NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่849 ยาเพิ่มพลังความแข็งแกร่ง
ยาเพิ่มพลังความแข็งแกร่ง เป็นตัวยาชนิดหนึ่งที่บริษัท HTไบโอไซเอนซ์ จำกัด ผลิตขึ้นสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกาย เพิ่มผลังมหาศาลให้กับคนธรรมดาได้
ถ้าจะให้เปรียบเทียบ นี่เป็นตัวยาของทีมสหรัฐฯ เวอร์ชันที่อ่อนลง
“จากที่ฉันรู้มา ตระกูลหลี่ของนายก็มีตัวยาที่คล้ายกันอยู่ในมือ ประสิทธิภาพยอดเยี่ยมกว่ายาเพิ่มพลังความแข็งแกร่งชนิดนี้เสียอีก สามารถทำให้คนที่ไม่เคยฝึกวิทยายุทธมาก่อนอย่างนายเปลี่ยนเป็นคนละคนภายในเวลาไม่กี่วัน จนกลายเป็นยอดฝีมือกำลังภายในที่พบเจอได้ยาก”
หลิวฮุยกล่าวอย่างช้า ๆ อยู่ที่ข้างหูของหลี่ฝาง: “บอกความจริงกับนาย จริง ๆ แล้วตัวยาที่คล้ายกันนี้ทุกคนต่างก็ได้มีการศึกษาค้นคว้า เพียงแต่ว่ามีบางคนที่ทำแล้วสำเร็จ บางคนทำแล้วไม่สำเร็จ บางคนทำสำเร็จแล้วแต่เก็บเป็นความลับ
นายคิดว่าทำไมหลอซ่าพ่อของนายถึงได้ถูกกองกำลังต่าง ๆ จับตามอง เพียงแค่เพราะฝีมือความสามารถของพ่อของนายเหรอ? ยอดฝีมือกำลังภายในถึงจะมีเพียงน้อยนิด แต่ถ้าใช้พลังจากเบื้องบนค้นหาก็สามารถหาเจอได้ ทุกคนต่างก็โหยหายาปรับปรุงยีนที่อยู่ในมือตระกูลของนายพวกนั้น แต่เพียงเพราะว่าฝีมือพ่อของนายแข็งแกร่งพอ ถึงยังคงสามารถรักษาเอาไว้ได้จนถึงทุกวันนี้”
“แล้วคุณยังจะให้ผมเข้าไปสัมผัสกับบริษัท HTไบโอไซเอนซ์ จำกัดอีกเหรอ? คุณคงจะไม่เอาผมไปผ่าพิสูจน์หรอกนะ?” หลี่ฝางยิ้มอย่างขมขื่น
“เรื่องนี้แล้วแต่นายจะคิด จะไม่หรือไม่นายเป็นคนตัดสินใจเอง” หลิวฮุยยักไหล่เล็กน้อย สีหน้าที่ทางที่ไม่แยแสนั่นของเขาทำให้หลี่ฝางมองแล้วอยากจะต่อยเข้าไปที่หน้าของเขาสักหมัด
“บริษัท HTไบโอไซเอนซ์ จำกัดอยู่ที่เมืองเป่ยไห่ ที่นี่ถูกโจมตีหลังจากที่ผมจากไปจะทำยังไง?”
“นายวางใจได้ ในช่วงเวลาก่อนที่นายจะกลับมา ฉันรับรองว่าที่นี่จะปลอดภัย” เมื่อได้ยินเอ่ยปาก หลิวฮุยก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลี่ฝางทอดถอนใจ: “ดูเหมือนว่าจะไม่มีเหตุผลอะไรให้ผมปฏิเสธ”
……
บริษัท HTไบโอไซเอนซ์ จำกัด ในเวลานี้กำลังถูกกองกำลังต่าง ๆ ซุ่มมองอยู่
สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกายได้มาก ทำให้คนธรรมดาที่ไม่เคยฝึกวิทยายุทธมาก่อนมีพลังของคนที่ฝึกวิทยายุทธ ยาชนิดนี้เดิมทีก็เป็นตัวแทนของปาฏิหาริย์ ถ้าหากสามารถได้รับการยืนยันและนำไปผลิตได้ วงการหมอทหารจะต้องเกิดความปั่นป่วนโกลาหลแน่นอน
พอถึงตอนนั้น บริษัท HTไบโอไซเอนซ์ จำกัด ก็สามารถใช้โอกาสนี้เพิ่มขนาดให้กับบริษัทได้ หรือแม้กระทั่งงัดข้อกับบริษัทผลิตยาที่ยิ่งใหญ่จนไม่อาจเทียบได้พวกนั้น ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
แต่หลี่ฝางคิดว่าความเป็นไปได้ชนิดนี้ค่อนข้างต่ำ เพราะจะว่ายังไงบริษัท HTไบโอไซเอนซ์ จำกัด ในตอนนี้ก็มีขนาดเพียงแค่เท่านั้นเอง ไม่มีที่พึ่งและความสามารถที่มากพอ การที่สามารถพัฒนาค้นคว้ายาชนิดนี้ออกมาได้ ถ้าหากจัดการได้ไม่ดีพอ อาจจะเป็นการนำภัยพิบัติมาให้ก็ได้
เช่นเดียวกับมันเผาที่ร้อนมือ คิดจะถือมันไว้ในมืออย่างน้อยจะต้องไม่กลัวร้อนถึงจะได้
ถ้าหากยอมให้กองกำลังเหล่านั้นแข่งขันกันตามอำเภอใจ บางที HT อาจจะถูกบีบออกและสูญเสียอำนาจ กลายเป็นหุ่นเชิด อาจจะได้เงินเป็นค่าตอบแทนบ้าง แต่ก็เพียงแค่นี้เท่านั้นเอง
นี่ยังถือว่าเป็นผลลัพธ์ที่ค่อนข้างจะดี
ผู้มีอำนาจแห่งบริษัท HTไบโอไซเอนซ์ จำกัดเองก็ได้ตระหนักถึงปัญหานี้ ดังนั้นพวกเขาก็เลยเลือกที่จะเข้าพึ่งพากองกำลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ถ้าหากโชคดี ผู้มีนำนาจของบริษัท HTไบโอไซเอนซ์ จำกัด เกาจื้อสิง กลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของโลกเกรงว่าคงเป็นไปไม่ได้ แต่ว่าทำให้สถานะทางสังคมของตัวเองสูงขึ้นกว่าเดิมหลายขั้น และได้รับสิ่งที่สำคัญกว่าสถานะทางสังคม ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
บริษัท HTไบโอไซเอนซ์ จำกัดไม่ได้ส่งผลอะไรมากต่อโลกใบนี้ แต่กลับมีขนาดใหญ่พอสมควรที่เมืองเป่ยไห่ ครอบครองตึกขนาดใหญ่ทั้งตึก อีกทั้งยังมีห้องทดลองที่สมบูรณ์แบบ
ภายในห้องทดลองของบริษัทในเวลานี้ ชายสูงวัยที่อายุใกล้เคียงกันสองสามคน กำลังยืนล้มรอบหญิงสาวคนหนึ่งอยู่ และมองดูอะไรบางอย่างอย่างตั้งอกตั้งใจ
ดูจากชุดคลุมสีขาวที่พวกเขาสวมอยู่แล้ว คนพวกนั้นน่าจะเป็นพนักงานในห้องทดลองแห่งนี้
“เฮ้อ! ล้มเหลวอีกแล้ว”
ที่ด้านข้างของคนเหล่านั้น ยังมีชายวัยกลางคนสวมชุดสูทอยู่คนหนึ่งอยู่ เมื่อได้เห็นควันสีขาวลอยออกมาจากหลอดทดลองในมือของหญิงสาว ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจติดต่อกัน
“ทดลองมาตั้งหลายครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จสักที เกรงว่าพวกเราคงหาสิ่งที่ใช้ทดแทนวัตถุดิบหลักไม่ได้แล้ว” หญิงสาวที่ถูกล้อมอยู่ตรงกลางขมวดคิ้วเล็กน้อย เป็นที่ประจักษ์ว่าเธอไม่พอใจกับผลลัพธ์นี้เป็นอย่างมาก
“ถ้าหากยังหาวัตถุดิบที่ใช้ทดแทนไม่ได้ล่ะก็ ต้นทุนที่สูงแบบนั้นเป็นตัวกำหนดแล้วว่าไม่สามารถผลิตยาชนิดนี้จำนวนมากได้ การลงทุนทุกอย่างของพวกเราก็จะเสียเปล่าทันที”
“เมิ่งฉี แบบนี้ถือว่าดีมากแล้ว ต่อให้ไม่สามารถผลิตจำนวนมากได้ ก็ยังมีคนที่ยอมควักเงินในกระเป๋าอยู่ดี ในเวลานี้เธอไม่จำเป็นต้องใจร้อน ค่อยเป็นค่อยไป สำเร็จก็ดี ไม่สำเร็จก็ไม่เป็นไร”
ชายวัยกลางคนเอ่ยปลอบโยน แต่ทว่าหญิงสาวคนนั้นกลับทอดถอนใจ เป็นที่ประจักษ์ว่าคำพูดของชายวัยกลางคนไม่สามารถโน้มน้าวเธอได้
เธอเข้าใจดี ถ้าหากยาเพิ่มพลังความแข็งแกร่งตัวนี้ไม่สามารถผลิตจำนวนมากได้ ประโยชน์ที่สามารถนำมาให้นั้นก็จะลดลงไปมาก
เพราะถึงยังไงราคาต้นทุนที่สูงของมันนั้น แม้แต่พวกมหาเศรษฐีเหล่านั้น ก็ไม่เห็นว่าจะทำออกมาได้มากสักเท่าไหร่ สำหรับบริษัทของพวกเขา ทดลองค้นคว้ามานานขนาดนั้น ได้สูญเสียผลกำไรของบริษัทในหลายปีที่ผ่านมาไปเกือบทั้งหมด ก็ทำออกมาได้เพียงแค่หนึ่งชิ้นเท่านั้นเอง
“โครม!”
ในตอนนั้นเอง ก็ได้มีเสียงดังโครมครามมาจากด้านนอกของห้องทดลอง ทำให้ทุกคนตื่นตกใจขึ้นมาพร้อมกัน
“เกิดอะไรขึ้น?”
ชายวัยกลางคนพลันรู้สึกตัวขึ้นมา เขารีบร้องตะโกนไปทางยามรักษาการณ์ของที่นี่ทันที
“อ๊าก!”
เสียงตอบรับที่คาดการณ์ไว้ไม่ได้ดังขึ้นอย่างที่คิด มีเพียงแต่เสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดลอยมา ดังกึกก้องอยู่ในหูของทุกคน
จากนั้นไม่นาน กลุ่มชายฉกรรจ์ที่สวมหน้ากากปิดบังใบหน้าเอาไว้ ก็ได้บุกเข้ามาจากด้านนอก
คนพวกนี้ต่างก็สวมชุดดำเหมือนกันหมด ในมือถืออาวุธอยู่ บนร่างกายของแต่ละคน ต่างก็มีรอยเลือดปรากฏอยู่ไม่มากก็น้อย
พวกมันเดินอย่างอาจหาญ เข้ามาจากทางหน้าประตูของห้องทดลอง ราวกับว่ายามรักษาการณ์ราวสิบคนคนที่เฝ้ายามอยู่ด้านนอกนั้น ไม่มีตัวตนอยู่
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นการบอกพวกเขา ว่ายามรักษาการณ์ที่อยู่ด้านหน้านั้นได้ถูกพวกมันจัดการไปหมดแล้ว ต่อให้ยังไม่ตาย แต่ก็ได้สูญเสียพลังในการตอบโต้ไปหมดแล้ว ไม่มีทางที่จะขัดขวางคนพวกนั้นเอาไว้ได้อีก
“พบกันครั้งแรก กรุณาชี้แนะด้วย”
คนที่ยืนอยู่ด้านหน้าของกลุ่มคนเหล่านั้น เป็นชายที่ใส่หน้ากากกุ่ยเมี่ยนคนหนึ่ง
มีความสูงประมาณร้อยเจ็ดสิบห้าเซนติเมตร เขาพูดภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว ผมของเขาถูกวีอย่างพิถีพิถัน ไม่เหมือนกับคนที่พึ่งบุกเข้ามาจากด้านนอกเลยสักนิด
หัวใจของชายวัยกลางคนค่อย ๆ จมดิ่งลง เขารู้ว่า ในที่สุดผลิตภัณฑ์ของตัวเองก็ได้ดึงดูดการคุกคามเข้ามาจนได้ และเขาในตอนนี้ไม่มีกำลังที่จะต่อต้านเลยสักนิด
“พวกแกเป็นใคร?”
กลับเป็นหญิงสาวที่สวมชุดคุมสีขาวคนนั้นเดินขึ้นไปด้านหน้า แล้วเอ่ยถามกุ่ยเมี่ยน
“พวกเราเป็นเพียงแค่นักธุรกิจที่เดินทางไปทั่วทุกที่ ถ้าทำให้พวกคุณตกใจ ต้องขออภัยด้วย”
กุ่ยเมี่ยนท่าทางสุภาพ เขาแสดงมารยาทที่เป็นสุภาพบุรุษมากต่อทุกคน
“นักธุรกิจเหรอ?”
หญิงสาวท่าทางตกตะลึง
นักธุรกิจแบบไหนถึงได้มีท่าทางแบบนี้? ทำธุรกิจเกี่ยวกับชีวิตคนหรือยังไงนะ?
“ไป เฝ้าหน้าประตูไว้ อย่าให้คนอื่นเข้ามา”
ไม่ได้สนใจอาการตกตะลึงของหญิงสาว หลังจากที่กุ่ยเมี่ยนได้ออกคำสั่งกับสองคนที่อยู่ด้านหลังโดยไม่หันหลังกลับแล้ว ก็เดินตรงเข้ามาทางทุกคน
หญิงสาวสังเกตเห็น สายตาของกุ่ยเมี่ยนจ้องมองไปที่มุมมุมหนึ่งของโต๊ะทดลองอยู่ตลอดเวลา และได้เดินตรงเข้าไปที่นั่น
หญิงสาวข่มความกลัวภายในใจเอาไว้ ก่อนที่กุ่ยเมี่ยนจะเดินไปถึงตรงนั้น เธอก็ได้พุ่งตัวเข้าไปถึงก่อน และคว้าเอาหลอดยาที่วางอยู่ข้างบนมาทันที
“อย่าเข้ามานะ ไม่อย่างนั้นละก็ฉันจะทำลายมันทิ้งซะ”