NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่619 ตู้เฟยโดนคุณฆ่าใช่ไหม?
เมื่อครู่ หลี่ฝางเคยกังวลปัญหานี้จริงๆ ปกติคนที่รักความมั่งคั่ง จะหักหลังง่ายที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ฟังคำพูดเมื่อกี๊ หรุ่ยเหวินเจ๋เป็นคนที่เห็นเงินสำคัญยิ่งกว่าชีวิต
ดีที่ ประโยคสุดท้ายของหรุ่ยเหวินเจ๋ ทำลายความกังวลในใจของหลี่ฝาง
หลี่ฝางหัวเราะเหอะเหอะ พูดว่า:“อยากมั่งคั่งนั่นเป็นเรื่องดี แต่เพราะเงิน อย่าไปทำได้ทุกอย่าง เรื่องที่หักหลังเพื่อน หักหลังลูกพี่ ทำไม่ได้เด็ดขาด เข้าใจไหม?”
“ผมรู้ มาเป็นอันธพาล ต้องมีน้ำใจต่อสหาย”หรุ่ยเหวินเจ๋พยักหน้าพูด
“โอเค งั้นผมไปแล้ว ต้องการอะไร ก็โทรหาผม”หลี่ฝางเอาเบอร์โทรของตัวเอง ทิ้งไว้ให้หรุ่ยเหวินเจ๋
สีหน้าของหรุ่ยเหวินเจ๋ตะลึงหน่อยๆ แล้วก็หัวเราะ:“ผมคิดว่าตัวละครเล็กๆอย่างผมนี้ ชีวิตนี้จะไม่มีโอกาสได้คุยกับคุณชายแบบคุณแล้ว คิดไม่ถึงว่า คุณจะเข้าถึงง่ายแบบนี้ แล้วยังเอาช่องทางติดต่อให้ผมอีก”
“ไม่มีอะไรนี่ ทุกคนล้วนแต่เป็นคนธรรมดาทั้งนั้น พวกดาราก็ยังต้องขับถ่ายเหมือนเรา อย่ามองใครก็ตาม สูงส่งจนเอื้อมไปถึงเกินไป”หลี่ฝางหัวเราะเบาๆ โบกมือ แล้วพูด:“ไปละ”
เดินไปได้ไม่กี่ก้าว จูเปิ่นก็ตามไป
“มีอะไร?”มองจูเปิ่นที่หอบเหนื่อย หลี่ฝางเลิกคิ้วถาม
“คุณชายหลี่ ผมรู้ว่าพวกเราเป็นลูกน้อง บางคำก็ไม่ควรถาม แต่เพื่อนผมตายแล้ว กลางใจของพวกเพื่อนๆ ล้วนแต่อัดอั้นความโมโหไว้ อย่าเห็นว่าใบหน้าพวกเรานั้นหัวเราะร่า เหมือนคนไม่เป็นไร ที่จริงพวกเราอยากร้องไห้ แต่พวกเรารู้ว่า เพื่อนที่ตายไปนั้น ไม่ได้หวังที่จะเห็นพวกเราร้องไห้แน่”
“ความหมายของผมกับเพื่อนๆก็คือ ก่อนครบเจ็ดวันตาย จะแก้แค้น”
จูเปิ่นมองหลี่ฝาง สูดลมหายใจเข้า แล้วพูด:“ผมไม่รู้ว่าแผนของคุณคืออะไร แต่แผนการของพวกเรา ก็คือแก้แค้น และยิ่งเร็วก็ยิ่งดี”
“ก่อนครบเจ็ดวันตาย ถ้าคุณชายหลี่ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ งั้นพวกเราก็คิดจะแก้แค้นเอง หวังว่าถึงตอนนั้น คุณชายหลี่อย่าว่าพวกเราล่ะ ยังไงคนนั้นที่ตาย ก็เป็นเพื่อนรักที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพวกเรา”
หลี่ฝางพยักหน้า พูดว่า:“ผมจัดการเอง”
ที่จริงถึงเป็นจูเปิ่นไปแก้แค้นเอง หลี่ฝางก็ไม่มีอะไรต้องตำหนิ
“งั้นก็ต้องขอบคุณคุณชายหลี่แล้ว”จูเปิ่นมองหลี่ฝางด้วยใบหน้าขอบคุณ แล้วพูด
ฆาตกรคือชางสู่ เกี่ยวกับชื่อของคนนี้ หลี่ฝางได้ยินมาหลายครั้งแล้ว
พี่น้องร่วมสาบานของหวางเห้า บุคคลที่มีอิทธิพลแห่งยุคสมัยของมวยใต้ดิน แต่สำหรับตัวเขาเองแล้ว หลี่ฝางเคยเจอแค่ครั้งเดียว
คิดถึงการกลับมาของเขา ก็นำพาความปวดหัวมาให้หลี่ฝางไม่น้อย
อย่างแรกต้องขับไล่หวางเห้า จากนั้นก็หลบหนีที่อยู่ตรงหน้าของตัวเองอีกครั้ง
โทรศัพท์ในกระเป๋า ยังคงดังไม่หยุด ล้วนแต่เป็นเบอร์ไม่เหมือนกันที่มู่เสี่ยวไป๋เปลี่ยนแล้วโทรมา หลี่ฝางตัดสินใจปล่อยวางเขาก่อน
ไปถึงหน้าประตู หลังจากทักทายกับเฉินฝูเซิงเสร็จ หลี่ฝางก็ไป
“พรุ่งนี้ผมโทรหาคุณ”หลี่ฝางพูดกับเฉินฝูเซิง
ใบหน้าของเฉินฝูเซิงอมทุกข์มาก:“คุณชายหลี่ ผมไม่เข้าใจเลย คุณไม่ให้ผมลงมือ และก็ไม่ให้ผมพูด จะให้ผมไปทำไม?”
“ขู่ให้เขากลัว”
หลี่ฝางมองเฉินฝูเซิง แล้วพูด:“คุณรู้ไหมอะไรคือการที่คนเราถึงโมโหอยู่แต่ก็ต้องข่มไว้ให้ดูดี?”
“นั่นก็คือคุณต้องยืนอยู่หลังผม ไม่ต้องพูดอะไร มู่เสี่ยวไป๋เห็นคุณ ก็จะรู้สึกกลัว”
“มู่เสี่ยวไป๋เข้าใจนิสัยของคุณดี ยิ่งคุณไม่แสดงอาการอะไร เขาก็จะยิ่งอ่านคุณไม่ออก”
“แล้วก็ ในมือเขามีหลักฐานที่คุณทำผิดอยู่ แต่ผมรู้สึกว่า เขาน่าจะไม่กล้าเอาคุณเข้าไป ยังไม่ต้องพูดถึงที่คุณสองตระกูลมีธุรกิจไปมากัน ถึงไม่มี เขาจะกล้าเหรอ?เขาเอาคุณเข้าคุก พ่อคุณจะต้องไม่ปล่อยตระกูลมู่แน่”
หลี่ฝางพูด:“เป้าหมายของมู่เสี่ยวไป๋คือผม ไม่ใช่คุณ ถ้าเอาคุณเข้าไป สำหรับเขาแล้ว ไม่คุ้มกับการสูญเสีย”
เฉินฝูเซิงยังคงพูดอย่างไม่พอใจ:“เพื่อนผมตายไปคนหนึ่ง เพื่อนคนอื่นๆก็ถูกทำให้พิการ บัญชีนี้จะคิดยังไง ผมได้ยินว่า ข้างกายของมู่เสี่ยวไป๋ มีผู้ชายคนหนึ่งชื่อชางสู่มา เป็นคนที่โหดมาก ผมอยากจะเจอเขาหน่อย”
“คนๆนั้นจัดการได้ยาก แต่ผมจะจัดการให้”หลี่ฝางพูด
พอกลับไปที่รถ หลี่ฝางจึงหยิบโทรศัพท์มา รับสายของมู่เสี่ยวไป๋
“นี่ใช้ความพยายามมากเหลือเกินนะ โทรหาผมเป็นร้อยกว่าสาย เป็นยมทูตมาเอาชีวิตหรือไง”พอติดต่อได้ หลี่ฝางก็ด่าไปอย่างเซ็งๆ
“คุณคิดยังไงบ้าง?”มู่เสี่ยวไป๋ถาม
“คิดยังไงอะไรเหรอ?คุณพูดอะไรทำไมผมไม่เข้าใจ”หลี่ฝางพูดอย่างแกล้งทำเป็นโง่
“เรื่องแม่แบบ สรุปคุณจะขายไหม หลี่ฝาง คุณอย่าลืมล่ะคุณยังมีจุดอ่อนอยู่ในมือของผมน่ะ”มู่เสี่ยวไป๋พูดอย่างเย็นชา
“เหอะเหอะ คุณหมายถึงเฉินฝูเซิงเหรอ ถ้าคุณกล้าล่ะก็ ก็เอาที่อัดนั่นส่งตำรวจสิ คุณก็รู้ ที่อัดนั่นเอาผมตายไม่ได้ อย่างมากที่สุดก็คือทำให้เฉินฝูเซิงตายได้”หลี่ฝางพูดเบาๆ
“เหอะเหอะ หลี่ฝาง คุณแกล้งทำเป็นใจเย็นให้มันน้อยๆหน่อย ลูกน้องในมือของคุณมีผู้ช่วยสำคัญกันสักกี่คน ชางสู่ติดตามผม หวางเห้าคุณน่าจะไม่กล้าใช้ต่อไปแล้วสินะ?”
“ถ้าคุณไม่มีเฉินฝูเซิงอีก ก็เหลือแค่หวางเสี่ยวหยวนแล้ว ถึงตอนนั้น คุณยังจะสู้กับผมยังไงอีก?”มู่เสี่ยวไป๋หัวเราะเบาๆ
“ใช่ ก็แค่ คุณกล้าทำลายเฉินฝูเซิงไหม?”หลี่ฝางถามกลับ
“ถ้าคุณกล้าล่ะก็ ก็ไปทำได้เลย ผมเชื่อว่าคุณยังมีความสามารถนี้”หลี่ฝางหัวเราะเหอะเหอะ:“อยากได้แม่แบบ ได้สิ น้องสาวของจูเฟิ่งปิน บวกกับที่อัดไว้ส่วนนั้น การตายของพี่หวางต้อง ก็ยกเลิกได้หมด”
“น้องสาวของจูเฟิ่งปิน?คุณต้องการเขาทำไม?คุณได้แม่แบบไปแล้ว และก็ได้ที่อยู่ของโรงงานแล้ว ยังจะสนใจน้องสาวของจูเฟิ่งปิน?”
“น้องสาวของจูเฟิ่งปินจะเป็นหรือจะตาย ตอนนี้ผมไม่รู้หรอก ผมจะโทรถามแล้วบอกคุณละกัน”
หลี่ฝางกังวลหน่อยๆ พูดว่า:“ถ้าน้องสาวของจูเฟิ่งปินตายแล้ว งั้นการแลกเปลี่ยนนี้ก็ยกเลิก”
“หลี่ฝาง คุณนี่มันโง่จริงๆแม่เอ๊ย สังคมนี้ เป็นคนดีมีประโยชน์ตรงไหน?”มู่เสี่ยวไป๋โกรธจนด่าไป แล้วรีบโทรหาชางสู่ทันที
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นไง?ยังไม่ได้จัดการใช่ไหม”มู่เสี่ยวไป๋ถามอย่างร้อนรน
“ยังครับ เธอกำลังถูกเพื่อนๆเล่นสนุกอยู่น่ะ น่าจะต้องรอสักพัก……อย่าบอกนะ ยังบริสุทธิ์น่ะ”ชางสู่หัวเราะเหอะเหอะ พูดว่า:“น่าเสียดายจริงๆ”
“โอเค ให้เพื่อนๆหยุดลงมือซะ ผู้หญิงคนนั้นยังมีราคาอยู่”มู่เสี่ยวไป๋พูดสั่ง
ชางสู่วางสาย เดินเข้าไปในห้องดำเล็กๆ
“แม่เอ๊ยหยุดกันให้หมดเลย แต่ละคนอย่างกับสัตว์ป่า ไม่เคยเห็นผู้หญิงหรือไง?”ชางสู่ด่าอย่างแรง มีผู้ชายคนหนึ่งยังไม่หยุด
ชางสู่เข้าไป ใช้ขาถีบเขาไปที่กำแพง:“ผมพูดคุณไม่ได้ยินหรือไง?”
จากนั้น ชางสู่ก็อุ้มน้องสาวของจูเฟิ่งปิน อุ้มเธอออกมาจากกระท่อม
“ขอบคุณที่คุณช่วยฉัน”หญิงสาวที่เกือบจะตาย ตอนนี้เห็นว่าเอาชางสู่เป็นผู้มีพระคุณ
ชางสู่หัวเราะเหอะเหอะ อุ้มเธอไปที่เตียง อุ้มเธอไปที่เตียง แล้วเอาเสื้อผ้าใหม่เอี่ยมให้เธอ:“สวมซะ หลังจากพรุ่งนี้ไป คุณก็จะไม่เป็นไรแล้ว”
“คุณ คุณเป็นคนดีหรือคนเลวกันแน่?”หญิงสาวถามอย่างขี้ขลาด
“คนดี?คนเลว?แตกต่างตรงไหน?”ชางสู่ก็ยังสงสัยว่าตัวเองยังเป็นคนอยู่หรือไม่
น้องสาวของจูเฟิ่งปินกลับเข้มแข็ง ถึงจะร้องไห้ แต่ก็ไม่มีความคิดที่จะฆ่าตัวตาย หรืออาจจะเพราะว่าชีวิตลำบากมาตั้งแต่เด็ก เธอจึงมีความเคารพและหวาดกลัวต่อชีวิต
ได้ยินว่าน้องสาวของจูเฟิ่งปินยังไม่ตาย หลี่ฝางก็นัดเจอกับมู่เสี่ยวไป๋ตอนเที่ยงคืน เหตุผลนั้นง่ายมาก ก็คือตอนเช้าเขาต้องเรียน ทำเอามู่เสี่ยวไป๋โมโหมาก เกือบจะไปเผามหาวิทยาลัย
เช้าวันที่สอง หลี่ฝางก็พาจูเฟิ่งปิน มาที่ห้องเช่าของเฉิงหยุน มาเอาแม่แบบอีกอัน
“คุณชายหลี่ คุณต้องช่วยน้องสาวผมนะ”ผ่านการตัดสินใจมาทั้งคืน จูเฟิ่งปินก็ดูใจเย็นขึ้นเยอะ
หลี่ฝางพยักหน้า พูดว่า:“วางใจเถอะ”
จากนั้นไม่นาน จูเฟิ่งปินก็ก้มหน้าลงแล้วพูด:“คุณชายหลี่ เรื่องเมื่อคืน ผมต้องขอโทษคุณ ผมเข้าใจคุณผิด คุณคือคนดี สิ่งมีค่าที่สุดในตัวผม ก็คือแม่แบบนี้ แล้วก็ความลับที่จะผลิตเงิน แต่เมื่อคืนคุณทำลายแม่แบบนี้ ต่อหน้าผม หมายความว่าคุณไม่ได้สนใจจะผลิตเงิน ก็เรียกได้ว่า ผมไม่มีค่าใดๆต่อคุณเลย คุณสามารถไม่ต้องมาสนใจ ไม่ช่วยเหลือผมไปช่วยน้องสาวผมได้ แต่คุณก็ยังสนใจ คุณคือคนดี เป็นคนมีจิตใจดี”
หลี่ฝางหัวเราะเหอะเหอะ:“คนดีเป็นยาก เมื่อคืนคุณเกือบจะสู้กับผมแล้ว แต่ผมก็ไม่ว่าคุณหรอก ยังไงผมก็หลอกคุณ”
ตอนเที่ยง หลี่ฝางไปกินข้าวกับลู่หลุ่ย และระหว่างทางที่กลับไปที่ห้อง หลี่ฝางเจอกับเซี่ยลู่
เซี่ยลู่ปรากฏอยู่ด้านหลังของหลี่ฝางโดยไม่ให้สุ้มให้เสียง ทำเอาหลี่ฝางตกใจ
“คุณมาหาผมมีอะไรเหรอ?”หลี่ฝางมองเซี่ยลู่ แล้วถาม
เซี่ยลู่พยักหน้า พูดว่า:“หลี่ฝาง ตรงนี้พูดไม่สะดวก เราสองคนไปพูดที่ระเบียงดีกว่า”
“โอเค”หลี่ฝางพยักหน้า ตามเซี่ยลู่มาที่ระเบียง
พอถึงที่ระเบียง หลี่ฝางก็เห็นร่างคนสองคนที่คุ้นเคย คนหนึ่งคือจางเสี่ยวเฟิง อีกคนคือเกาเสิ้ง
เห็นการปรากฏตัวของสองคนนี้ หลี่ฝางขมวดคิ้วทันที:“พวกคุณมาได้ไง?”
จิตใต้สำนึก หลี่ฝางอยากถอยกลับไป กลับพบว่าประตูถูกล็อก
“คุณชายหลี่ พวกเราอยากคุยกับคุณหน่อย”
จางเสี่ยวเฟิงพูดด้วยใบหน้าร้ายกาจ:“คุณชายหลี่ มีคนบอกผมว่า ชีวิตของคุณ มีค่าห้าร้อยล้าน”
หัวใจของหลี่ฝาง เต้นตึกตัก:“คุณเชื่อเหรอ?”
“ผมไม่เชื่อ แต่คนนั้นให้ผมสิบล้าน แล้วยังทำเรื่องอพยพไปอยู่ต่างประเทศให้ทั้งครอบครัวของเราแล้ว คุณดูสิ นี่คืออะไร?”จางเสี่ยวเฟิงหยิบตั๋วเครื่องบินหนึ่งใบออกมาจากอ้อมแขน
“ตั๋วไปยุโรป?”หลี่ฝางขมวดคิ้ว
“ใช่ เมื่อคืนพ่อแม่ผม ไปก่อนแล้ว และก็ถูกจัดการเรียบร้อยหมดแล้ว รอหลังจากที่จัดการคุณเสร็จ ผมก็จะไปหาพวกเขา”จางเสี่ยวเฟิงหัวเราะหึหึ
หลี่ฝางหันไปมองเกาเสิ้ง แล้วถาม:“คุณก็ด้วย?”
เกาเสิ้งพยักหน้า พูดด้วยใบหน้าประหม่า:“หลี่ฝาง อย่าว่าพวกเราเลย ชีวิตนี้ ผมติดหนี้คุณไว้มาก ถ้าชาติหน้ามีจริงล่ะก็ ผมจะทำงานรับใช้ให้คุณเอง”
“เงินที่พวกเขาให้เยอะมาก มากขนาดที่ว่าชาตินี้ผมคงใช้ไม่หมด”เกาเสิ้งพูด
จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเสริม:“ใช่ ถึงผมกับเกาเสิ้งจะกินจะเที่ยวทุกวัน เที่ยวผู้หญิงทั้งวัน ก็ใช้เงินนั้นไม่หมด”
“แต่ข้อแลกเปลี่ยน ก็เสี่ยงหน่อยๆ”ดวงตาของจางเสี่ยวเฟิงหรี่ลง
“ฆ่าคน นั้นเสี่ยงจริงๆ”หลี่ฝางหัวเราะเหอะเหอะ
“คุณว่า ฆ่าผม พวกคุณจะหนีพ้นเหรอ?”หลี่ฝางมองเกาเสิ้งกับจางเสี่ยวเฟิง แล้วถามไป
“ข้างนอกมีรถมารับพวกเราแล้ว ถึงหนีไม่พ้น พวกเราก็ต้องลองดู”จางเสี่ยวเฟิงมองหลี่ฝาง แล้วพูด:“เพื่อนนักเรียนร่วมกัน คุณเติมเต็มให้พวกเราเถอะ คุณชายหลี่”
“ใช้การตายของผม เติมเต็มความรุ่งเรืองมั่งคั่งของพวกคุณไปทั้งชีวิต?ผมสูงส่งขนาดนี้ที่ไหนกัน”หลี่ฝางส่ายหน้า
จากนั้น หลี่ฝางก็มองเซี่ยลู่แวบหนึ่ง
“ทำไม?”หลี่ฝางถามด้วยใบหน้าเย็นชา:“ทำไมคุณต้องหักหลังผม?”
จางเสี่ยวเฟิงกับเกาเสิ้ง หลี่ฝางพอเข้าใจ แต่เซี่ยลู่รู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังของตัวเองนั้นน่ากลัวแค่ไหน ทำไมเธอยังต้องจัดการตัวเอง?
แล้วก็ หลายวันนี้ ตัวเองก็ไม่ได้ทำเรื่องที่ไม่ดีต่อเซี่ยลู่
เซี่ยลู่จุกหน่อยๆ มองหลี่ฝาง แล้วถาม:“ตู้เฟยตายแล้ว ใช่ไหม?”
ประโยคเดียวนี้ หลี่ฝางก็ขมวดคิ้ว:“ใครบอกคุณ?”
“คุณไม่ต้องสนว่าใครบอกฉัน ฉันถามคุณอยู่ จริงหรือเปล่า?”เซี่ยลู่มองหลี่ฝางอย่างเย็นชา พูดด้วยความร้องไห้สะอึกสะอื้น:“วันนี้เช้า มีคนพาฉันไปที่ๆหนึ่ง ตู้เฟยสามคนพ่อแม่ลูก หลุมศพถูกคนสร้างไว้ตั้งนานแล้ว”
“ตู้เฟย สรุปว่าใช่คุณฆ่าหรือเปล่า?