NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่714 แกห้ามฉันไม่ได้หรอก
ตอนนี้แมงป่องขึ้นลิฟต์มาแล้ว
ฉ่างจื่อตามติดแมงป่องมาติดๆ คอยคุ้มกันความปลอดภัยของแมงป่องอย่างดี
คนในลิฟต์ไม่เยอะ มีแค่วัยรุ่นไม่กี่คน และไอ้หน้าหนวด
ไอ้หน้าหนวดไม่ได้แต่งตัวอะไรเป็นพิเศษ เพราะเขาไม่จำเป็นต้องกลัวว่าสถานะจะถูกเปิดเผย
จนกระทั่งลิฟต์มาถึงที่หมาย ไอ้หน้าหนวดก็ยังหาโอกาสลงมือไม่ได้
แต่แน่นอนว่าเขาไม่ได้หลุดโฟกัสเลย ไม่แม้แต่จะปรายสายไปทางอื่น
ห้องทำงานหยิ่นเจิ้งอยู่ชั้นบนสุดของตึก ในขณะลิฟต์มาสูงสุดได้แค่สองชั้นสุดท้ายก่อนจะถึง
ชั้นที่เหลือต้องเดินขึ้นทางบันไดเท่านั้น
วินาทีที่ประตูลิฟต์เปิด หลายคนก็อัดกันเข้ามา จนชนเข้ากับแมงป่องกับฉ่างจื่อ
“แม่งเอ้ย อยากตายหรือไง ไม่แหกตาดูบ้างว่ามีคนหรือเปล่าก็พุ่งเข้ามา?”
ฉ่างจื่อถลึงตามองคนที่พุ่งเข้ามาในลิฟต์ แล้วก่นด่า
ส่วนแมงป่องแค่พูดว่าช่างเถอะคำนึง แล้วก้าวขาเตรียมจะออกจากลิฟต์
คนสองสามคนสวมแว่นตา ใส่ชุดทำงาน แมงป่องที่แม้จะระวังตัวมากก็ไม่ได้สัมผัสถึงความผิดปกติแต่อย่างใด ดังนั้นเขาจึงผ่อนคลายลง
บริษัทตระกูลหยิ่น พนักงานชายมักจะสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว ดังนั้นหากจะซ่อนอาวุธปืนย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย
และดูท่าทางของพวกเขา ที่ค่อนข้างอ่อนโยนนุ่มนิ่ม ดูยังไงก็ไม่ใช่คนที่เป็นวิทยายุทธ์หรือมีแผนการอะไร
แมงป่องใช้ชีวิตมานานขนาดนี้ แน่นอนว่าสายตาย่อมหลักแหลมอย่างมาก
แต่เขาคงคิดไม่ถึงว่า ที่ด้านหลังของตัวเองมีมีดคมกริบเล่มนึงกำลังถูกชักออกมา
“เฮ้!”
ไอ้หน้าหนวดตบบ่าแมงป่อง วินาทีที่แมงป่องเพิ่งรู้สึกตัวและหันกลับไป มีดในมือของไอ้หน้าหนวดก็ทิ่มเข้าไปในหน้าอกของแมงป่องแล้ว
ขณะที่ภายในลิฟต์เกิดความอลหม่านขึ้น ไอ้หน้าหนวดก็ทิ้งระเบิดควันแล้วฉวยโอกาสหลบหนีไป
เมื่อควันระเหยไปจนหมด ร่างของไอ้หน้าหนวดก็ไม่อยู่แล้ว
สีหน้าของแมงป่องเย็นยะเยือก
ส่วนฉ่างจื่อก็ช่วยพยุงแขนข้างนึงของแมงป่อง “ผมจะพาคุณพ่อไปโรงพยาบาล”
“ไม่ต้อง แผลแค่นี้ไม่ถึงตายหรอก โทรเรียกหมอส่วนตัวมาก็พอ” แมงป่องพูดเสียงเย็น “ขึ้นไป”
ฉ่างจื่อพยักหน้าเล็กน้อย แล้วโทรออก
เมื่อปลายสายรับ ฉ่างจื่อก็พูด “จับตาดูให้ดี คอยจับตาดูชายวัยกลางคนไว้หนวดอายุประมาณสามสิบห้า ถ้าเจอมันออกจากบริษัทตระกูลหยิ่นเมื่อไหร่ จับตัวมันมาให้ฉัน”
ฉ่างจื่อพูดกับสวีเจ๋จบก็วางสาย แล้วต่อสายถึงหมอส่วนตัว
“คุณพ่อโดนแทง หยิบกล่องยาฉุกเฉินแล้วรีบมา สถานที่คือบริษัทสำนักงานใหญ่ของตระกูลหยิ่น รีบมาด่วนๆ” ฉ่างจื่อพูดเสร็จพลันก็รีบวางสายแล้วหันมาพยุงแขนของแมงป่อง “ไม่เป็นอะไรแน่นะครับคุณพ่อ?”
“ไม่เป็นไร ตอนที่ไอ้บ้านั่นมันแทงฉันใช้มือกั้นไว้ก่อน ก็เลยไม่ได้บาดเจ็บอะไรมาก แผลไม่ได้ลึกไม่ถึงกับตาย อย่างมากก็แค่นอนพักสองวัน”
แมงป่องส่ายหน้า “ไม่คิดเลยว่าแค่โผล่มาที่นี่ก็โดนจับตาเข้าจนได้”
แมงป่องเริ่มรู้สึกคิดผิด ถ้ารู้ว่าแต่งตัวปกปิดแบบนี้แล้วยังตกเป็นเป้า เขาคงเอาบอร์ดี้การ์ดมาด้วยสักสิบคน
ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนคอยเคลียร์ทางให้อยู่ตลอด ตัวเองก็คงไม่ถูกลอบทำร้าย
“คุณพ่อ เรื่องที่พวกเราจะมา นอกจากไอ้แก่เจ้าเล่ห์หยิ่นเจิ้งก็ไม่มีใครรู้อีก คุณพ่อคิดว่าเป็นฝีมือมันหรือเปล่าครับ?” ฉ่างจื่อขมวดคิ้ว
“เหอะๆ การมาของเราครั้งนี้มีแค่คนสองคนที่รู้ คือนายกับหยิ่นเจิ้ง” แมงป่องยิ้มแข็งทื่อ
“นี่คุณพ่อสงสัยแม้กระทั่งผม?” ฉ่างจื่อตะลึง ดวงตาเบิกกว้าง
“นายเป็นลูกชายบุญธรรมของฉัน ฉันจะสงสัยนายได้ยังไง? แต่ที่นี่เป็นบริษัทของหยิ่นเจิ้ง ถ้ามันฆ่าฉันที่นี่จริง มันไม่กลัวผลที่จะตามมาหรอ? หรือจะบอกว่ามันโดนฉันบีบจนหมดทางเลือก?” แมงป่องพูดด้วยความเย็นชา
“แต่ก็มีความความไปได้อยู่ รอบนี้เราโจมตีไปที่ลูกชายมัน ถ้าไอ้แก่เจ้าเล่ห์นั่นจะเสียสติทำอะไรไม่ไตร่ตรองเพื่อปกป้องลูก ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้” ฉ่างจื่อพูด
แมงป่องพยักหน้า “ก็มีเหตุผล”
“หยิ่นเจิ้งเป็นคนเจ้าเล่ห์ ที่ผ่านมาแสร้งทำเป็นอ่อนแอ ใครจะคิดว่าพอมันร้ายขึ้นมาก็จะโหดเหี้ยมได้ขนาดที่จะเอาฉันให้ตาย”
แมงป่องขมวดคิ้ว หากเมื่อครู่เขาไม่ได้ยื่นมืออกไปป้องกันตัว มีดเล่มนั้นคงทะลุเข้าถึงกลางหัวใจไปแล้ว
“แม่งเอ้ย ไอ้สารเลวนี่ ฉันไม่ปลอดมันไปแน่”
เดิมทีแมงป่องตั้งใจจะมาจัดการกับหยิ่นเหล่ย แต่พอมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น เขาก็เริ่มมีความคิดจะลงมือกับหยิ่นเจิ้งแล้ว
ถึงแม้ว่าหากเขาทำแบบนั้น ผลที่ตามมาอาจจะหนักหน่วง แต่ในเมื่ออีกฝ่ายถึงกับลงมือฆ่าเขา งั้นแมงป่องยังต้องกลัวอะไรอีก?
แมงป่องค่อยๆเดินขึ้นไป และจุดที่เขายืนอยู่คือหน้าประตูห้องของเลขาหยิ่นเจิ้ง
เมื่อเห็นแมงป่อง เลขาของหยิ่นเจ้งก็ยิ้มแห้ง “คุณหยิ่นกำลังจัดการเรื่องสำคัญอยู่ ได้โปรดไปรอที่ห้องรับแขกก่อนนะครับ”
“ฉันเพิ่งชงกาแฟเสร็จพอดีเลยครับ”
แมงป่องยิ้มเย็นยะเยือก “ไม่ต้อง เมื่อกี๊คุณหยิ่นของแกเพิ่งจะทำการต้อนรับฉันมา ไม่จำเป็นต้องต้อนรับอีกเป็นครั้งที่สอง”
เลขาของหยิ่นเจิ้งมองหน้าแมงป่องด้วยความงุนงง “ลูกพี่แมงป่องหมายความว่ายังไงครับ?”
“เหอะๆ คิดจะเล่นละครไปอีกนานแค่ไหน? แกเป็นลูกน้องคนสนิทของหยิ่นเจิ้ง โตมาด้วยกัน มันทำอะไรคิดอะไรคงไม่มีทางปิดบังแกมั้ง? ฉันชักจะสงสัยแล้วสิว่าแผนลอบฆ่าเมื่อกี๊ แกจะเป็นคนจัดการ”
แมงป่องพูด พร้อมกับเปิดเสื้อออกจนเห็นช่วงท้อง
เลขาของหยิ่นเจิ้งเห็นเลือดที่หน้าท้องของแมงป่อง ก็พูดขึ้นกระวนกระวาย “ลูกพี่แมงป่องบาดเจ็บหรอครับ?”
“ทำไม? จะแกล้งตีหน้าซื่อหรอ? สนุกมากไหม? ฉันโดนลอบทำร้ายในลิฟต์ของบริษัทพวกแก จะบอกว่าไม่รู้เรื่องหรือไง?”
“คนลงมือ ที่หน้าอกของมันปักตราบริษัทของพวกนาย ยิ่งไปกว่านั้นพวกพนักงานคนอื่นๆยังร่วมมือกันเพื่อโจมตีฉัน”
แมงป่องพูดเสียงเย็น “อะไร? ยังไม่หยุดเล่นละครงั้นสิ?”
“ผม ผมไม่ได้เล่นละคร ลูกพี่แมงป่องผมว่านี่ต้องเป็นความเข้าใจผิดแน่” เลขาของหยิ่นเจิ้งพูด
“ในเมื่อเป็นความเข้าใจผิด งั้นแกก็รีบไปตามหามือฆ่านั่นมายืนตรงหน้าฉัน แล้วให้มันบอกฉันด้วยปากของมันว่าตกลงฉันเคยไปมีความแค้นอะไร แล้วใครเป็นคนบอกมันว่าฉันจะมา”
แมงป่องขมวดคิ้ว “ไอ้เวรนั่นมันซ่อนมีดไว้ก่อนแล้ว เห็นได้ชัดว่าเตรียมการจะฆ่าฉัน”
“คนที่รู้การมาของฉันในวันนี้ นอกจากไอ้แก่เจ้าเล่ห์หยิ่นเจิ้ง ก็มีแค่ลูกบุญธรรมของฉัน หรือแกจะบอกว่าฉันควรสงสัยลูกชายบุญธรรมงั้นสิ?”
แมงป่องพูดเสียงเย็นชา
เลขาหยิ่นเจิ้งรีบพูดบ้าง “ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะรีบไปเช็คกล้องวงจรปิดเดี๋ยวนี้ แล้วจะมารายงานคุณ ผมอยากให้ลูกพี่แมงป่องเชื่อพวกเรา คุณหยิ่นเป็นนักธุรกิจใสสะอาด ไม่มีทางลงมือทำอะไรแบบนั้นกับคุณได้ ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่เป็นเขตของเรา ถ้าคุณเป็นอะไรไปในที่นี้ ลูกน้องทุกคนของคุณคงได้แห่กันมาล้อมบริษัทเราอยู่แล้วไม่ใช่หรอครับ? พวกเราทำธุรกิจ เราผูกมิตรก็เพื่อความร่ำรวย อะไรที่ทำแล้วไม่ส่งผลดี เราคงไม่ทำหรอกครับ”
“หวังว่าลูกพี่แมงป่องจะลองไตร่ตรองดูดีๆ โดยเฉพาะลูกชายบุญธรรมของคุณเอง”
เลขาหยิ่นเจิ้งกระแอมสองสามที “ถ้าผมเดาไม่ผิด หลังจากที่คุณตาย คนที่จะได้ขึ้นสืบทอดตำแหน่งต่อก็คือลูกชายบุญธรรมของคุณสินะ?”
“เพราะงั้น ถ้าคุณตายไป ใครจะได้รับผลประโยชน์มากที่สุด ก็จะยิ่งน่าสงสัยที่สุด”
เลขาของหยิ่นเจิ้งยิ้มร้าย เขาหมุนหัวลูกศรไปที่ฉ่างจื่อทันควัน ส่วนฉ่างจื่อที่ฟังอยู่ก็โมโห เขากำหมัดแน่นแล้วชกเข้าที่หน้าของเลขาอย่างจัง
เลขาของหยิ่นเจิ้งไม่ได้หลบ เขาถูกต่อยจนล้มไปกับพื้นแล้วอยู่ในสภาพนั้นไม่ลุกขึ้น
เลขาของหยิ่นเจิ้งถูกต่อยจนฟันหลุดไปสองซี่ เขาชี้หน้าฉ่างจื่อแล้วพูด “โมโหกลบเกลื่อนงั้นสิ? หรือที่ผมพูดมันแทงใจดำคุณ?”
“ผมก็แค่คาดเดาไม่มีหลักฐานอะไร ทำไมคุณต้องรีบร้อนจะปิดปากผมขนาดนั้นเลยหรอ?” เลขาของหยิ่นเจิ้งหัวเราะหึ
“ไอ้คนตอแหล”
ฉ่างจื่อเตรียมจะใส่เข้าไปอีกหมัด แต่แมงป่องห้ามไว้ก่อน “ไม่ต้องเดือดดาลขนาดนั้น ฉันไม่มีทางเชื่อคำพูดแถกลบเกลื่อนของมันอยู่แล้ว”
“จัดการประเด็นหลักกันก่อนเถอะ”
แมงป่องก้มมองหน้าเลขาที่นั่งอยู่บนพื้น “ทำไม ที่ไม่ให้ฉันเข้าไปเพราะไอ้เด็กเปรตหยิ่นเหล่ยนั่นมันอยู่ข้างในงั้นสินะ?”
“แกห้ามฉันไม่ได้หรอก”