NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่603 ความพ่ายแพ้ของหลี่ฝาง
ต้องมีรางวัลใหญ่ ถึงจะมีผู้กล้า
คนอย่างหลี่ฝางไม่มีอะไรทั้งนั้น นอกจากเงิน
เงินสิบล้านสำหรับทายาทอภิมหาเศรษฐีอย่างหลี่ฝางแล้วแทบจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่ไม่ใช่สำหรับบรรดาลูกกระจ๊อก ที่ต่อให้ทำงานทั้งชีวิตก็ไม่มีทางได้จับเงินก้อนนี้
ตอนที่หลี่ฝางพูดถึงเงินสิบล้าน ทั้งหวางเสี่ยวหยวนกับเฉินเจียโล่ก็ตกตะลึงไปหลายวินาที
“คุณชายหลี่ จะใจกว้างเกินไปไหมครับ? นึกจะให้ทีก็ให้สิบล้าน โอ้…” เฉินเจียโล่มองหลี่ฝาง ใบหน้ายุ่งเหยิงมีรอยยิ้มออกมา “ขนาดผมยังหวั่นไหวเลยเนี่ย”
เฉินเจียโล่ไม่ได้โกหก เขาทำงานเสี่ยงตายมานานขนาดนี้ ค่าตัวของเขายังไม่เคยมีมูลค่ามากถึงสิบล้านมาก่อน
“อย่าว่าแต่สิบล้านเลย แค่ล้านเดียวก็มีคนอาสาไปแล้วครับ” เฉินเจียโล่เม้มปาก “คุณชายหลี่ ผมรู้ว่าคุณไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน แต่คุณก็น่าจะอ้างอิงราคาตลาดหน่อยสิครับ ไม่งั้นอีกหน่อยจะใช้ให้ทำงานทีก็คงยากแหงๆ”
หวางเสี่ยวหยวนเองก็พยักหน้า “ใช่ครับคุณชายหลี่ เอะอะคุณก็จะให้สิบล้านๆ เดี๋ยวพวกเขาก็ช็อคกันพอดี ดีไม่ดีอาจจะไม่เชื่อด้วย ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาจะสงสัยได้ว่างานนี้มันอันตรายขนาดไหน แล้วพอจบเรื่องนี้ อีกหน่อยพวกเขาก็จะได้ใจขอขึ้นค่าจ้าง ทั้งหมดเป็นเพราะคุณชายไปกระตุ้นความโลภแท้ๆ”
“สิบล้าน ความจริงเงินสิบล้านก็เป็นเงินก้อนใหญ่สำหรับทุกคน สามารถซื้อรถ หรืออาจจะซื้อบ้านยังได้”
หวางเสี่ยวหยวนพูด “ผมจะไปจัดการให้ครับ”
“พี่ใหญ่ จะไปลำบากเองทำไมล่ะ ครั้งก่อนก็เป็นผมที่จัดการไม่ใช่หรอ?” เฉินเจียโล่พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
หวางเสี่ยวไป๋มองบนใส่เฉินเจียโล่ “เมื่อก่อนก็คือเมื่อก่อน ตอนนี้ก็ตอนนี้สิ เมื่อก่อนนายยังเป็นคนโสด แม้แต่แฟนเป็นตัวเป็นตนก็ยังไม่มีเลย นายอิ่มท้องคนเดียวพอ ไม่ต้องพะวงถึงครอบครัว แต่ตอนนี้ไม่ใช่ไง นายมีทั้งลูกสาวลูกชาย ไหนจะเมียนายอีก ถ้านายเป็นอะไรไปแม้แต่ปลายเล็บ ฉันจะไปบอกเด็กๆว่ายังไงล่ะ? หรือจะให้ฉันรับเลี้ยงลูกนาย?”
เฉินเจียโล่เบ้ปาก ไม่กี่วินาทีก็หายงอน “เอาเถอะ พี่ไปหาคนขึ้นคานมาทำละกัน”
หวางเสี่ยวไป๋เรียกคนสามสี่คนให้เดินขึ้นมาหาที่ด้านหน้า แล้วพูดอะไรบางอย่างกับพวกเขาเสียงเบา ต่อมาสองคนในนั้นก็ยกมือขอเป็นอาสาสมัคร
จากนั้น หวางหยวนก็พอหนึ่งคนในนั้นเดินมาหาหลี่ฝาง “เอาล่ะ นายถอดอาวุธบนตัวให้เสี่ยวจื้อสิ”
แววตาของชายหนุ่มที่ชื่อเสี่ยวจื้อไม่มีความหวาดกลัวแต่อย่างใด
หลังจากที่เขาใส่ชนวนระเบิดเสร็จ ชายหนุ่มก็เหล่มองหลี่ฝางเล็กน้อย “คุณชายหลี่มีเงินสิบล้านจริงๆใช่ไหมครับ?”
หลี่ฝางพยักหน้า “เอาเลขบัญชีของนายมาสิ ถ้าไม่สบายใจฉันจะโอนให้นายตอนนี้เลย”
“แหะๆ ผมจะไม่สบายใจอะไรล่ะครับ ผมรู้ว่าคุณเป็นใคร คงไม่โกหกอยู่แล้ว” เด็กหนุ่มที่ชื่อเสี่ยวจื้อพูดจบ ก็เดินเข้าป่าไป
หลี่ฝางไม่เห็นว่าเสี่ยวจื้อจะมีความหวาดกลัวเลยสักนิด เห็นก็แต่ความตื่นเต้นดีใจ
ส้าวส้วยหัวเราะ “เจ้านาย เงินนี่สั่งงานได้แกระทั่งผีจริงๆ เอาจริงๆต่อไปคุณก็ใช้วิธีนี้บ่อยๆหน่อยก็ได้”
หลี่ฝางส่ายหัว “นี่กำลังชมฉันอยู่ใช่ไหม?”
“ถือว่าชมก็คงได้ครับ” ส้าวส้วยหยักหน้านิดๆ “ถึงมันจะเป็นวิธีสิ้นคิด แต่ก็ได้ผลดีทีเดียว”
และทันทีที่เด็กหนุ่มที่ชื่อเสี่ยวจื้อเดินเข้าไปด้านใน จู่ๆก็มีความเคลื่อนไหวเกิดขึ้นเหนือหัว
หลี่ฝางแหงนหน้าขึ้นดู ก็ต้องทึ่ง “แม่งเอ้ย พวกมันมีเฮลิคอปเตอร์!”
นัยน์ตาของส้าวส้วยเองก็ฉายแววคาดไม่ถึง
ใครก็คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เมื่อกี้หวางเสี่ยวหยวนเพิ่งพูดไปหยกๆ ว่านอกจากมันจะบินหนีออกไป ไม่อย่างนั้น…
แล้วก็สมพรปากไอ้คนปากเน่าหวางเสี่ยวหยวนจริงๆ
หลี่ฝางขมวดคิ้ว “จะเอาไงดี?”
เฮลิคอปเตอร์บินลาดมาถึงฝากนึง จากนั้นก็ทิ้งเชือกลงมา ไม่นานด้านบนเชือกก็ปรากฏร่างสองร่าง ชายหนึ่ง หญิงหนึ่ง
ส้าวส้วยขมวดคิ้ว “ไอ้บ้านั่นมันปีนต้นไม้รออยู่ก่อนแล้ว”
หลี่ฝางขมวดคิ้ว “เด็กผู้หญิงคนนั้น น้องสาวจูเฟิ่งปินสินะ?”
การมาครั้งนี้ก็เพื่อจะช่วยชีวิตน้องสาวของจูเฟิ่งปิน เห็นทีแผนการของเขาพังกำลังเละไม่เป็นท่า
ขณะทอดมองดูลำเฮลิคอปเตอร์ขับห่างออกไปไกล หลี่ฝางกัดฟันโมโห ถ้าเขาให้ส้าวส้วยเข้าไปเร็วกว่านี้น้องสาวของจูเฟิ่งปินก็คงไปถูกพาตัวไป
“ชิบxาย นี่มันอะไรกันวะเนี่ย ถึงขนาดส่งเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวมากันเลยหรอ นี่ฉันตาฝาดหรือเปล่าเนี่ย”
เฉินเจียโล่พูดด้วยความตกตะลึง
ส้าวส้วยขมวดคิ้ว “เรื่องนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่ มู่เสี่ยวไป๋ถึงยอมลงทุนมากขนาดนี้”
คนที่ตื่นตะลึงไม่แพ้กันอีกคนนึง นั่นก็คือหวางเห้า
หวางเห้ามองคนที่อยู่บนท้องฟ้าตาค้าง เขาพูดอะไรไม่ออกไปพักใหญ่ ก่อนจะอ้าปากพูดพะงาบๆ “คนที่อุ้มเด็กผู้หญิงคนนึง ก็คือพี่น้องผมเอง ชางสู่”
“ไม่คิดเลยว่าเขาจะกลับมาจริงๆ” สีหน้าของหวางเห้าดูสับสนวุ่นวาย
ส่วนเสี่ยวจื้อ หลังจากผ่านไปสิบกว่านาที ก็ค่อยๆแอบหลบออกมา “คนของเราถูกพวกมันจับหมด มีบางคนที่ผมรู้จักก็อยู่กับคุณชายเฉินครับ”
หวางเสียวหยวนจึงพูดขึ้นบ้าง “เจ้านาย จะทำยังไงต่อดีครับ?”
หลี่ฝางยังไม่ทันพูดอะไร เสี่ยวจื้อก็พูดต่อ “พวกมันเห็นผมแล้ว แต่ไม่ยิง แม่เจ้า เมื่อกี้ผมตกใจแทบแย่ นึกว่ามันจะเล่นผมซะแล้ว แต่มันกลับให้ผมออกมาแล้วฝากคำพูดมาประโยคนึง”
หลี่ฝางมองเสี่ยวจื้อ เร่งให้เขาพูดต่อ “อะไร?”
“พวกมันบอกว่า ให้เรายอมเปิดทางให้พวกมัน ไม่อย่างนั้นมันจะฆ่าตัวประกันให้หมด” เสี่ยวจื้อพูด “พวกมันจะให้เราดึงกำลังคนออกจากฝั่งตะวันออก ปล่อยให้พวกมันหนี”
หลี่ฝางขมวดคิ้ว จากนั้นก็หลุบตาใช้ความคิด หลี่ฝางไม่รู้ว่าคนพวกนี้จะเชื่อคำพูดได้มากแค่ไหน แต่ถ้าไม่ทำตามที่พวกมันขอ เกรงว่าคนที่โดนจับก็จะตกอยู่ในอันตราย
“จริงสิคุณชายหลี่ ผมเห็นข้างในมีคนตายคนนึงด้วยครับ” จู่ๆเสี่ยวจื้อก็พูดขึ้นอีก
“ตายแล้ว?” หลี่ฝางขมวดคิ้วขึ้นอีก
“ครับ ผมเห็นร่างของเขาพาดอยู่กับต้นไม้ ทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือด เหมือนจะถูกทำร้ายร่างกายจนตาย” เสี่ยวจื้อตอบ
สีหน้าของหลี่ฝาอึมครึมไปทันใด
“คุณชายหลี่ เงินของผม…” เสี่ยวจื้อพูดไม่ทันจบ ก็ถูกหวางเสี่ยวหยวนถลึงตาใส่ “ไสหัวไป”
“ฉันไม่เบี้ยวแน่” หลี่ฝางมองหน้าเสี่ยวจื้อ อารมณ์ไม่ดีนัก
“ขอโทษครับพี่” เสี่ยวจื้อหันไปพูดกับหวางเสี่ยวหยวน
ใบหน้าของเสี่ยวจื้อแดงก่ำ มาพูดเรื่องเงินในเวลาแบบนี้ มันก็ไม่เหมาะจริงๆนั่นแหละ
ยิ่งไปกว่านั้น คนอย่างหลี่ฝางเนี่ยนะจะเบี้ยวเรื่องเงิน?
จากนั้น เสี่ยวจื้อก็หันไปพูดกับหลี่ฝาง “คุณชายหลี่ ผมขอตัวก่อนนะครับ”
ตอนนั้นเอง จู่ๆเสียงโทรศัพท์ของหลี่ฝางก็ดังขึ้น เป็นจูเปิ่นที่โทรเข้ามา
“คุณชายหลี่ คุณมีเวลาคิดหนึ่งนาที ถ้าคนของคุณไม่รีบออกจากฝั่งตะวันออกภายในหนึ่งนาที คุณจะไม่ได้เห็นหน้าเจ้าของโทรศัพท์นี้อีกตลอดไป”
อีกฝ่ายพูดจบก็วางสายดังปึ้ง ไม่ให้โอกาสหลี่ฝางได้ตอบโต้อะไรทั้งนั้น
หนึ่งวินาที สองวินาที
หัวใจของชายหนุ่มเต้นเร็วขึ้น สมองก็ทำงานเร็วขึ้นเช่นเดียวกัน จนผ่านไปสามสิบวินาทีได้ หลี่ฝางก็หันไปออกคำสั่งกับหวางเสี่ยวหยวน “ให้คนที่อยู่ฝั่งตะวันออกถอยกำลังมาให้หมด”
หวางเสี่ยวหยวนไม่ลังเลอะไรทั้งนั้น เขาสั่งให้คนจากตะวันออกมารวมตัวที่นี่
จากนั้นในป่าก็มีเสียงวิ่งดังขึ้น ที่ฝั่งตะวันออกก็มีเงากลุ่มคนปรากฎขึ้น
จู่ๆเสียงโทรศัพท์ของหลี่ฝางก็ดังขึ้นอีก และเบอร์ที่โทรเข้ามาก็เป็นเบอร์ของจูเปิ่น หลี่ฝางเป็นฝ่ายเอ่ยปากทันทีที่รับสาย “ฉันทำตามที่แกบอกแล้ว เมื่อไหร่จะปล่อยตัวประกัน?”
“ขอบคุณพระคุณคุณชายหลี่ที่เมตตาไว้ชีวิต แต่ว่าตอนนี้ผมกับพี่น้องยังไม่ปลอดภัยเลยครับ”
ปลายสายหัวเราะเสียงเย็นชา “พวกเราปลอดภัยเมื่อไหร่ ผมก็จะปล่อยคนของคุณเมื่อนั้น เอ้อ คุณชายหลี่ในป่ามีศพอยู่สองศพ รบกวนจัดการให้ด้วยนะครับ”
“ไอ้xx” หลี่ฝางก่นคำด่าใส่โทรศัพท์ แต่ปลายสายชิงวางสายไปก่อน
หลังจากหลี่ฝางพร้อมกับผู้ติดตามวิ่งเข้ามาในป่า ก็เห็นศพสองศพจริงๆ
เมื่อก้มดู ก็พบว่าเป็นเฉิงหยุน ส่วนอีกศพคือลูกน้องของเฉินฝูเซิง
ตอนที่หลี่ฝางกำลังคุกเข่าลงด้วยความโศกเศร้า จู่ๆบนต้นไม้ก็มีเงาของคนกระโดดลงมา ราวกับกำลังซ่อนหลี่ฝางอยู่
เขาสัมผัสโดนตัวหลี่ฝางแล้ว แต่มือหนาของส้าวส้วยก็ตรงเข้ามาบีบลูกกระเดือกไว้ได้
“คิดว่าซ่อนตัวมิดหรอ? เสียงหายใจยังดังขนาดนี้ยังกล้าคิดจะลอบฆ่าคน ไม่มืออาชีพเอาซะเลย” ส้าวส้วยแสยะยิ้ม ตั้งแต่เดินเข้าป่ามา ส้าวส้วยก็สังเกตเห็นคนๆนี้แล้ว
“คิดไม่ถึงเลยว่าข้างกายคุณชายหลี่จะมีปรมาจารย์แฝงตัวอยู่ด้วย” ชายมือสังหารหัวเราะแห้ง จากนั้นใบหน้าก็เผยความสิ้นหวัง “ช่างเหอะ ฆ่าฉันซะสิ”
ชายคนนี้เดิมทีก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้ว เขาก็แค่นักฆ่าเดนตาย เป้าหมายของเขาก็คือฆ่าหลี่ฝาง ไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลวยังไงเขาก็ต้องตายอยู่ดี
“พี่ชายสี่” เมื่อหวางเห้าเห็นหน้าชายคนนี้ ก็รีบวิ่งเข้ามา
คนที่หวางเห้าเรียกว่าพี่ชายสี่เหลือบมองหวางเห้า แววตาเต็มไปด้วยความสับสน “พี่เห้า…”
“ส้าวส้วย ไว้ชีวิตเข้าได้ไหม เขาเป็นพี่น้องของฉัน” หวางเห้ามองส้าวส้วยแล้วรีบพูด
ส้าวส้วยส่ายหน้า “ไม่ได้ มันจะฆ่าเจ้านาย ฉันปล่อยไปไม่ได้”
สีหน้าของหวางเห้าเผยความรู้สึกยากจะอธิบาย เขารู้ดีว่าตัวเองสู้ส้าวส้วยไม่ได้ จึงไม่ลงมือสู้
แต่แน่นอนว่าเขาเองก็รู้ว่าพี่ชายสี่ได้ทำผิดมหันต์
ส้าวส้วยจะปล่อยคนที่คิดจะฆ่าหลี่ฝางไปได้ยังไง?
“พี่เห้าไม่ต้องรอขอชีวิตให้ผม ผมทำใจยอมรับแล้ว ยังไงเราต่างก็มีเจ้านายเป็นของตัวเอง ผมไม่โทษพี่หรอก หันหน้าไปซะพี่เห้า” ชายคนนั้นมองหน้าหวางเห้าแล้วยิ้มจากใจจริง
หวางเห้ากัดฟัน มองหน้าพี่น้องตัวเองได้ความรู้สึกทนไม่ได้ ชายคนนั้นหัวเราะขมขื่น “ทำไม จะดูผมตายให้ได้หรอ?”
หวางเห้าหันศีรษะกลับมา ชายคนนั้นอาศัยจังหวะนี้กัดลิ้นตัวเองจนขาด และสิ้นใจในที่สุด
ส้าวส้วยเองก็ทิ้งร่างของเขาไว้กับพื้น แล้วหันมาหาหวางเห้าพร้อมอธิบาย “ฉันไม่ได้ทำ เขาฆ่าตัวเอง”
ใบหน้าของหวางเห้านิ่งสนิท เขาอุ้มร่างของพี่ชายสี่ขึ้นมากอด
แต่เมื่อมาคิดๆดูแล้ว หวางเห้าก็เข้าใจขึ้นมา ไม่ว่ายังไงพี่ชายสี่ก็ต้องตายอยู่ดี จากนั้นหวางเห้าก็คิดไม่ตกว่าทำไมพี่ชายสี่ถึงได้เลือกทำภารกิจนี้
หรือนี่เป็นการตัดสินของชางสู่?
ทันใดนั้นคำถามมากมายผุดเข้ามาในหัวของหวางเห้า
“ดอกไม้ไฟมาถึงหรือยัง?” หลี่ฝางหันไปถามหวางเสี่ยวหยวน
หวางเสี่ยวหยวนพยักหน้า “เอามาไม่น้อยเลยครับ วางอยู่ด้านหลังป่า”
“อีกห้านาทีเริ่มจุดได้” หลี่ฝางพูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
จากนั้นกลุ่มคนทั้งหมดก็เดินทางออกจากป่าแล้วขึ้นรถไป ไม่นานเสียงประทัดดอกไม้ก็ดังขึ้นทั่วท้องฟ้า
หลี่ฝางแค่ใช้เสียงพุพวกนี้กลบเสียงปืนก็เท่านั้น
เมื่อกลับไปถึง หลี่ฝางแบกหัวหนักๆของตัวเองมายืนอยู่หน้าประตูห้องพักของจูเฟิ่งปิน จู่ๆหลี่ฝางก็ไม่มีความกล้าที่จะเปิดประตูบานนี้ออก
เฉิงหยุนตาย ส่วนน้องสาวของจูเฟิ่งปินก็ถูกชางสู่จับตัวไป
วินาทีนี้หลี่ฝางจะเอาหน้าที่ไหนไปเจอจูเฟิ่งปิน
เขาในค่ำคืนนี้พ่ายแพ้อย่างยับเยิน ตอนนี้เองส้าวส้วยก็เดินเข้ามาตรงหน้าของหลี่ฝาง “เข้าไปเถอะครับ ยังไม่ต้องบอกจูเฟิ่งปินถึงผลลัพธ์ของวันนี้ ลองหยั่งเชิงดูหน่อยว่าเขามีอะไรอยู่ในมือกันแน่ มู่เสี่ยวไป๋ถึงได้ลงทุนจับตัวน้องสาวของเขาไปขนาดนั้น”
หลี่ฝางพยักหน้า “ฉันถามแน่”
“จริงสิ พวกจูเปิ่นกลับมาหรือยัง?” หลี่ฝางถามด้วยความกังวล
“กลับมาหมดแล้วครับ แต่ทุกคนโดนตัดนิ้วหนึ่งนิ้ว โดนตัดหูหนึ่งข้าง เรากำลลังส่งตัวพวกเขาไปโรงพยาบาล”
สีหน้าของส้าวส้วยดูไม่ได้ “คนแบบชางสู่รับมือด้วยไม่ง่าย ผมประเมินมันต่ำไป นึกว่าทักษะของมันจะเหนือกว่าหวางเห้าไม่มาก คิดไม่ถึงว่ามันจะมีลูกน้องฝีมือดีอยู่ไม่น้อย”
“ผมสืบประวัติของชายแก่นั่นดูแล้ว เป็นคนของตระกูลจูเก่อ ตระกูลจูเก่อมีคนฝีมือขั้นเทพอยู่มาก ปัจจุบันตระกูลจูเก่อได้แบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายนึงกลับไปภักดีต่อซุนจิ้น แต่อีกฝ่ายที่ไม่ยอมรับซุนจินก็พากันมุ่งหน้าจะมาฆ่าคุณ”
“ระยะนี้ผมจะคอยแฝงตัวตามติดคุณไม่ห่าง จนกว่าพวกมัน…จะโดนฆ่าล้างโคร”
ส้าวส้วยพูด “ผมโทรหาลูกพี่แล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานลูกพี่น่าจะเคลื่อนไหว พวกที่แตกออกมาจากตระกูลจูเก่อคงก่อกวนอยู่ได้อีกไม่นาน”
“แล้วก็ถึงเวลาที่ทั้งสี่ตระกูลจะได้ประจักษ์ถึงความสามารถของพวกเราสักที” ส้าวส้วยพูดยิ้มๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความผยอง