูด “อย่าลืม มาคนเดียว ใครก็ไม่ต้องพามา”
“ได้” หวางเห้าตอบรับอย่างอารมณ์ดี
ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง หวางเห้าก็เดินออกมาจากรถจิ๊บ แล้วเข้าไปหาหลี่ฝาง
หลี่ฝางยิ้มแล้วถาม “ทำไมไม่ขับมอร์ไซค์มาล่ะ?”
“จู่ๆก็รู้สึกว่าเจ้านั่นไม่ปลอดภัย สู้สี่ล้อนี่ไม่ได้” หวางห้าวหัวเราะแหะๆ แล้วมองไปที่หลี่ฝาง “เจ้านายเรียกผมมาด่วนขนาดนี้ แสดงว่ามีเรื่องดีๆเกิดขึ้นใช่ไหม?”
หลี่ฝางเอ่ยเสียงเรียบ “ฉันให้เรื่องดีๆกับนายไปเยอะมาก แค่ถนนบาร์อย่างเดียว ถ้าบริหารดีๆเดือนๆนึงคงทำกำไรได้ไม่ต่ำกว่าเจ็ดหลัก”
“ถ้าแอบตักตวงไปสักหน่อย เหอะ…”
ไม่รอให้หลี่ฝางพูดจบ หวางเห้าก็รีบตัดบท “เจ้านาย ผมไม่ใช่คนแบบนั้น”
หลี่ฝางปรายตามองหวางเห้า สีหน้าจริงจัง “ฉันก็คิดว่าไม่ใช่ แต่ฉันกลัวว่านายจะเปลี่ยนไป”
“หวางเห้า นายมีอะไรปิดบังอยู่หรือเปล่า?” หลี่ฝางถาม
“เจ้านาย วันนี้เป็นอะไร? เรารู้จักกันมาตั้งนานขนาดไหนแล้ว ถ้ามีอะไรก็พูดมาตรงๆเลยดีกว่า ทำไมต้องอ้อมไปอ้อมมา? คุณเป็นแบบนี้ผมก็ยิ่งไม่สบายใจ” หวางเห้าสบตาหลี่ฝางแวบนึง ก่อนจะพูดสื่อความนัย “ถ้าคุณคิดว่าเชื่อใจผมไม่ได้ ผมก็ยินดีจะพาคนของตัวเองออกไป ส่วนไหนที่เป็นของคุณ ผมไม่แตะแม้เพียงปลายนิ้ว”
“ความสามารถแบบซินปา จะดูแลถนนบาร์แทนผมได้อย่างดี” หวางเห้าพูด
หลี่ฝางแค่นหัวเราะ “หาเจ้านายคนใหม่ได้แล้วหรอ?”
หวางเห้าขมวดคิ้ว สายตาจับจ้องไปยังหลี่ฝาง “คุณชายหลี่ เรียกผมมาถึงที่นี่ต้องการจะสื่ออะไรกันแน่?”
“ไม่มีอะไร ก็แค่มีคนบังเอิญเจอนายเดินเข้าบ้านตระกูลมู่ ตอน…” ขณะพูด หลี่ฝางก็คอยสังเกตปฎิกิริยาของหวางเห้า
บางทีอาจจะเพราะสีท้องฟ้ายามวิกาล หลี่ฝางจึงมองไม่ออกนัก
หวางเห้าฟังจบ ก็แค่นหัวเราะ “คุณชายหลี่กำลังจะบอกว่าผมหักหลังคุณ แล้วแอบไปอยู่ฝ่ายมู่เสี่ยวไป๋?”
“คนอย่างหวางเห้าไม่ใช่ประเภทแว้งกัดผู้มีพระคุณ กินบนเรือนขี้บนหลังคา” หวางเห้าพูด
หลี่ฝางนิ่งไปเล็กน้อย แล้วพูดต่อ “ฉันก็คิดว่านายไม่ใช่คนแบบนั้น แต่ได้ยินว่าชางสู่กำลังจะกลับมา เขาเป็นพี่น้องคนสนิทของนายนี่”
วินาทีนี้สีหน้าของหวางเห้าเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน และแน่นอนว่าหลี่ฝางก็เห็นเต็มสองตา
หลี่ฝางแสยะยิ้ม แล้วพูดแทงใจ “นายไปหาชางสู่ที่บ้านตระกูลมู่มาสินะ?”
หวางเห้าเป็นใบ้ไปชั่วขณะ
“นายจะไปบ้านตระกูลมู่ จะไปเจอชางสู่ก็ไม่เป็นไร แต่ทำไมต้องปิดบังฉัน?” หลี่ฝางมองหน้าหวางเห้าพร้อมเอ่ยถามไม่หยุด
“ผมกลัวคุณจะคิดมาก” หวางเห้าพูดเสียงทุ้มต่ำ
หวางเห้าพูดแบบนี้ ก็หมายความว่าเขายอมรับเรื่องที่ตัวเองแอบไปบ้านตระกูลมู่ หลี่ฝางขมวดคิ้ว “ฉันจะคิดมากเรื่องอะไร?”
“ระหว่างคุณกับมู่เสี่ยวไป๋เปราะบางขนาดนั้น ถ้ารู้ว่าผมไปบ้านตระกูลมู่ คุณคงจะสงสัยในผมฉันแล้วก็ไม่สบายใจ” หวางเห้าตอบ
หลี่ฝางขมวดคิ้วแน่น “ฉันไม่ได้ใจแคบขนาดนั้น แค่นายเอ่ยปากพูดกับฉันสักคำ ฉันก็คงไม่สงสัยในตัวนาย ทำไมต้องรอให้ฉันรู้เอาเองนายถึงจะสารภาพ อีกอย่างนายก็รู้ทั้งรู้ว่าระหว่างฉันกับมู่เสี่ยวไป๋เป็นยังไง ทำไมยังเลือกที่จะไปที่บ้านนั้น เมืองเอกใหญ่ขนาดนี้ทำไมไม่เลือกสถานที่อื่น แต่ดึงดันจะไปที่นั่นให้ได้?”
หวางเห้าเงียบไปพักใหญ่
“พูดไม่ออกหรอ?” หลี่ฝางเห็นหวางเห้าเงียบก็ยิ่งโมโห
“ผมไม่มีอะไรจะพูด ในเมื่อคุณไม่เชื่อผม ถึงผมจะพูดยันฟ้าสว่างคุณก็ไม่เชื่อ แต่ถ้าคุณเชื่อใจผม ต่อให้ไม่พูดอะไรคุณก็เชื่อ” หวางเห้าพูดเสียงเรียบ ด้วยท่าทีสบายๆ
หลี่ฝางขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิมจนเป็นปม “ถ้าฉันไม่เชื่อ ฉันจะเรียกนายมาที่นี่คนเดียวแล้วคุยกันตัวต่อตัวแบบนี้ทำไม? ถ้าฉันไม่เชื่อใจ ป่านนี้คงให้คนไปตามสะกดรอย ตามไปสืบ หรือไม่ก็ส่งคนไปซ้อมแล้ว”
“หึ คุณชายหลี่ การที่ผมไปเจอหน้าพี่น้องมันผิดมากหรอ? ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณไปรู้เรื่องที่ผมไปบ้านตระกูลมู่มาจากไหน แต่ผมบอกไว้ก่อน อย่าหลงเชื่อลูกไม้ของมู่เสี่ยวไป๋ ผมเองก็ไม่ได้อยากไปเจอชางสู่ที่บ้านนั้นหรอกนะ แต่มีคนบอกว่าชางสู่ได้รับบาดเจ็บสาหัส และกำลังรักษาตัวอยู่ที่นั่น คุณบอกผมที ในฐานะพี่น้องของชางสู่ ถ้าเป็นนายนายจะไม่ไปเยี่ยมสักนิดหรอ?” หวางเห้าพูด “ว่ากันตามจริงผมเองก็โดนหลอกเหมือนกัน”
“นั่นเป็นข่าวปลอม แต่ก็ไม่ได้ปลอมทั้งหมด ชางสู่ไม่ได้รับบาดเจ็บ ส่วนผมเองก็ไม่ได้เจอชางสู่ แต่ได้เจอกับลูกเมีย พวกเขาอยู่ที่บ้านตระกูลมู่”
หวางเห้าขมวดคิ้ว พูดต่อ “ผมรู้ว่าชางสู่มีแฟน แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะมีลูกด้วยกัน เหอะ ชางสู่ไม่เคยบอกผมว่าการจากกันครั้งนี้เป็นเพราะครอบครัวของเขาเกิดเรื่องขึ้น และมีคนตามล่าอยู่”
หวางเห้าเม้มปาก “ชางสู่ไม่ได้จัดการปัญหานี้เอง แต่เป็นมู่เสี่ยวไป๋ที่ลงมือจัดการให้”
“เพราะงั้นผมเดาจากนิสัยของชางสู่…เขาคงไปเป็นลูกมือให้มู่เสี่ยวไป๋เพื่อตอบแทนบุญคุณ” หวางเห้าพูดด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
“ถ้าถึงเวลานั้น นายจะเลือกอะไร เลือกฉัน? หรือพี่น้องร่วมสาบานอย่างชางสู่?” หลี่ฝางมองหน้าหวางเห้า
สีหน้าของหวางเส้าเปลี่ยนเป็นครุ่นคิดอย่างหนัก
หวางเห้าเงยหน้ามองท้องฟ้า แล้วก้มหน้ามองพื้น ตอบคำถามของหลี่ฝางไม่ได้
“ทำไม นายไม่กล้าทำร้ายฉัน?” หลี่ฝางฉีกยิ้ม “คำตอบของนายคงเป็นชางสู่สินะ? ยังไงซะระหว่างนายกับเขาก็ร่วมเป็นร่วมตายกันมา ในขณะที่เราเป็นแค่คนร่วมงานกันก็เท่านั้น”