NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่650 ศัตรูกดดัน
ในช่วงเวลาค่ำ
หน้าหนวดเดินเข้ามาที่สนามหญ้า แล้วมองโหจื่อ “โหจื่อ ถึงเวลาที่คุณต้องออกโรงแล้ว”
“หึหึ กี่คน?”
สีหน้าของหน้าหนวดลำบากใจเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ตอบกลับ “ไม่มากครับ แค่สามคน”
“เยอะขนาดนี้เลยหรอ?” โหจื่อขมวดคิ้ว
“ช่วยไม่ได้ พวกมันมากันเยอะมาก ผมรับมือไม่ไหว ไหนจะพวกที่อยู่ฝั่งประตูทางเข้าสถานตากอากาศก็เริ่มเคลื่อนไหวกันแล้ว ถ้าต้องคอยรับมือจากทั้งสองฝั่งคงเป็นไปได้ยาก” หน้าหนวดแก้ตัวฝืดๆ
“แล้วไหน…ลุงเฉียนก็ไม่ให้ใช้…”
“พอ ฝั่งนั้นยังไม่เผยจำนวนคนจริงๆออกมาเลย เราก็จะเปิดไพ่ทั้งหมดไม่ได้เหมือนกัน ระดับลุงเฉียนแล้ว ยังมีอะไรที่นายต้องสงสัยอีกหรือไง?” โหจื่อถลึงตาใส่หน้าหนวด
หน้าหนวดหน้าซีด “แน่นอนว่าไม่กล้าครับ”
“ส่งตำแหน่งของสามคนนั้นให้ฉัน” โหจื่อตบก้นเบาๆแล้วลุกขึ้นยืน มุมปากเผยยิ้มสนุกสนาน “คืนนี้ ในที่สุดก็จะได้กระหน่ำฆ่ากันสักที”
“ใช่ครับ ลุงเฉียนก็พูด ไม่ว่าจะทำจนเรื่องใหญ่ขนาดไหน ก็ไม่มีใครสนใจอยู่แล้ว”
“เรื่องวันนี้ พวกหูเฟยไม่มีทาเสนอหน้าเข้ามายุ่งแน่ หรือต่อให้มันอยากจะเสล่อ ก็ทำอะไรไม่ได้” หน้าหนวดหัวเราะหึๆ
ความจริงใครก็รู้ เรื่องที่กำลังจะเกิดในวันนี้ ถ้าคิดจะยื่นมือเข้ามายุ่ง ทางเดียวคือต้องส่งกองกำลังทหารเข้ามา
เหมือนกับเมื่อสามปีก่อน
ตอนที่หลอซ่าถูกคนของสี่ตระกูลใหญ่ไล่ฆ่า เมื่อฟ้ามืด ภาพที่เหล่ากระจ๊อกถือมีดถือดาบออกมาตีรันฟันแทงบนท้องถนน เป็นสิ่งที่เห็นกันอย่างชินตา
แต่พวกหูเฟยกลับทำราวกับว่าที่ด้านนอกไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไม่ใช่แค่เพราะมีคนมาทำข้อเสนอกับเขา แต่ความจริงอำนาจของเขาเองก็มีจำกัด การต่อสู้ระหว่างหลอซ่ากับสี่ตระกูลใหญ่ในตอนนั้น มันอยู่นอกเหนือขอบเขตที่เขาจะเข้ามายุ่งเกี่ยวได้
และสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ก็ไม่ต่างกัน
ถึงยังไงตำแหน่งของสถานตากอากาศหลงฉวน ก็ตั้งอยู่บนภูเขาที่ห่างไกล
บริเวณรอบๆห่างออกไปในรัศมีระยะร้อยกิโลเมตร ไม่มีที่พักอากาศของคนอยู่แล้ว หากมีอะไรเกิดขึ้นย่อมไม่มีใครรู้ได้
เพราะงั้น ก็นับว่าหูเฟยสบายตัวไปเปราะนึง
ตอนนี้เอง หูเฟยก็โทรมาหาหลี่ฝางแล้วออกปากเตือน “พวกนายเล่นกันเงียบๆหน่อยก็ดี พยายามอย่าให้ถึงขั้นพรากชีวิตคน”
หลี่ฝางตอบด้วยความเบื่อหน่าย “อันนี้ฉันคงรับปากไม่ได้”
“เอาเถอะ ฉันเองก็รู้ว่าเรื่องนี้มันเกินกว่าที่นายจะควบคุมได้ แต่พวกนายนี่ใจกล้ากันจริงๆ ถึงขั้นกล้าจับตัวท่านลู่ แม่เจ้า รู้ไหม? ตั้งแต่เช้าสายโทรศัพท์ฉันแทบไหม้ มีแต่คนจะให้ฉันออกโรงช่วย”
“ท่านลู่ไม่ได้มีสถานะธรรมดาๆนะ ฉันว่าทางที่ดีพวกนายอย่าทำกร่างให้มากจะดีกว่า ไม่งั้นจะไม่ใช่แค่ฉันที่โดนลงโทษ แต่พวกนายเองก็จะสร้างศัตรูเต็มไปหมด”
“ไอ้ท่านลู่นี่ตกลงเป็นใครกันแน่?” หลี่ฝางออกมาจนได้
“เหอะๆ นี่นายไม่รู้จักแม้แต่ท่านลู่หรอ? เอาเถอะ จะบอกให้แบบนี้แล้วกัน ไอ้เฉียนโตโตกำลังคุกเข่าอยู่หน้าบ้านนายสินะ? สถานะของเฉียนโตโตที่มีอยู่ในเมืองเอก เท่ากับสถานะของท่านลู่ที่มีต่อเมืองทั้งมณฑล”
“เฉียนโตโตน่ะพอออกจากเมืองเอกไป ก็ไม่ได้มีสถานะอะไรอีก อย่างมากก็แค่คนแก่มีตังค์คนนึง แต่ท่านลู่ไม่ใช่ ไม่ว่าเขาจะอยู่ในเมืองไหนของมณฑลเขาก็คือท่านลู่ เข้าใจหรือยัง?”
“เบื้องบนจับตาดูความปลอดภัยของเขามาก เพราะฉะนั้นจะให้เขาเป็นอะไรไม่ได้เด็ดขาด ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเขา…”
หลี่ฝางตัดบทหูเฟย “สบายใจเถอะ เขาจะไม่เป็นอะไรหรอก”
“ดี งั้นวางละ”
ตอนที่จะวางสาย หูเฟยไม่ลืมกำชับต่ออีกคำ ให้หลี่ฝางพยายามจัดการจบกับท่านลู่ด้วยความสันติที่สุด
ความจริงหลี่ฝางก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเรื่องมันถึงได้ตึงเครียดจนถึงขั้นนี้
จุดเริ่มต้นก็แค่ซือถูเฟยกับมู่หรงฉางเฟิงวางแผนให้เขาติดกับ แล้วเขาก็ลำบากให้ลุงเฉียนและคนอื่นๆต้องมากระโดดลงหลุมนี่ไปด้วย
แต่ซือถูเฟยกลับพาฉินหยีหรันออกมาได้อย่างง่ายได้ แล้วทำไมโหจื่อกับแม่มดถึงต้องพาตัวท่านลู่มาที่สถานที่อากาศนี่ด้วย?
แบบนี้มันก็ไม่ต่างกับติดแหที่ซือถูเฟยกับมู่หรงฉางเฟิงตั้งใจทอดเอาไว้เลยไม่ใช่หรือไง?
มิหนำซ้ำ ยังไปกระตุกหนวดเสือตัวใหญ่มาอีก
เมื่อโหจื่อออกไป หลี่ฝางก็เข้ามาหาหน้าหนวด “หน้าหนวด พวกเรากับท่านลู่เคยมีอะไรบาดหมางกันมาก่อนหรือเปล่า?”
หน้าหนวดส่ายหน้า “ไม่มีครับ ทำไมหรอครับคุณชายหลี่? ทำไมจู่ๆก็ถามขึ้นมา?”
“ในเมื่อไม่มี ทำไมต้องจับท่านลู่มาขังไว้ในสถานตากอากาศ?” หลี่ฝางถามต่อ
หน้าหนวดส่ายหน้า “อันนี้ผมเองก็คิดไม่ตกเหมือนกันครับ บางทีนี่อาจจะเป็นความคิดของลุงเฉียนมั้งครับ”
“ตอนแรกที่จับท่านลู่มา เป็นเพราะแม่มดไม่มีทางเลือก ต้องทำเพื่อเอาตัวรอด แต่ในเมื่อทั้งแม่มดกับโหจื่อก็รอดมาได้แล้วทำไมยังไม่ปล่อยตัวท่านลู่อีก? ระหว่างทางต้องเป็นท่านลุงเฉียนที่ไม่ยอม”
หน้าหนวดหัวเราะ “ส่วนคำถามที่ว่าทำไมถึงไม่ยอมปล่อย เกรงว่าคงมีแค่ลุงเฉียนคนเดียวที่จะให้คำตอบนี้ได้ครับ”
“เอาล่ะ ผมคงต้องขอตัวก่อนครับคุณชาย พวกหมาขี้เรื้อนข้างนอก มันยังก่อนกวนไม่เลิกเลย”
หน้าหนวดพูด “ผมต้องไปจัดการซะหน่อย”
หลี่ฝางนิ่งไป แล้วรีบคว้าแขนรั้งหน้าหนวด “แล้วฉันจะทำยังไง? โหจื่อออกไป นายก็ออกไป เกิดพวกนักฆ่าฝีมือดีมันบุกเข้ามาในสถานตากอากาศแล้วเจอฉันเข้า?”
จู่ๆหลี่ฝางก็กังวลถึงความปลอดภัยของตัวเองขึ้นมา
“วางใจเถอะครับ คุณไม่มีทางเป็นอะไรไปเด็ดขาด”
“คนมากมายคอยเฝ้าระวังชีวิตของคุณชายอยู่ แต่คุณเองก็ห้ามซี้ซั้วออกไปไหน ตราบใดที่อยู่ในสนามหญ้านี่ จะไม่มีใครทำร้ายคุณได้” หน้าหนวดพูดยิ้มๆ
หลี่ฝางหันมองไปทั่วสี่ทิศ นี่มีคนคอยปกป้องเขาอยู่จริงหรอ?
แต่เมื่อมองไปรอบๆตัว หลี่ฝางก็ไม่เห็นแม้แต่เงาคน
“นายก็ระวังตัวด้วย” หลี่ฝางเตือนหน้าหนวด
หน้าหนวดวิ่งออกไปที่ประตูด้วยความรวดเร็ว
ตอนนี้ กลุ่มเงาดำได้ยืนล้อมประตูสถานตากอากาศไว้หมดแล้ว
คนจำนวนสองร้อยคน พวกเขาใส่ชุดสีขาวแบบเดียวกันนั่งอยู่ในรถ สะดุดตาเป็นอย่างมาก
และคนของหน้าหนวดก็ยืนเรียงเป็นแถวรออยู่ข้างในสถานตากอากาศแล้ว
“พี่หน้าหนวด พวกมันบอกว่าถ้าไม่ส่งตัวท่านลู่ไปให้ภายในห้านาที พวกมันจะพาคนเข้ามาถล่มสถานตากอากาศครับ” หนึ่งในลูกน้องพูดกับพี่หน้าหนวด
หน้าหนวดพยักหน้าเล็กน้อย แล้วพ่นเสียงเหอะ พูดอย่างไม่ใส่ใจ “ปากดีนัก”
ตอนนี้เอง เหยสงก็เดินเข้ามา
“ส่วนใหญ่ที่อยู่ในแก๊งพวกมัน เป็นนักเลงในเมืองเอก ดูเผินๆอาจจะจำนวนเยอะ แต่ความจริงไม่ได้มีฝีมืออะไร” เหยสงพูด “แต่อีกส่วนนึงผมไม่รู้จัก”
“พวกที่มีโซ่ตรวนในมือนั่นน่ะ” เหยสงขมวดคิ้ว “ผมต่อยตีอยู่ในเมืองเอกมาตั้งหลายปี แต่ไม่เคยเจอพวกมันไม่ก่อน”
“แต่ก็พอจะรู้สึกได้ว่า คนพวกนั้นไม่ธรรมดา”
ทั้งที่เว้นระยะห่างไกลกันขนาดนั้น เหยสงก็ยังสัมผัสได้ถึงความดุร้ายของอีกฝ่าย
แต่พวกลูกกระจ๊อกนั่น เหยสงเคยเจอมาก่อน ไม่พูดถึงรังสีความอ่อนด้อยอ่อนหัดทีเผยออกมาทางสีหน้า แต่เกรงว่าแม้แต่ท่านลู่ พวกมันอาจจะไม่รู้จักด้วยซ้ำ
พวกมันคงแค่รับเงินค่าจ้างมาทำงานเฉยๆ แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะถูกลูกพี่ของพวกมันส่งตัวมา
ยังไงซะสถานะของท่านลู่ก็เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วกัน แค่คนในตระกูลลู่สั่งมาคำเดียว เหล่าอันธพาลในเมืองนี้ใครบ้างจะเสนอหน้าออกโรง?
“อืม จำไว้ว่า อีกเดี๋ยวถ้าเริ่มสงคราม จัดการให้พวกที่ถือโซ่ตรวนนั่นไปลงนรกได้เลย” หน้าหนวดพูดเสียงเย็น แล้วเปิดประตูสถานตากอากาศออก ก่อนจะเดินออกไป
ประตูของสถานตากอากาศ เป็นประตูบานใหญ่ยาว
หากคิดว่าจะไปโจมตีเข้ามาทีเดียวพร้อมกัน คงต้องฝันไปก่อน
ตอนที่หน้าหนวดเดินออกไป ชายคนนึงที่ถือน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ในมือก็พูดขึ้น “ในที่สุดก็โผล่หัวออกมาจากกระดองตัวนึงแล้ว นี่ถ้ายังไม่ออกมาอีก เราเตรียมจะเผาไอ้ประตูอลังการนี่อยู่แล้วเชียว”
หน้าหนวดหัวเราะหึ “เอาหัวหน้าพวกแกมาคุยกันหน่อยสิ”
ชายวัยกลางคนเดินออกมา เขามีผมสีทอง คิ้วหนา ใบหน้ามีขนยาวขึ้นดก
“ดูท่าทางจะไม่ใช่คนจีนนะ” หน้าหนวดหัวเราะหึ แต่ก็ไม่แยแส “สงสัยภารกิจช่วยเหลือครั้งนี้ ตระกูลลู่จะไปขอให้พวกฝรั่งมาช่วย”
ชายต่างชาติคนนั้นตอบกลับเป็นภาษาจีนคล่องแคล่ว “ฉันชื่อปีเตอร์ มารับท่านลู่กลับบ้าน”
“ดูแล้วพวกนายคงรู้จักสถานะของท่านลู่ดีอยู่แล้ว สำหรับเมื่อตอนบ่ายที่พวกนายใช้ท่านลู่เป็นตัวประกันเพื่อหลบหนี ฉันขอเป็นตัวแทนของตระกูลลู่ไม่เอาผิดกับพวกนาย”
ปีเตอร์พูด “แต่แน่นอนว่า พวกนายจะต้องส่งตัวท่านลู่คืนมาแต่โดยดี”