NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่646 โหจื่อเป็นเสี่ย
“เหอะ พอดีฉันเป็นพวกดื้อด้านน่ะ ผู้ชายเข้าไม่ได้อะไร ก็ฉันจะเข้าใครจะทำไม?”
โหจื่อมองหน้าหญิงคนนั้นอย่างไม่แคร์ แล้วฉีกยิ้ม “หรือคิดว่าจะฆ่าฉันได้?”
“ไม่ได้หรอกค่ะ”
ผู้หญิงคนนั้นเอ่ยเสียงเรียบ “แต่ลูกค้าที่อยู่ข้างใน น่าจะทำได้”
“พ่อหนุ่มขอเตือนไว้ก่อนนะ เหนือฟ้ายังมีฟ้า ต่ำกว่านรกยังมีนรก”
เธอมองหน้าโหจื่อ แล้วพูดเสียงเรียบเฉย “ดูแล้วนายน่าจะอายุแค่ยี่สิบกว่าๆ ทำไมไม่รู้จักรักษาชีวิตตัวเองให้ดีล่ะ?”
“รีบฉวยโอกาสตอนที่นายยังไม่ได้แหย่โดนลูกค้าข้างในนั้น ถ้าไปสะกิดโดนเข้าล่ะก็ ไม่ว่านายจะเป็นใคร นายก็ต้องตาย”
ไม่ว่านายจะเป็นใคร นายก็ต้องตาย
ผู้หญิงคนนั้นเน้นเสียงในประโยคตอนท้าย
“เมื่อกี๊นายฆ่าบอร์ดี้การ์ดของที่นี่ไปมาก แต่ไม่ว่าจะพูดยังไง พวกนั้นก็เป็นแค่ทาสรับใช้ของที่นี่ ไม่มีใครสนใจอยู่แล้วว่าจะอยู่หรือตาย เราไม่สน ลูกค้าของในนั้นก็ยิ่งไม่สน พวกเขาตายไปยังไงก็ต้องมีคนใหม่มาทำหน้าที่แทนอยู่ดี”
“แต่ถ้านายไปกระตุกหนวดลูกค้าข้างในนั้น ผลลัพธ์ไม่เหมือนกันหรอกนะ”
“พวกเขาน่ากลัวมากกว่าที่พวกเธอจินตนาการได้” เธอพูดเสียงเรียบ
“ทำไม พวกมันเป็นปีศาจ มีสามหัวหกมือหรือไง? ยังไงก็คนที่มีหนึ่งสมองสองมือเหมือนกัน ไม่ว่าใครที่เป็นฝ่ายแพ้ก็ล้วนแต่ต้องตาย” โหจื่อพูดไม่แยแส
หญิงคนนั้นส่ายหน้า ดูแล้วไม่น่าจะโน้มน้าวโหจื่อได้ จึงไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงอีก
“เสี่ยวหลิงรีบเข้าไปสิ ปล่อยให้แขกรอนานๆ เดี๋ยวจะอารมณ์เสียเอา” หญิงคนนั้นหันไปพูดกับเด็กสาวมือชงชา
เมื่อเสี่ยวหลิงเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ตอนที่ยืนอยู่หน้าทางเข้า แม่มดก็ดึงมือออกมารั้งไว้ก่อน “ฉันก็พอจะรู้วิธีชงชาอยู่บ้างพอดี”
“ไม่งั้นยกหน้าที่นี้ให้ฉันทำแทนแล้วกัน” แม่มดพูด
“แต่ว่า…” เสี่ยวหลิงกำลังจะอ้าปาก แต่แม่มดตรงเข้าไปบีบคอของเธอ สายตาเย็นยะเยียบ “ทำไม จะบอกว่าฝีมือฉันสู้เธอไม่ได้งั้นสิ?”
เสี่ยวหลิงส่ายหน้า สีหน้าไม่ได้บ่งบอกถึงความหวาดกลัวสักนิด
แม้ว่าสายตาของแม่มดจะเต็มไปด้วยแรงอำมหิต แต่ท่าทางของเด็กสาวที่ชื่อเสี่ยวหลงกลับไม่มีวี่แววว่ากลัวตายแม้แต่น้อย
“ในเมื่อคุณอยากไปก็ไปเถอะ” เสี่ยวหลิงพูด ในแววตาเผยความสบายใจบางๆ
ชงชา?
แค่ชงชาแค่นั้นจริงๆน่ะหรอ?
ครั้งล่าสุด หลังจากที่เพื่อนสาวคนนึงถูกเรียกให้เข้าไปชงชา เธอก็ไม่ได้กลับออกมาอีก
หญิงสาวเอ่ยเตือนแม่มดคำนึง “ระวังตัวด้วย พวกลูกค้าอารมณ์ร้าย”
“ฉันก็อารมณ์ร้ายเหมือนกัน”
“โหจื่อ นายยืนเฝ้าตรงนี้ อีกครึ่งชั่วโมงฉันไม่โผล่หน้าออกมา นายก็รีบหนีไปซะ” แม่มดหันหลับมามองโหจื่อแว๊บนึง
โหจื่อหัวเราะหึ “ฉันไม่เคยทอดทิ้งคู่หูของตัวเอง”
“อีกครั้งชั่วโมงเจอกัน” โหจื่อพูด
พูดๆอยู่ โหจื่อก็ส่งปืนกระบอกสีทองให้แม่มด
แม่มดนิ่งไปเล็กน้อย ไม่ค่อยอยากจะเชื่อ “นี่มันปืนทองคำที่จักรพรรดินีประทานให้นายไม่ใช่หรือไง?”
“ใช่ไง มีแค่กระบอกเดียวในโลก ฉันจะให้มันกับเธอ ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็ ถ้าเธอตายอยู่ในนั้น ฉันก็จะได้เข้าไปเอามันออกมา” โหจื่อพูด
แม่มดหัวเราะ แล้วหยิบปืนมาจากมือของโหจื่อ “ถ้าฉันไม่ได้ออกมา นายก็รอให้หลอซ่ากลับมาก่อนแล้วกัน ไม่ต้องเสียสละชีวิตเพื่ออะไรที่ไม่มีความหมาย”
“ถ้าฉันทำไม่สำเร็จ นายเองก็ไม่มีทางสำเร็จ” แม่มดพูด
คำพูดของแม่มด แสดงให้ชัดว่าความสามารถของเธออยู่เหนือโหจื่อ
โหจื่อช็อกไปนิดหน่อย สีหน้าของเขาไม่น่าดู “ยัยแม่มดนี่ล่ะก็ ต่อหน้าสาวสวยตั้งเยอะแยะ ช่วยไว้หน้ากันหน่อยได้ไหม?”
“ของแบบนั้นมาขอจากคนอื่นไม่ได้หรอก ฉันก็แค่พูดไปตามความจริง” แม่มดบอก
“ได้ ถ้าผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้วเธอยังไม่ออกมา ฉันจะเผ่นแนบทันที” โหจื่อพูด
แม่มดพยักหน้า แล้วเดินเข้าไป
ข้างในเหมือนกับห้องส่วนตัวของคณะรัฐมนตรีก็ไม่ปาน ทันทีที่เดินเข้าไป ประตูก็ส่งสัญญาณเตือนขึ้นทันที
“โยนปืนทิ้งซะ”
ผู้หญิงคนนั้นเอ่ยเรียบๆ “วัตถุโลหะไม่สามารถผ่านเข้าไปได้”
แม่มดยิ้มบางๆ วางปืนสีทองลงบนพื้น แล้วดึงมีดเล็กสองด้ามออกมา
เด็กสาวทั้งหลายที่เห็นภาพช็อตนี้ ต่างก็มีสีหน้าตระหนก
“เฮ้อ รองเท้าก็ต้องถอดหรอ?”
แม่มดส่ายหน้า แล้วถอดรองเท้าออก ด้านใต้รองเท้าคู่นี้ซ่อนมีดเล็กไปอีกสองด้าม
แล้วต่อจากนั้น แม่มดก็ลังเลไปนิดนึงก่อนจะตัดสินใจพูด “โหจื่อ หลับตาลง”
โหจื่อยิ้มเก้ๆกังๆ “แม่มด เธอก็รู้ว่าฉันไม่สนใจผู้หญิง เธอรีบๆถอดเถอะน่ะ ฉับรับรองเลยว่าฉันจะไม่มองอะไรทั้งนั้น”
“แม่เอ็งสิ ฉันคือเป็นว่าที่เมียอาจารย์ของนายนะ” แม่มดหันกลับไปด่าคำนึง
“เร็วเข้า” แม่มดกำชับ
จากนั้น โหจื่อจึงเดินถอยกลับไปหลายก้าว แล้วหาโซฟาสักตัวนั่ง
มือหนาคว้าลูกแพรมาได้ลูกนึง ก็ยัดเข้าปาก “มา หนูๆ มานวดไหล่ให้เสี่ยหน่อย ไหล่เสี่ยมันชาๆยังไงไม่รู้”
เด็กสาวในห้องไม่ได้ให้ความสนใจกับคำพูดของโหจื่อแต่อย่างใด
ไม่ทันขาดคำ โหจื่อก็ล้วงปืนออกมาลั่นไกขึ้นบนอากาศ ดึงดูดสายตาทุกคู่ได้อย่างรวดเร็ว เขาหัวเราะฮี่ๆ “ฉันรู้ว่าพวกเธอไม่กลัวตายหรอก แต่ถ้าลูกกระสุนนี่ยิงเฉาะเข้าไปในแขนหรือขา ก็คงจะเจ็บปวดทรมานอยู่ไม่น้อย”
โหจื่อพูดจบ เด็กสาวสามสี่คนก็รีบวิ่งโร่เข้ามาหา
“ไม่ว่าใครจะเป็นลูกค้า แต่พวกเธอก็ต้องทำหน้าที่บำเรอไม่ใช่หรือไง?”
“ผู้หญิงพวกนี้มีตาหามีแววไม่ หรือฉันไม่น่าเอาใจเท่าพวกตาแก่หัวงูงั้นสิ? ”
โหจื่อพูดเสียงเรียบ
“นวดให้มันดีๆ ถ้าฉันสบายตัว อีกเดี๋ยวฉันจะพาพวกเธอออกจากนรกขุมนี้เอง” โหจื่อพูด
พอได้ยินประโยคนั้น เด็กสาวหลายคนก็เผยความรู้สึกตื่นเต้นดีใจ แต่คนส่วนใหญ่ที่เหลือก็ยังมีมีท่าทีเฉยเมยเหมือนเดิม
ออกไปจากที่นี่?
แล้วไปที่ไหนต่อ?
ไม่ว่าจะหนีไปที่ไหน สุดท้ายพวกเขาก็จะจับกลับมาที่นี่เหมือนเดิม
แขกที่อยู่ในนี้แต่ละคนล้วนมีเส้นสายอยู่กว้างขวาง และที่นี่ก็ไม่ต่างอะไรกับคุก ถ้าหนีออกไปก็เท่ากับเป็นการแหกคุก ซึ่งมันก็หมายถึงเป็นการก่ออาชญากรรม
คนที่เคยคิดจะหลบหนีเมื่อก่อนหน้านี้ ล้วนมีจุดจบที่ไม่สวย
ในตอนนั้น จู่ๆโหจื่อก็ชักปืนออกมา เขาเล็งไปที่ซ้ายมือของตัวเอง แล้วลั่นไกออกไป
หญิงสาวคนนึงล้มลงกับพื้น
โหจื่อยิ้มหึๆ “ฉันให้เธอนวดไหล่ ไม่ใช่ให้เธอมาแยกร่างฉัน พกมีดแล้วเดินมาหาฉันแบบนั้นหมายความว่าไง คงไม่คิดจะผ่าตัดให้ฉันหรอกนะ?”
คำพูดของโหจื่อ ทำให้หญิงสาวจำนวนมากตกอกตกใจ
ทั้งๆที่โหจื่อหลับตาอยู่แท้ๆ ทำไมเขาถึงรู้ได้ว่ามีคนหยิบมีดแล้วเดินเข้าไปหาเขา?
หรือผู้ชายคนนี้ สามารถมองเห็นได้ทุกอย่างแม้ว่าจะหลับตาอยู่งั้นหรอ?
หรือจะบอกว่าเขามีพลังวิเศษ?
โหจื่อยิ้ม “สองคนที่อยู่ซ้ายมือฉันน่ะ เตือนไว้ก่อนนะอย่าแม้แต่จะคิดว่าจะทำอะไรฉัน ถล่ม-2มายกชั้นโดยที่ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยสักแผล ก็น่าจะตระหนักได้นะว่าฉันฝีมือเทพขนาดไหน คิดว่าผู้หญิงอ่อนแอแค่ไม่กี่คนจะฆ่าฉันได้หรือไง”
“บอกไว้ก่อน อย่าเอาชีวิตมาทิ้งกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง”
โหจื่อพูดจบ ก็เบิกตากว้างแล้วหันไปต้องหน้าหญิงสองคนที่อยู่ด้านซ้าย ซึ่งพวกเธอกำมีดหั่นแตงโมไว้ในมือ เตรียมจะลงมือกับโหจื่อ
แน่นอนว่าใครๆในที่นี้ก็ดูออกว่าโหจื่อคือผู้บุกรุก
ใครก็ตามที่ฆ่าผู้บุกรุกได้ ก็จะได้รับความดีความชอบ และเมื่อเรื่องไปถึงหูเจ้านายของพวกเขาหรือผู้คุมชั้นใต้ดินเข้า เขาก็จะต้องตบรางวัลให้พวกเธออย่างงาม
ผู้หญิงพวกนี้มาทำงานที่นี่ก็เพื่อเงิน
“โดยเฉพาะเธอ” โหจื่อยิ้ม ขณะมองไปยิ่งหญิงสาวที่ยืนอยู่ไกลๆ “ฉันรู้ว่าเธอคือหัวหน้าของผู้หญิงพวกนี้”
“เธอชื่ออะไร?” โหจื่อถาม
“อาจวน” หญิงสาวคนนั้นตอบ
“ดูท่าทางเธอน่าจะแก่กว่าฉันหน่อยนึง งั้นฉันจะเรียกว่าพี่จวนแล้วกัน ถามหน่อยสิ จากตรงนี้จะลงไปข้างล่างอีกชั้นได้ยังไง?” โหจื่อพูด
ความจริงโหจื่อไม่ได้สนใจอะไร-2สักนิด
“พวกเราไม่มีสิทธิ์นั้นหรอก”
“พวกเราเป็นแค่นางบำเรอของพวกเขาเท่านั้น เราถูกคัดเลือกมาเพื่อให้บริการแขกที่-2เท่านั้น ไม่มีสิทธิ์ให้บริการแขกของ-3 ถ้าจะเข้าไปที่นั่น จะต้องได้รับการอนุญาต”
อาจวนพูดเรียบๆ
“แล้วไอ้พวกที่อยู่ข้างในนั้น มีสิทธิพิเศษนี้หรือเปล่า?” โหจื่อถามต่อ
อาจวนส่ายหน้า โหจื่อไม่พูดพร่ำทำเพลง ยกปืนขึ้นแล้วเล็งไปที่ผู้หญิงที่ชื่ออาจวน “ฉันไม่อยากได้ยินคำว่าไม่รู้จากปากเธอ”
“ต่อให้พวกเขาจะมีสิทธิ์นั้น ก็คงไม่กล้าลงไป” อาจวนตอบ
โหจื่อยิ้ม แล้วพิงตัวลงกับเบาะโซฟา หลับตาพริ้ม “ฉันจะหลับสักตื่น นวดกันให้ดีๆล่ะ”