NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่622 ชางสู่มาแล้ว
พูดถึงฉินจื่อยี่ หลี่ฝางพลันนึกถึงฉินวี่เฟยเด็กสาวคนนั้นขึ้นมา ไม่รู้เหมือนกันว่าระยะนี้เด็กคนนั้นเป็นยังไงบ้างแล้ว
เพียงได้ยินมาว่าหล่อนได้เข้าสู่ธุระกินของตระกูลฉินอย่างเป็นทางการ เริ่มเข้ามาดูแลธุรกิจของครอบครัวแล้ว หลี่ฝางค่อนข้างจะเป็นห่วงหล่อนจริง ๆ เด็กสาวไร้เดียงสาคนหนึ่ง จะถูกจิ้งจอกเฒ่าพวกนั้นรังแกหรือเปล่านะ?
แล้วก็เจ้าหนุ่มฉินเสี่ยวหู่นั่น ได้สงบลงบ้างไหมนะ ถ้าหากเขายังคอยยั่วยุต่อไป หลี่ฝางเตรียมหาโอกาส โยนเขาเข้าไปในคุก
ยังไงซะตอนนี้ฉินเสี่ยวหู่ ยังมีอีกหนึ่งคดีที่แบกเอาไว้
ในตอนเวลาใกล้ประมาณสองทุ่ม หลี่ฝางก็ได้รับสายจากมู่เสี่ยวไป๋ มู่เสี่ยวไป๋ที่อยู่ในสายกล่าวอย่างโมโห: “หลี่ฝาง แกแม่งหมายความว่ายังไง นี่มันสองทุ่มแล้วนะ แม้แต่เงาของแกยังไม่เห็นเลย แกเล่นตลกกับฉันเหรอ?”
“เหอะ ๆ แกนี่มันฉลาดจริง ๆ เลย” หลี่ฝางหัวเราะขึ้นมา
“หมายความว่ายังไง?” มู่เสี่ยวไป๋ตามถามด้วยความสงสัย
“ความหมายของฉันคือแกเดาถูกแล้ว ฉันกำลังล้อเล่นกับแกอยู่ ฉันเปลี่ยนแผนกะทันหันน่ะ สถานที่เจรจาของเราเปลี่ยนใหม่นะ ฉันรอแกอยู่ที่ร้านกาแฟที่อยู่ตรงข้ามมหาวิทยาลัยสุ่ยมู่ ถ้าหากภายในครึ่งชั่วโมงแกยังมาไม่ถึง งั้นข้อแลกเปลี่ยนของพวกเรา ก็เป็นอันว่ายกเลิก” หลี่ฝางพูดจบ เขาไม่รอให้มู่เสี่ยวไป๋ได้มีโอกาสด่าแม่ และรีบตัดสายโทรศัพท์ทันที
ส้าวส้วยจิบกาแฟคำหนึ่ง เขามองหลี่ฝางแล้วยิ้ม: “เจ้านายนัดมู่เสี่ยวไป๋ไปที่ไหนเหรอครับ?”
“ตอนนี้มันน่าจะอยู่ในถ้ำที่เขาหมาป่ามั้ง……นายดูท้องฟ้าสิ ฝนใกล้จะตกอยู่แล้ว” หลี่ฝางหัวเราะแหะ ๆ : “ฉันให้เวลามู่เสี่ยวไป๋แค่ครึ่งชั่วโมง มันจะต้องรีบมาไม่ทันอย่างแน่นอน”
เมื่อคืนวาน หลี่ฝางก็ได้ดูพยากรณ์อากาศแล้ว พยากรณ์ว่าวันนี้เวลาประมาณทุ่มครึ่ง มีโอกาสที่ฝนจะตกประมาณเก้าสิบเปอร์เซ็นต์
ดังนั้นหลี่ฝางก็เลยวางกลอุบาย นัดสถานที่เจรจา เป็นในถ้ำที่เขาหมาป่า
กาแฟหนึ่งแก้วยังไม่ทันได้ดื่มหมด ด้านนอกฝนก็ได้เทกระหน่ำลงมา
“เหอะ ๆ มันก็น่ากลัวจริง ๆ นะ ถ้าวันนี้จางเสี่ยวเฟิงและเกาเสิ้งลงมือสำเร็จ เกรงว่าตรงระเบียง คงไม่มีหลักฐานการฆ่าใด ๆ หลงเหลืออยู่เลยมั้ง?”
หลี่ฝางหัวมเราะเหอะ ๆ อย่างเยือกเย็น และกล่าวอย่างเย้ยหยัน
น้ำฝนสามารถชะล้างหลายสิ่งหลายอย่าง รวมไปถึงรอยเท้า รอยเลือด และหลักฐานอื่น ๆ อีกมากมาย
และเหตุการณ์ของหลี่ฝางและเซี่ยลู่ที่ตรงระเบียง ไม่มีใครที่พบเห็นเลย สถานที่แห่งนั้น พอดีกับที่เป็นมุมอับของกล้องวงจรปิด ดังนั้น ต่อให้คืนนี้หลี่ฝางตายอยู่ที่ระเบียง ก็เป็นไปที่มากที่จะไม่มีใครพบเห็นเลย
ส้าวส้วยกล่าวด้วยท่าทางที่ค่อนข้างซับซ้อน: “พวกมันเพื่อที่จะฆ่าคุณ ได้จ่ายเงินไปจำนวนมหาศาล ผมสืบมาแล้ว พอแม่ของจางเสี่ยวเฟิง เกาเสิ้ง และเซี่ยลู่ ทั้งหมดถูกส่งไปยังยุโรปในชั่วข้ามคืน คิดว่าในเวลานี้ พวกเขาคงได้ถูกจัดที่พักอาศัยให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว”
“อีกอย่างทั้งสามครอบครัวนี้ แต่ละคนต่างได้รับเงินจำนวนสิบล้าน”
หลี่ฝางหายใจเข้าลึก ๆ หนึ่งครั้ง: “นามที่พวกเขาใช้ คือตระกูลจูเก่อ นายคิดว่ามีความเป็นไปได้สูงไหม?”
“จูเก่อเหย่ได้ตายไปแล้ว ตัวช่วยที่จูเก่อเหย่พามาด้วย ก็ได้ถูกผมและลูกพี่จัดการไปหมดแล้ว คนตระกูลจู่เก่อที่เหลือ ส่วนมากก็เป็นพวกซื่อสัตย์สุจริต ตอนนี้พวกเขาฟังแค่คำสั่งของซุนจิ้นเพียงคนเดียว คุณคิดว่า ซุนจิ้นจะฆ่าคุณไหม?” ส้าวส้วยมองหลี่ฝางพลางเอ่ยถาม
“มันก็ไม่แน่นะ แต่ถ้าไม่ใช่ตระกูลจู่เก่อ แล้วจะเป็นใครล่ะ? ใช้ทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมายแบบนั้น ทั้งยังรู้ว่าป้ายชื่อของตู้เฟยซ่อนอยู่ที่ไหน……” หลี่ฝางขมวดคิ้ว
“มู่หรงฉางเฟิง ซือถูเฟย ยังมี……” ส้าวส้วยกล่าว และเริ่มลังเลขึ้นมา
“ยังมีใครอีก?”
หลี่ฝางเองก็สงสัยมู่หรงฉางเฟิงและซือถูเฟย แต่ก็รู้สึกว่ามีความเป็นไปได้น้อย เพราะถึงยังไงความแค้นระหว่างสองคนนั่นกับตัวเอง ยังไม่ได้ถึงขั้นต้องเอาให้ตายกันไปข้างหนึ่ง
มู่หรงฉางเฟิง ส้าวส้วยได้ปล่อยเขาไปหลายครั้งแล้ว
และซือถูเฟย ถึงแม้ตัวเองจะได้พาโก่เอ๋อไป แต่ก็ไม่ถึงกับต้องเอาชีวิตตัวเองหรอกใช่ไหม?
“ลูกพี่หลิน” ส้าวส้วยลังเลอยู่สองสามวินาที ถึงเอ่ยขึ้น
เมื่อได้ยินชื่อที่คุ้นหูนี้ หลี่ฝางก็สั่นสะท้านขึ้นมาอย่างอดไม่ได้: “ส้าวส้วย ทำไมนายถึงสงสัยเขาล่ะ?”
ลูกพี่หลินเป็นคนที่ไม่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อย เขาจะยอมสูญเสียเงินสามสิบล้าน เพื่อฆ่าตัวเองได้ยังไงกัน?
“ผมก็แค่สงสัยแบบไม่มีมูล ในมือไม่มีหลักฐานเลยสักนิด” ส้าวส้วยกล่าวด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน
หลี่ฝางไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่ดื่มกาแฟคำใหญ่เท่านั้น
“ลูกพี่หลิน แน่ใจว่ากลับมาแล้วใช่ไหม?” หลี่ฝางถามเสียงเบา
“ภรรยาคนแรกของลูกพี่หลิน และก็เป็นแม่ผู้ให้กำเนิดของหลินชิงชิง ปัจจุบันนี้ก็ได้กลับมาแล้วเหมือนกัน”
“หลังจากที่ลูกพี่หลินไปจากเมืองเอก เขาก็ได้ไปที่เมืองน้ำ และเมืองน้ำ ก็เป็นสถานที่ที่แม่ผู้ให้กำเนิดของหลินชิงชิงซ่อนตัวอยู่ หลายปีมานี้ แม่ผู้ให้กำเนิดของหลินชิงชิง ไม่เคยคบหากับผู้ชายคนไหนเลย คิดว่าคงรอลูกพี่หลินมาโดยตลอด ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาสองคน จะต้องมีการติดอยู่กันอย่างลับ ๆ อยู่แน่นอน” ส้าวส้วยกล่าว
หลี่ฝางตะลึงงันอยู่สักพักแล้วเอ่ยถาม: “ทำไมถึงว่าแบบนี้ล่ะ?”
“ผมได้ไปสืบข้อมูลมาจากคนที่ขายข่าวประจำท้องถิ่นของที่นั่น เมียของลูกพี่หลิน ใช้ชื่อหวางซิงหน่าเช่าพื้นที่ขนาดใหญ่ที่เมืองน้ำ ภายนอกเพื่อปลูกชา แต่ลับหลังแล้วจะปลูกอะไรนั้น ก็ไม่อาจรู้ได้”
“หวางซิงหน่าเป็นนักธุรกิจแวดวงใบชาที่มีชื่อเสียงแห่งเมืองน้ำ หล่อนใช้ธุรกิจใบชาเพื่ออำพรางตัวเอง แต่ลับหลัง กลับทำงานให้กับลูกพี่หลิน”
ส้าวส้วยหัวเราะเหอะ ๆ : “ที่ทำให้สงสัย ก็เพราะรูปร่างหน้าตาของหล่อนถือดีมาก ตอนที่หล่อนไปจากลูกพี่หลิน เป็นช่วงที่กำลังแตกสาวพอดี หลายปีขนาดนี้ ทำไมหล่อนไม่หาแฟนล่ะ? หล่อนเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว ถ้าเบื้องหลังไม่มีคนคอยหนุน หล่อนจะทำธุรกิจให้รุ่งเรืองขนาดนั้นได้ยังไง?”
“ผมสงสัยว่า หวางซิงหน่าแอบปลูกพืชผิดกฎหมายอยู่อย่างลับ ๆ ”
“ลูกพี่หลินไปที่เมืองน้ำ แล้วก็ไปหาหวางซิงหน่าแต่พอเช้าวันถัดมา เขาก็รีบไปจากเมืองน้ำ ผมคิดว่า มีความเป็นไปได้เกินกว่าครึ่ง ที่เขาจะกลับถึงเมืองเอกแล้ว”
“ลูกพี่หลินทำธุรกิจให้ป๋ายหม่า อยู่ที่เมืองเอกมากมายขนาดนั้น เส้นสายคอนเนคชั่นอะไร ต่างก็สะสมมามากพอแล้ว ขอเพียงแค่มีสินค้าอยู่ในมือของเขา เขาสามารถถีบคนที่อยู่ข้างหลังป๋ายหม่าพวกนั้น ออกไปจากสนามไป แล้วนำเงินพวกนั้น มาเข้ากระเป๋าตาเองให้หมด”
“เมื่อเช้า เพื่อนที่อยู่ที่เมืองน้ำก็ได้ส่งข่าวมาให้ผม บอกว่าหวางซิงหน่าได้ไปจากเมืองน้ำแล้ว และมาที่เมืองเอก”
ส้าวส้วยกล่าว: “เชื่อว่าตอนนี้น่าจะมาถึงแล้ว”
หลี่ฝางรู้สึกเย็นสันหลังวาบ: “ส้าวส้วย ความหมายของนายคือ ลูกพี่หลินปิดบังทุกคน คอยสั่งการหวางซิงหน่าอย่างลับ ๆ ให้หล่อนปลูก……”
ส้าวส้วยขัดจังหวะคำพูดของหลี่ฝาง: “ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานที่เฉพาะ ในมือของหวางซิงหน่ามีไร่ชาจำนวนหนึ่ง ที่ถูกให้กล้องวงจรปิดที่อยู่ระดับสูงคอยรับตาดูอยู่ ผมกลัวจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น เลยไม่กล้าส่งคนเข้าไปตรวจตราดู แต่ว่า ในไร่ชาไม่ปลูกชาเหรอ? แล้วจะปลูกอะไรล่ะ ถึงขนาดทำให้ต้องติดกล้องวงจรปิดไปทั่วทุกทิศเพื่อคอยจับตาดู? นี่มันเหมือนกับอยากปกปิดซ่อนเร้นกลับกลายเป็นเปิดเผยให้โลกรู้ชัด ๆ ”
หลี่ฝางทอดถอนใจ ทำได้เพียงให้ส้าวส้วยคอยจับตาดูเอาไว้
“เพื่อที่จะฆ่าฉัน สามารถจ่ายสามสิบล้าน……” หลี่ฝางกล่าวอย่างทอดถอนใจ
“ถ้าหากลูกพี่หลินเป็นคนทำจริง ๆ งั้นสามสิบล้านนี้ มันก็แค่ผ่านมือพวกเขาเท่านั้นเอง ไม่ว่าคุณจะตายหรือไม่ ยังไงเงินจำนวนนี้ ลูกพี่หลินก็จะเอากลับคืนมาให้ได้
ส้าวส้วยหัวเราะเหอะ ๆ พลางกล่าว: “ช่างเถอะ ก่อนที่จะมีหลักฐาน อย่าพึ่งไปพูดถึงมันเลย เรื่องนี้ ผมจะสืบให้ละเอียดอีกที”
หลี่ฝางอืมตอบรับ มองสายฝนที่โปรยปรายอยู่นอกหน้าต่าง แล้วยิ้มที่มุมปาก
มู่เสี่ยวไป๋ในเวลานี้ กำลังรีบมาอย่างทุลักทุเล
สามสิบนาทีให้หลัง หลี่ฝางก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วโทรหามู่เสี่ยวไป๋: “จะมาตอนไหนน่ะ นี่มันก็สามสิบนาทีผ่านไปแล้วนะ ถ้าแกยังมาไม่ถึงละก็ ฉันจะไปแล้วนะ”
พูดจบ หลี่ฝางก็วางโทรศัพท์ไป แล้วลุกขึ้นพลางกล่าว: “ปะ ส้าวส้วย พวกเราเปลี่ยนไปที่อื่นกัน”
“ไปไหนเหรอ?” ส้าวส้วยส่ายหัวพลางยิ้ม
“ตงไห่ Recalling the pastเป็นไง?” หลี่ฝางกล่าว
เห็นได้ชัดว่าสีหน้าของส้าวส้วยลังเลเล็กน้อย หลี่ฝางถามต่อ: “ทำไม กลัวพี่ฉีฉีเหรอ?”
ระยะนี้ ปีศาจสาวได้ตามหาส้าวส้วยอยู่อย่างไม่ขาด แต่ส้าวส้วยกลับหลบหน้าหลบตามาโดยตลอด
ส้าวส้วยพยักหน้า: “มีอะไรต้องกลัว เพียงแค่รู้สึกว่าบาร์ค่อนข้างวุ่นวายไปหน่อย ไม่เหมาที่จะเจรจาแค่นั้นเอง”
หลี่ฝางอืมตอบรับ กล่าว: “ถ้างั้นก็สถานตากอากาศแล้วกัน”
เริ่มจากร้านกาแฟ แล้วไปบาร์เหล้า แล้วค่อยเป็นสถานตากอากาศ สถานที่ที่หลี่ฝางเลือกนั้น มีความระมัดระวังมากขึ้นเรื่อย ๆ
พ่อของตัวเองก็พักอยู่ที่สถานตากอากาศพอดี ในใจนงหลี่ฝางคิด ถ้าหากใช้สถานตากอากาศเป็นสถานที่เจรจา มู่เสี่ยวไป๋นั่นจะกลัวจนไม่กล้ามาหรือเปล่านะ?”
แต่ในขณะที่หลี่ฝางและส้าวส้วยพึ่งจะเดินออกจากร้านกาแฟ รถยนต์สีดำคันหนึ่ง ก็ได้ขับผ่าสายฝนเข้ามา และจอดลงที่ด้านหน้าของร้านกาแฟ ชายสวมเสื้อโอเวอร์โค้ทคนหนึ่ง เดินลงมาจากรถ
“สวัสดี คุณชายหลี่ เจอกันครั้งแรก ผมขอแนะนำตัวหน่อยแล้วกัน ผมชื่อชางสู่” ชางสู่มองหลี่ฝาง พลางกล่าว