NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่648 การฝึกระบบฝึกปีศาจของส้าวส้วย
ไม่นาน ลุงเฉียนก็เดินเข้ามาในห้อง
ลุงเฉียนมองแม่มด แล้วถามอย่างเป็นห่วง “แม่มดเป็นยังไงบ้าง? ขาไม่เป็นอะไรมากแล้วใช่ไหม?”
“รักษาตัวไม่กี่วันก็หายค่ะ” แม่มดตอบ
“เพียงแต่…”
แม่มดหัวเราะเหอะ พูดด้วยความรู้สึกผิด “ฉันกับโหจื่อเข้าไปเสียเที่ยว ไม่ได้เห็นแม้แต่เงาของลูกค้าที่อยู่ชั้น-3”
ลุงเฉียนส่ายหน้า “ฉันไม่โทษพวกเธอหรอก พวกลูกค้าใน-3ไม่ใช่คนที่พวกเธอจะเข้าไปกระตุกหนวดได้ตั้งแต่แรก”
“ขนาดลูกพี่ใหญ่ยังไม่สามารถทำอะไรพวกมันได้ง่ายๆ”
“ความจริงครั้งก่อนตอนที่ลูกพี่ใหญ่บุกเข้าไป ก็เข้าไปถึงชั้นสี่เท่านั้น แต่ไม่ได้เจอกับลูกค้าที่อยู่ในชั้นนั้น”
ลุงเฉียนพูดจบ ทั้งโหจื่อและแม่มดต่างก็เบิกตากว้าง
“ไม่ต้องตกอกตกใจ -2มีนักฆ่าฝีมือดีประจำการอยู่สองคน แม่มดเธอคงจะประมือกับพวกนั้นแล้วสินะ?” ลุงเฉียนมองหน้าแม่มด “เธอคิดว่าฝีมือของพวกนั้นถ้าเทียบกับส้าวส้วยแล้วเป็นยังไง?”
“พอๆกัน”
แม่มดพูดจบ ก็เสริมต่ออีกประโยค “แต่ฉันคิดว่า ถ้าเขาสองคนสู้กันจริงๆ ส้าวส้วยน่าจะเป็นฝ่ายชนะ”
“ทำไมคิดแบบนั้น?” ลุงเฉียนหัวเราะ
“เพราะฉันรู้สึกได้ว่าทุกครั้งที่เราสู้กัน ส้าวส้วยจะออมมือให้ฉันอยู่ตลอด” ใบหน้าของแม่มดแดงระเรื่อ
ลุงเฉียนยิ้มบาง “เธอคงจะยังไม่เคยเห็นฝีมือจริงๆของส้าวส้วยสินะ”
“สามปีมานี้ เขาได้รับการฝึกฝนเช่นเดียวกับลูกพี่ใหญ่ ฝีมือที่แท้จริงของเขาเก่งกาจมากขนาดไหน แม้แต่ฉันเองก็ยังไม่เคยเห็น”
“แต่ก่อนหน้านี้ สำนักหยิ่งซาเคยส่งสี่ผีแห่งเจียงหนานมาหยั่งเชิงฝีมือของลูกพี่ใหญ่ แต่รู้ไหมว่าจุดจบของทั้งสี่ผีเป็นยังไง?” ลุงเฉียนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยถามแม่มด
สายตาของแม่มดรอคำตอบลุงเฉียนอย่างใจจดใจจ่อ
“สี่ผีแห่งเจียงหนานรวมพลังกัน กลับโดนส้าวส้วยฆ่าตายภายในเวลาไม่ถึงสามนาที” ลุงเฉียนพูดเสียงเรียบ
แม่มดเบิกตากว้าง “สี่ผีแห่งสำนักหยิ่งซา?ตายแล้ว?”
“พวกมันไล่ล่าเราอยู่นานหลายปี หลายครั้งที่ฉันเกือบจะต้องตายด้วยน้ำมือของพวกมัน” แม่มดกลืนน้ำลาย พูดด้วยท่าทีสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“คิดไม่ถึงว่าพวกมันจะตายด้วยกำมือของส้าวส้วย”
“มิหนำซ้ำ ยังตายทั้งๆที่รวมพลังกันสู้…”
“แต่ถึงพวกมันจะสู้ไม่ไหว ก็ไม่น่าจะถึงกับหนีไม่รอดนี่คะ?”
แม่มดไม่ค่อยอยากจะเชื่อหูนัก
ตอนที่อยู่ต่างประเทศ แม่มดได้มีโอกาสประลองมือกับส้าวส้วยอยู่หลายครั้ง และทุกครั้งถึงแม้ว่าแม่มดจะไม่ชนะ แต่ก็ไม่แพ้พ่ายแพ้จนยับเยินขนาดนั้น
เธอมักจะแพ้ให้เขาในช่วงครึ่งหลัง
แต่วันนี้ได้ยินที่ลุงเฉียนพูด แม่มดถึงได้เข้าใจ ที่ผ่านมาส้าวส้วยไม่ได้มองว่าเธอเป็นคู่ฝึกซ้อมสักนิด แต่เขาแค่กำลังหยอกล้อเธอก็เท่านั้น
ทุกครั้งเขาจะชอบพูดว่าออกแรงเต็มกำลังแล้ว นั่นหรอที่เรียกว่าเต็มกำลัง?
เต็มกำลังที่ว่า สามารถจัดการสี่ผีแห่งเจียงหนานภายในสามนาทีน่ะหรอ?
แม่มดรู้ดี หากสี่ผีรวมมือกันสู้ขึ้นมาล่ะก็ ตัวเธอแค่หนีตายมาได้ก็นับว่าเป็นบุญโข
“แน่นอนว่าพวกมันก็พยายามจะหนี แต่ส้าวส้วยไม่ให้พวกมันได้มีโอกาสแม้แต่จะทำแบบนั้น” ลุงเฉียนตอบ
สยอง!
ทันใดนั้นแม่มดก็ได้ความรู้ใหม่เกี่ยวกับระดับฝีมือของส้าวส้วย
“งั้นตอนนี้ฉันจะเปลี่ยนคำถาม เธอคิดว่าคนที่-2กับสี่ผีแห่งเจียงหนาน ใครเก่งกาจกว่า?” ลุงเฉียนถามอีกครั้ง
“ถ้าสี่ผีมาพร้อมกัน ก็ต้องเป็นพวกเขาสี่คนเก่งกว่าหน่อย” แม่มดตอบ
“ไม่น่าจะหน่อยมั้ง? ฉันรู้มาว่าตอนที่เธอเผชิญหน้ากับนักฆ่าที่ชั้น-2 เธอไปด้วยมือเปล่า ถ้าตอนนั้นเธอมีอาวุธติดตัว เธอคงจะไม่พ่ายแพ้จนร่างกายสาหัสมากขนาดนี้”
“แต่ถ้าเผชิญหน้ากับสี่ผี ต่อให้ทั้งตัวเธอจะพกอาวุธไปมากขนาดไหนก็ไม่มีประโยชน์”
ลุงเฉียนพูดจบ แม่มดก็พยักหน้าคิดตามเห็นด้วยกับที่ลุงเฉียนพูด
“ความจริงที่ต้องใช้เวลานานมากขนาดนั้นกว่าจะกลับมา เป้าหมายที่แท้จริงของลูกพี่ใหญ่ไม่ใช่การโค่นสี่ตระกูลใหญ่ แต่เป็นเนื้อร้ายที่ซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังของทั้งสี่ตระกูล”
“คนที่อยู่ข้างกายของเนื้อร้ายพวกนั้น ร่ำลือกันว่าเป็นสุดยอดฝีมืออันดับต้นๆของโลกที่ไม่เปิดเผยตัว ซึ่งพวกมันก็หาเขาจนพบและซื้อตัวให้มาเป็นบอร์ดี้การ์ด”
“การจะต่อกรกับพวกมัน จะอาศัยแค่มือลูกพี่คนเดียวก็คงจะเป็นไปได้ยาก”
“เพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อน ตลอดสามปีนี้ลูกพี่ใหญ่ทุ่มเทอย่างหนักเพื่อฝึกฝนส้าวส้วย”
“ร่างกายของส้าวส้วยแม้จะอยู่ภายใต้ฤทธิ์ยา ก็ยังแข็งแกร่งเกินขีดจำกัดที่ร่างกายมนุษย์จะรับไหว”
ลุงเฉียนพูดจบ ทุกคนในห้องก็ตกตะลึง
“ยา?” ทั้งหลี่ฝาง โหจื่อ แม่มด และคนอื่นๆต่างก็ถามออกมาเป็นเสียงเดียว
“ใช่ เป็นยาชนิดนึงที่ทำให้ระบบประสาทชา คนที่กินยานี้เข้าไปจะรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากกว่าปกติเป็นระยะเวลานาน ลูกพี่ใหญ่ฝึกฝนพร้อมๆกับส้าวส้วยโดยใช้ยาตัวนี้ เมื่อเวลาผ่านไปจนยาหมดฤทธิ์ ทั้งส้าวส้วยกับลูกพี่ก็มีสภาพไม่ต่างอะไรกับศพเดินได้ ปวกเปียกไร้กำลัง”
“การฝึกโดยวิธีนี้เสี่ยงอันตรายมาก เพราะน้ำหนักของร่างกายจะทำให้อวัยวะส่วนต่างๆฉีกขาด แต่ดีที่ทั้งส้าวส้วยและลูกพี่ก็รอดมาได้”
“แต่ไม่ใช่แค่ส้าวส้วยก็ลูกพี่ที่ใช้วิธีนี้ในการฝึก สุดยอดนักฆ่าของชั้น-4ก็ใช้วิธีนี้เหมือนกัน”
ขณะพูด ลุงเฉียนก็หยิบยาเม็ดสี่ฟ้าออกมา “ถ้าพวกเธอยินยอม ก็จะสามารถกลายเป็นยอดฝีมือได้ในระยะเวลาอันสั้น”
“แต่ความเสี่ยงสูงมาก หากฝืนใช้ร่างกายฝึกฝนมากกว่าระดับที่สามารถรับไหว เมื่อยาหมดฤทธิ์แล้ว มีโอกาสสูงที่ร่างกายจะกลายเป็นอัมพาต”
เมื่อลุงเฉียนพูดจบ แววตาของโหจื่อกับแม่มดก็แฝงไปด้วยความหวัง
“หากใช้วิธีนี้ พวกเธอสามารถมีฝีมือเทียบเท่าคนที่ผ่านการฝึกมาสิบปีโดยใช้เวลาฝึกจริงแค่ปีเดียว” ยิ่งฟังที่ลุงเฉียนพูด โหจื่อก็ยิ่งตื่นเต้น
“ทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้ครับ?” โหจื่อกำลังร้อนวิชาอย่างหนักบ่นอุบ “ผมก็ว่าอยู่ อายุของท่านอาจารย์น้อยกว่าผมตั้งมากขนาดนั้น แต่ฝีมือกลับเหนือชั้นไปเยอะ ที่แท้ก็ใช้เคล็ดลับแบบนี้ตอนฝึกนี่เอง”
“ที่ผ่านมาลูกพี่ก็เลยไม่เคยบอก เพราะการฝึกด้วยวิธีนี้อันตรายมากเกินไป แต่ตอนนี้ดีหน่อย เมียของอาจารย์นายทำบันทึกไว้แล้ว มีเธอคอยจับตาดู นายก็จะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต”
“หากยอมรับการฝึกฝนนี้ จะมีผลลัพธ์สองอย่าง หนึ่งคือนายจะกลายเป็นนักฆ่าฝีมือเทพ หรือสองนายจะออกกำลังหนักๆไม่ได้ตลอดชีวิต”
ลุงเฉียนส่งขวดยาให้โหจื่อ
จากนั้นลุงเฉียนก็หันไปมองแม่มด แม่มดตอบตกลงแบบไม่คิด “ฉันเองก็อยากเก่ง สำนักหยิ่งซาจะตามมาเคาะหน้าประตูเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ฉันไม่อยากวิ่งหาที่ซ่อนเหมือนลูกหนูตัวนึงอีกแล้ว”
“ตกลง งั้นหลังจากที่เธอรักษาตัวจนหาย ก็ค่อยเริ่มการฝึกแล้วกัน เวลานั้น แม่ของเจ้าฝางจะคอยจับตาดูพวกเธอไม่ห่าง”
ทันทีที่ลุงเฉียนพูดจบ เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น?” ลุงเฉียนขมวดคิ้ว
“ฉันบอกแล้วใช่ไหม ถ้าไม่ใช่เรื่องด่วนไม่ต้องเข้ามาในห้องนี้” ลุงเฉียนตำหนิ
“ข้างนอกมีคนมาเยอะมากครับ เกรงว่าพวกพี่หน้าหนวดจะเอาไม่อยู่”
เสียงนอกประตูฟังดูเคร่งเครียด “แล้วก็ เหมือนว่ามีคนพยายามจะบุกเข้ามาในสถานตากอากาศผ่านทางภูเขาด้านหลังครับ”
ลุงเฉียนขมวดคิ้ว แล้วเหลือบไปมองโหจื่อ “ไป ออกไปกับฉัน”
“แม่มด เธอรักษาตัวอยู่ที่นี่ ห้ามขยับตัวออกไปไหน หากมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นก็รีบหนีไปซะ ข้างใต้เตียงนี่เป็นห้องใต้ดิน”
“ถ้าหลบอยู่ในนั้น อย่างน้อยก็รับรองความปลอดภัยได้ครึ่งชั่วโมง”
ลุงเฉียนกำชับแม่มดต่ออีกคำ แล้วออกไปพร้อมกับโหจื่อ
หลี่ฝางแอบเดินตามโหจื่ออกไป แต่เมื่อลุงเฉียนสังเกตเห็นก็หันมาพูด “เจ้าฝาง นายควรจะอยู่กับพี่ฉีฉี ถ้าเกิดอะไรขึ้นรีบหนีไปหลบในห้องใต้ดิน”
“ผมอยากออกไปด้วย”
หลี่ฝางไม่อยากซ่อนตัว เขาอยากออกไปดูว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้น
“กลางวันแสกๆแบบนี้ พวกมันจะกล้าก่อกวนอะไรหรือไง?” หลี่ฝางพูด
“เหอะๆ ไม่มีอะไรที่พวกมันต้องกลัวนี่”
ลุงเฉียนหัวเราะ “รู้ไหมว่าตาแก่ที่ลุงจับตัวมาเป็นใครมาจากไหน เขากุมธุรกิจมากมายไว้ในมือ อีกทั้งยังมีคอนเนคชั่นกว้างขวาง ถ้าเขาเป็นอะไรไปจะส่งผลกระทบต่อประโยชน์ของคนจำนวนมาก”
“เพราะงั้นนอกจากพวกเรา ก็ไม่มีใครอยากให้เขาตายหรอกนะ”
ลุงเฉียนหัวเราะหึ “ในเมื่อนายอยากจะตามมาด้วย ก็มาเถอะ อย่างน้อยตราบใดที่ตาแก่นั่นยังไม่โดนช่วยกลับไป นายก็ไม่มีทางมีอันตรายได้หรอก”
“พวกมันรู้ว่านายเป็นใคร ไม่มีใครกล้าทำอะไรนายอยู่แล้ว” ลุงเฉียนพูด
“ก่อนที่ลูกพี่กับส้าวส้วยจะไป เข้าใช้อำนาจมือทั้งหมดจัดการกับตระกูลมู่จนราบเป็นหน้ากลอง จนถึงตอนนี้คนของตระกูลมู่ยังหน้าซีดปากสั่น ไม่กล้าโผล่หัวมาสักคน” ลุงเฉียนหัวเราะหึๆ