NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่711 คุณวางกับดักผม?
ความจริงตลอดหลายปีมานี้ ตระกูลหยิ่นกับแมงป่องก็เคยประลองกันมาหลายครั้ง แต่จุดจบก็มีเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือตระกูลหยิ่นยอมถอยให้แมงป่องเป็นผู้คว้าชัยชนะ
เพราะงั้น บรรดาเหล่าทายาทรุ่นถัดมาจึงเกรงขามในตัวแมงป่อง และไม่ค่อยเห็นหัวตระกูลหยิ่น
แต่จะพูดอีกอย่าง คนอย่างแม่งป่องที่มักจะใช้วิธีการสกปรกและชั่วช้า ในขณะที่ตระกูลค้าขายเก่าแก่อย่างตระกูลหยิ่น จะไปชนะได้ยังไงกัน?
แน่นอนว่าหยิ่งเจิ้งย่อมไม่อยู่ในสายตาคนพวกนี้
“ทุกคนลงแมงป่องหมดเลย…ไม่มีใครคิดว่าตระกูลหยิ่นจะชนะได้เลยงั้นหรอ?” หนึ่งในคุณชายตระกูลใหญ่ขมวดคิ้วถาม
เขาเสนอออกมาอย่างนั้น เพราะเขาเป็นเจ้ามือ
ความจริงเขาเองก็คิดว่าแมงป่องมีโอกาสชนะสูงมาก เขาก็เลยเริ่มรู้สึกเสียใจขึ้นมาแล้ว
ทุกคนเล่นพร้อมใจกันลงเป็นเสียงเดียวแบบนี้ ถ้าสุดท้ายตัวเองเป็นฝ่ายแพ้พนัน มีหวังหมดตัวแน่
“แน่นอนว่าไม่ ในอำเภอหลินมีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าหยิ่นเจิ้งพ่อของหยิ่นเหล่ยเป็นพวกขี้ขลาดตาขาว กลัวแมงป่องจนหัวหดซะขนาดนั้น จะเอาอะไรมาสู้ล่ะ?” ใครสักคนหัวเราะหึๆ
และก็เป็นเช่นนั้น ณ ห้องทำงานที่หรูหราอลังการ
หลังจากที่ได้ยินข่าวนั้น แมงป่องก็โมโหจนขว้างแก้วในมือลงกับพื้น
“แม่มึง ไอ้เด็กเวรหยิ่นเหล่ยนี่มันอยากตายนักใช่ไหม? ถึงได้กล้าปล่อยประกาศเงินรางวัลแบบนี้”
เงินรางวัลร้อยล้าน ที่ช่างหอมยั่วยวนใครต่อใคร รวมถึงตัวแมงป่องเอง
แต่จะให้ทำยังไงได้ ในเมื่อเงินก้อนนี้ต้องแลกมากับการที่หัวของเขาต้องหลุดออกจากบ่า
เมื่อมีข่าวแบบนี้แพร่ออกไป แมงป่องจึงกวาดตามองไปยังคนที่อยู่รอบๆห้อง อย่างน้อยคนพวกนี้ก็เป็นเหมือนสายเลือดของเขา ซึ่งไม่มีทางทำร้ายแมงป่องเพียงเพราะเงิน
เงินร้อยล้าน ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่อยากได้ แต่เพราะพวกเขารู้ดีว่าถ้าฆ่าแมงป่องไม่สำเร็จ สิ่งที่จะตามมาก็คือคนในครอบครัวของตัวเองจะถูกกำจัดทิ้ง
เพราะงั้น ถ้าไม่มีโอกาสที่แน่นอน ย่อมไม่กล้าซี้ซั้วลงมือ
แมงป่องกำหมัดแน่น แล้วทุ่มลงบนโต๊ะอย่างแรง เขาโกรธจนแทบอยากจะไปถามหาคำอธิบายจากตระกูลหยิ่นซะเดี๋ยวนี้
และตอนนี้เอง จู่ๆโทรศัพท์ของแมงป่องก็ดังขึ้น ปลายสายคือหยิ่นเจิ้ง
แมงป่องจ้องสายที่ยังไม่ได้รับ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราดขึ้นมา“ไอ้แก่เฮงซวยนี่ยังกล้าโทรมาอีกหรอ”
เขาแค่นหัวเราะ แล้วยอมกดรับสายของหยิ่นเจิ้ง
เมื่อโทรติด หยิ่นเจิ้งก็รีบขอโทษเป็นพัลวัน “พี่แมงป่อง ขอโทษจริงๆครับ ไอ้เด็กเวรนั่นมันโง่เขลา ไม่รู้จักสูงต่ำถึงได้กล้าทำเรื่องโง่เง่าแบบนี้ จริงๆเลย…”
“เฮ้อ ผมด่ามันไปแล้ว เรื่องนี้ผมจะต้องรับผิดชอบต่อพี่แน่นอน”
แมงป่องพูดเสียงเย็น “รับผิดชอบ? ยังไง? ตอนนี้ทั้งอำเภอหลินรู้กันหมดว่ามีคนจะมอบเงินร้อยล้านให้ถ้าฆ่าฉันได้ อีกอย่างเงินก้อนนี้ก็โอนเข้าบัญชีของลูกชายแกแล้วด้วย ถ้าใครสักคนฆ่าฉันได้ ลูกชายนายก็จะโอนเงินก้อนนั้นให้”
“ยกเว้นแต่ แกจะให้ลูกชายกลายเป็นพวกปลิ้นปล้อนตอแหล…” แมงป่องพูด
ถ้าหยิ่นเหล่ยออกมาแก้ข่าว เรื่องนี้ก็ยังพอจะมีทางหนีทีไล่อยู่
ก็คิดซะว่าเรื่องนี้เป็นแค่เรื่องตลก เพียงแต่…
หยิ่นเจิ้งพูดด้วยสีหน้าลำบากใจ “ขอโทษจริงๆครับพี่แมงป่อง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเมื่อกี๊ผมด่าไอ้เด็กนั่นแรงเกินไปหรือเปล่า เขาเลยตัดสายผมทิ้ง แถมยังบล็อกเบอร์ผมอีก ตอนนี้ผมกำลังส่งคนไปตามหาเขาอยู่ครับ”
“เจอตัวเขาเมื่อไหร่ ผมจะให้เขาออกมาแก้ข่าวทันที เป็นยังไงครับ?”
โกรธเป็นฟืนเป็นไฟของแมงป่องรุกท่วมหัวขึ้นมาใหม่ “เหอะๆ ไอ้แก่สวะ มาเล่นละครทำเบลออะไรกับฉัน? ลูกแกมันออกจะเชื่อฟังแกขนาดนั้น ถ้าเรื่องนี้ไม่ได้ความยินยอมจากพ่อมัน มีหรอมันจะกล้าทำ?”
“พวกนักธุรกิจแบบพวกแกนี่มันหน้าไม่อายจริงๆ มาขนาดนี้แล้วยังเล่นละครใส่ฉัน สนุกไหมล่ะ? หยิ่นเจิ้ง ถึงยังไงแกก็เป็นลูกผู้ชาย ผู้ชายกล้าทำกล้ารับ…”
แมงป่องพ่นเสียงเหอะใส่ “หาลูกไม่เจอใช่ไหม? ได้ ฉันก็จะส่งคนไปช่วยหา ในเมื่อมันยังคิดไม่เป็น ฉันก็จะสั่งสอนมันแทนแกให้”
พูดจบ แมงป่องก็หันไปพูดกับลูกน้อง “ค้นหาหยิ่นเหล่ยให้ทั่วอำเภอหลิน เจอตัวเมื่อไหร่พามันมาหาฉันทันที”
“แม่งเอ้ย ไอ้สารเลวนั่น รอกูเจอตัวมันก่อนเถอะ จะตัดหัวมันหลุดออกจากบ่าให้ดู”
แต่แมงป่องหารู้ไม่ว่า เวลานี้หยิ่นเหล่ยออกจากอำเภอหลินมานานแล้ว และกำลังมุ่งหน้าไปยังสนามบิน
และตอนที่หยิ่นเจิ้งโทรไป เครื่องบินก็บินออกไปแล้วเรียบร้อย
แม้ว่าหยิ่นเหล่ยจะไม่สามารถสืบทอดวงตระกูลได้อีก แต่ถึงยังไงเขาก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลหยิ่น หยิ่นเจิ้งไม่อยากให้ลูกชายของตัวเองต้องเป็นอะไรไปแม้แต่น้อย
หยิ่นเจิ้งรู้ดีว่า การให้ลูกตัวเองอยู่ที่อำเภอหลินต่อไป ก็มีแต่จะเป็นอันตราย
หยิ่นเจิ้งที่เวลานี้อยู่ในห้องทำงาน กำลังจ้องไปยังสองพี่น้องชายแฝด
“จางซินหยู่ นายรับใช้ฉันมาเจ็ดปีแล้วสินะ?” หยิ่นเจิ้งถามหนึ่งในนั้น
“ใช่ครับเจ้านาย ตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณดีกับผมมาโดยตลอด จากรปภ.ตัวเล็กๆกลายมาเป็นผู้จัดการแผนกในวันนี้” จางซินหยู่รู้สึกผิดเล็กน้อย เพราะความสามารถของเขาไม่เท่าไหร่เลยจริงๆ
ตลอดเวลาที่ผ่าน เขาไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรให้กับตระกูลหยิ่นแม้แต่น้อย แต่หยิ่นเจิ้งกับมอบโอกาสให้เขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ปฏิบัติกับเขาเหมือนเห็นเป็นญาติคนนึง
จางซินหยู่เองก็ไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่ได้ถาม
ส่วนจางซินเฟยที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ถามหยิ่นเจิ้ง “เจ้านายหยิ่น คุณให้พี่นัดผมออกมาเจอ ตกลงแล้วมีเรื่องอะไรกันแน่? พูดออกมาตรงๆเถอะครับ ผมไม่ชอบอ้อมไปอ้อมมา”
“เมื่อกี๊มีเรื่องเกิดขึ้น นายได้ยินหรือยัง?” หยิ่นเจิ้งเลิกคิ้ว
“ได้ยินแล้วครับ ลูกชายของคุณลงประกาศว่าใครที่ฆ่าลูกพี่แมงป่องได้จะให้เงินหนึ่งร้อยล้าน เหอะๆ เงินก้อนนี้ของลูกชายคุณไม่ใช่แค่มูลมีค่า แต่มีพิษอีกต่างหาก เงินตั้งร้อยล้าน อย่าว่าแต่คนนอกเลย ขนาดคนใกล้ตัวของลูกพี่แมงป่อง ก็คงมีความคิดที่จะหักหลังแวบขึ้นมาอยู่บ้างแน่ๆ”
จางซินเฟยพูดขำๆ “เงินตั้งร้อยล้าน สามารถใช้ชีวิตที่เหลือได้อย่างตามใจต้องการเลย”
หยิ่นเจิ้งพยักหน้า “ใช่ จากงานวิจัย เงินแปดสิบล้านมากพอที่คนๆนึงจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างไฮโซ”
“เพราะงั้น นายก็ตาลุกวาวงั้นสิ จางซินเฟย?”
หยิ่นเจิ้งมองจางซินเฟย แล้วพูดต่อ “ความจริงแล้ว ฉันสนใจในตัวนายมากนะ นายเป็นคนฉลาด เสียดายที่นายเป็นคนของแมงป่องฉันคงเลี้ยงนายไม่ขึ้น และก็เพราะฉันชื่นชมในตัวนาย ถึงได้พลอยดูแลพี่ชายนายอย่างดีไปด้วย”
“รวมถึงบ้านที่แม่พวกนายซื้อ ฉันก็ให้ราคาพิเศษ จนแทบจะไม่เอากำไร”
จางซินเฟยพยักหน้า “เรื่องนี้ผมซาบซึ้งในบุญคุณของเจ้านายหยิ่นมากครับ ผมประหยัดเงินไปได้ถึงสามแสนกว่าเพราะคุณ แต่ว่าคุณต้องการจะสื่ออะไรกันแน่?”
“คุณจะเลี้ยงผมหรอ? เหอะๆ ก็ไม่น่าใช่ ถึงยังไงคุณเองก็ไม่มีตำแหน่งที่เหมาะสำหรับผม เดาว่า คุณคงจะเกลี้ยกล่อมผม? แต่ถ้าจะทำแบบนั้นจริง เงินสามแสนคงจะน้อยไปหน่อยนะครับ ถึงเงินสามแสนจะไม่ถึงกับน่าเกลียด แต่ถ้าถูกจับได้ว่าผมหักหลังลูกพี่แมงป่อง ผมคงไม่รอด”
“ถ้าเทียบกับชีวิตผมแล้ว เงินสามแสนเห็นทีจะน้อยไปหน่อย” จางซินเฟยยักคิ้วยิ้ม
“แล้วนายคิดว่าชีวิตของนายมีค่าเท่าไหร่ล่ะ?” หยิ่งเจิ้งลุกขึ้นยืน มองสองข้างไพล่หลัง เดินไปยืนตรงหน้าจางซินเฟยช้าๆ
“เหอะๆ ผมมันก็แค่ลูกกระจ๊อกคนนึงไม่ได้มีค่าอะไร แต่สิ่งที่วางไว้ตรงหน้าผมตอนนี้ คือโอกาสครั้งยิ่งใหญ่ที่สวรรค์มอบให้ นั่นก็คือฆ่าลูกพี่แมงป่อง แล้วเอาเงินรางวัลร้อยล้าน”
“เงินร้อยล้าน มากพอที่ผมจะยอมขายชีวิต”
จางซินเฟยพูด “เพียงแต่ เจ้านายหยิ่น ผมจะได้เงินก้อนนี้จริงหรอ? แล้วคุณรับประกันไหมว่าหลังจากที่ผมได้เงินก้อนนี้ ผมจะยังมีชีวิตได้ใช้มัน? ถ้าคุณรับประกัน ผมจะก็รับปาก”
หยิ่นเจิ้งหัวเราะ “พูดกันตามจริง ฉันอยากให้นายฆ่าแมงป่อง แต่ไม่ใช่แค่ฆ่า”
“หมายความว่าไงครับ?” จางซินเฟยไม่เข้าใจ
หยิ่นเจิ้งยิ้มอยู่อย่างนั้น “ในอำเภอหลินมีคนอยู่สองคนที่ใครๆก็อิจฉา หนึ่งคือฉัน แต่เพราะนายไม่ได้เดินเส้นทางฉัน เพราะงั้นนายคงเป็นเหมือนฉันไม่ได้ แต่อีกคน ที่นายสามารถเป็นแบบเขาได้ นั่นคือแมงป่อง”
“กลางวันนั่งกุมอำนาจ กลางคืนนอนกกผู้หญิง นี่มันเป็นความฝันของผู้ชายทุกคนไม่ใช่หรือไง? นายรับใช้ข้างกายแมงป่อง เห็นชีวิตของเขาอยู่ทุกวัน จะบอกว่านายไม่อิจฉา ไม่อยากได้ที่ตรงนั้นมาเป็นของนายหรือไง?”
หยิ่นเจิ้งพูด “ขอแค่แมงป่องตายไป ฉันสามารถทำให้นายได้ขึ้นไปอยู่บนจุดนั้น”
“เพียงแต่ไม่รู้ว่านายสนใจหรือเปล่า อีกทั้งกล้าไหม” หยิ่งเจิ้งจ้องหน้าจางซินเฟย พูดตรงไปตรงมา
คลื่นลูกใหญ่ก่อตัวขึ้นในใจของจางซินเฟย
ไม่ว่าทหารคนไหนก็อยากจะขึ้นเป็นแม่ทัพกันทั้งนั้น แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา จางซินเฟยก็ไม่เคยคิดจะขึ้นไปแทนที่แมงป่อง นั่นเพราะหนึ่งเป็นไปไม่ได้ และสองก็คือเป็นไปไม่ได้
หลายปีที่ผ่านมา พวกที่คิดอยากจะเป็นแมงป่องคนต่อไป จะมีสักกี่คนที่มีจุดจบสวย?
เพราะงั้น ถึงแม้เวลานี้จางซินเฟยอยากจะรับข้อเสนอของหยิ่นเจิ้งมากแค่ไหนก็ตาม แต่เขาก็ยังไม่กล้า
ยังไงซะ เขาก็ไม่อยากตาย
เขาเองก็รู้สึกสบายกับชีวิตในตอนนี้แล้ว เป็นหัวหน้าเหล่าลูกกระจ๊อก เงินเดือนก็ไม่น้อย เขาสามารถใช้จ่ายได้อย่างเต็มที่ แถมยังมีเหลือเก็บ
ผ่านไปราวๆหนึ่งนาที จางซินเฟยก็ส่ายหน้า เขาล้วงเอากุญแจรถออกมา “เจ้านายหยิ่น นี่เป็นรถใหม่ของผม ออร์ดี้a4 ถึงจะไม่ใช่รถหรูหราอะไร แต่สำหรับคนที่เกิดมาในครอบครับยากจนแบบผม ที่ผ่านมาแม้แต่คิดผมยังไม่กล้าด้วยซ้ำ แต่ทั้งหมดนี้ที่ผมมีได้ เป็นลูกพี่แมงป่องที่ให้”
“ชีวิตของผมในตอนนี้ กว่าจะได้มาไม่ง่าย พูดกันจริงๆ เงินร้อยล้านมันยั่วยวนผมมาก ถ้าโอกาสเหมาะเจาะบางทีผมอาจจะลองเสี่ยง แต่ให้ผมฆ่าแมงป่อง ผมยังต้องรับมือเหล่าลูกสมุนของเขาต่ออีก ซึ่งมันยากมากสำหรับผม ใครก็ตามที่ฆ่าแมงป่อง คนพวกนั้นก็ไม่มีทางจะปล่อยมันลอยนวล” จางซินเฟยพูด
“เพราะงั้น ฉันถึงไม่ได้คิดจะให้นายฆ่าแมงป่อง แมงป่องตายได้โดยที่นายไม่ต้องออกมือ ที่ฉันต้องการคือคนของฉันที่สามารถรับมือกับพวกสมุนของแมงป่องได้”
ความจริงหยิ่นเจิ้งต้องการชักใยหุ่นเชิดขึ้นไปแทน
“แล้วทำไมถึงเรียกผม? คนที่เหมาะสมกว่าผม มีตั้งเยอะแยะนะครับ?” จางซินเฟยถาม
“ฉันคิดว่านายเหมาะสมที่สุด หนึ่ง ฉันรู้จักพื้นเพครอบครัวนายดี สอง ในบรรดาลูกน้องของแมงป่อง นายไม่ได้นับว่าเป็นสายเลือดของเขา ถ้าฉันไปหาพวกพี่น้องสายเหลือดพวกนั้น ความเสี่ยงก็จะยิ่งมากขึ้นไปอีก ถ้าถูกปฏิเสธ แผนการของฉันก็จะถูกเปิดโปงไปถึงหูแมงป่อง แต่ถ้าเป็นนายฉันไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ และนอกจากพี่น้องสายเลือดพวกนั้น ฉันก็มีตัวเลือกไม่มาก ซึ่งนายเหมาะสมที่สุด”
หยิ่นเจิ้งพูด “เป็นไง? ถ้านายยอมรับปาก ฉันจะรับประกันว่าหลังจบเรื่อง สิ่งที่นายจะได้ไม่ใช่แค่เงินร้อยล้าน”
“ช่างเถอะ ผมขอปฏิเสธ เงินก้อนนั้น ผมกลัวว่าจะไม่ทันได้ใช้มากกว่า ชีวิตของผมตอนนี้ก็ดีมากแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปเสี่ยงตายขนาดนั้น”
“ทั้งหมดที่คุณพูดมา ความเป็นไปได้ที่จะชนะ เกรงว่าคงมีไม่ถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำมั้งครับ?” จางซินเฟยขมวดคิ้วมองหยิ่นเจิ้ง
“ใช่ อย่างมากก็แค่สิบเปอร์เซ็นต์จะว่าไปนี่มันเป็นภารกิจที่มีโอกาสรอดแค่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น” หยิ่นเจิ้งพูด
“แล้วคุณก็ยังให้ผมทำ คุณคิดจะฆ่าผมใช่ไหม?” จางซินเฟยเริ่มโมโห “ถึงผมจะรักเงิน แต่ผมรักชีวิตของผมมากกว่า”
จางซินเฟยพูดจบ ก็เตรียมจะเดินออกจากห้องทำงานของหยิ่นเจิ้ง ในขณะที่พี่ชาย จางซินหยู่ไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว แล้วก็ไม่ได้โน้มน้าวใจน้องชาย
เพียงแต่ ตอนที่จางซินเฟยเดินไปถึงหน้าประตู เตรียมจะก้าวขาออก หยิ่นเจิ้งก็พูดหัวเราะออกมา “นายจะก้าวขาออกไปก็ได้ แต่คิดให้ดีล่ะ ตั้งแต่วินาทีที่นายเดินเข้ามาในห้องนี้ รวมทั้งตอนที่เดินออกจากที่นี่ไปแล้ว ถ้าเรื่องนี้ไปถึงหูของแมงป่องเข้า นายคิดว่าแมงป่องจะจัดการกับนายยังไง?”
จางซินเฟยหันกลับมา แววตาเย็นชามองไปยังหยิ่นเจิ้ง “คุณวางกับดักผม?”