NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่854 วิเคราะห์สถานการณ์
ต่อให้หลี่ฝางได้เตรียมความพร้อมมาอย่างดี เขาไม่กล้าพูดได้ว่าเมื่อตัวเองต้องเผชิญหน้ากับฮาโรลด์จะสามารถมีชีวิตรอดมาได้หรือไม่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเขาทั้งต้องคอยคุ้มครองความปลอดภัยของเกาเมิ่งฉี ทั้งยังต้องคอยป้องกันการลอบสังหารจากฮาโรลด์ที่ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่
เมื่อนึกถึงว่ามีนักฆ่าระดับโลกคนหนึ่งได้คอยซุ่มแอบมองตัวเองอยู่ในที่มืด หรือแม้กระทั่งได้ซุ่มมองตัวเองอยู่ในเงามืดตั้งแต่ตอนนี้แล้ว ดีฟังก็รู้สึกปวดสมองขึ้นมา เขากลัวจนตัวสั่น
“คุณยังไม่ได้ทานอะไรใช่ไหม?”
ในขณะที่หลี่ฝางกำลังจมอยู่ในพวังแห่งความคิดนั่นเอง เกาเมิ่งฉีก็ได้เดินเข้ามาแล้วยื่นอาหารให้กับหลี่ฝาง
ในใจของหลี่ฝางหนักอึ้งขึ้นมา เขาขมวดคิ้วพลางเอ่ยถาม: “คุณออกไปซื้อมาตั้งแต่ตอนไหน?”
“เมื่อ……เมื่อกี้นี้เอง……”
ท่าทางจริงจังของหลี่ฝางทำให้เกาเมิ่งฉีรู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย เธอรีบตอบคำถามทันที
หลี่ฝางถอนหายใจเบา ๆ และไม่ได้กล่าวตำหนิอะไร เขาเพียงแค่กล่าวขึ้นมา: “เป็นความผิดของผมเอง”
“สถานะของคุณได้ถูกเปิดเผยไปแล้ว ตอนนี้ผู้คนมากมายได้แอบอยู่ในความมืดเตรียมที่จะลงมือกับคุณ ดังนั้นระยะนี้ห้ามไปไหนมาไหนตัวคนเดียวเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นละก็จะต้องอันตรายมากแน่”
เมื่อกี้เกาเมิ่งฉีได้บอกกับหลี่ฝางแล้วว่าเธอจะออกไป แต่ที่เธอบอกคือจะไปเข้าห้องน้ำ
แน่นอนว่าหลี่ฝางไม่อาจตามเธอไปเข้าห้องน้ำด้วย คิดไม่ถึงว่าเธอจะออกไปโดยที่ไม่บอกไม่กล่าวแบบนี้
ไม่รู้ว่าในเมืองเป่ยไห่ในตอนนี้มีกองกำลังมากมายแค่ไหนที่คอยจับตามองเกาเมิ่งฉีอยู่ หลี่ฝางคิดว่าจะให้เกาเมิ่งฉีคลาดสายตาของตัวเองไปไม่ได้เด็ดขาด ใครจะไปรู้ล่ะว่าเพียงเพราะความประมาทแค่ครั้งเดียว บางทีพอพบกันครั้งนี้ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของหลี่ฝางอาจจะเป็นร่างไร้วิญญาณของเกาเมิ่งฉีก็เป็นได้
แน่นอน ว่านี่ก็เป็นเพราะว่าหลี่ฝางไม่เคยทำงานสายนี้มาก่อน เขาที่เกิดมาเป็นคนธรรมดา แม้แต่การปกป้องตัวเองก็ยังเป็นปัญหาเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคุ้มครองคนอื่น
แต่โชคยังดี ที่อันตรายยังไม่ได้เกิดขึ้น
“โอเค ฉันฟังคุณ ทานอะไรก่อนเถอะ” เกาเมิ่งฉีพยักหน้า เธอยื่นอาหารส่งมาอีกครั้ง
เมื่อเห็นดังนั้น หลี่ฝางก็ไม่ได้เกรงใจอีก ไม่นานเขาก็ทานอาหารจนหมดเกลี้ยง
พอทานเสร็จ จู่ ๆ หลี่ฝางก็ลุกยืนขึ้นมา
“ไปกัน ไปปรึกษากับพ่อของคุณ พวกเราจะอยู่ในสภาพจนตรอกแบบนี้ต่อไปไม่ได้”
“คุณหลี่!”
เพราะความเจ็บปวด เกาจื้อสิงนอนไม่ค่อยจะหลับตลอดทั้งคืน หลี่ฝางเพิ่งจะเดินเข้ามา เขาก็ตื่นขึ้นมาทันที
เหลือบมองเกาจื่อหมิงที่นั่งสะลึมสะลืออยู่ด้านข้าง หลี่ฝางหันไปทางเกาจื้อสิงที่ยังคงสีหน้าซีดเซียว แล้วกล่าวขึ้นมาอย่างจริงจัง: “ตอนนี้ปัญหาใหญ่ขึ้นมาเรื่อย ๆ ผมไม่สามารถปกป้องพวกคุณได้ตลอดเวลา พวกคุณรีบตัดสินใจเถอะ”
พูดจบ หลี่ฝางก็พูดเสริมขึ้นมาอีกครั้ง: “ตอนนี้คนที่จับตามองพวกคุณเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ต่อให้เป็นผมก็ไม่สามารถคุ้มครองพวกคุณได้ทุกด้าน”
หลังจากที่หลี่ฝางพูดจบ สีหน้าของเกาเมิ่งฉีก็เปลี่ยนเป็นไม่ค่อยจะดีนัก
ในตอนที่เธอออกไปซื้อของนั้นเธอก็ได้สัมผัสถึงสายตาที่แปลกประหลาดกำลังจับจ้องมองเธออยู่
“สถานการณ์เลวร้ายถึงขั้นนี้แล้วเหรอ?”
สีหน้าของเกาจื้อสิงที่เดิมทีก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก ตอนนี้ยิ่งซีดเซียวไปหมด
เขารู้สึกเหมือนว่าตัวเองได้ประเมินแรงดึงดูดของไพ่ในมือที่ตัวเองถืออยู่นั้นต่ำไป
“ไม่เพียงเท่านี้ เกรงว่าตอนนี้มีกองกำลังมากมายที่กำลังเดินทางมาที่นี่ หากล่าช้าไปกว่านี้ สถานการณ์ของคุณจะต้องยิ่งอันตรายขึ้นไปอีก”
หลี่ฝางพิจารณาสีหน้าของเกาจื้อสิงอย่างละเอียด รู้สึกว่าเขายังจะไม่ค่อยเข้าใจว่าสถานการณ์ในตอนนี้นั้นรุนแรงแค่ไหน ทำได้เพียงทอดถอนใจและอธิบายต่อ
“ที่สำคัญที่สุดก็คือ ทุกคนต่างก็คิดว่าคุณมีเทคนิคในการผลิตยายาชนิดนี้ครั้งละจำนวนมากอยู่ในมือ ใครจับตัวคุณได้ คนนั้นก็จะได้ครอบครองกองกำลังทหารสุดยอดไว้ในมือ สำหรับคนที่มีความทะเยอทะยานอย่างคนพวกนั้น พวกเขาไม่อาจปฏิเสธแรงดึงดูดเช่นนี้ได้หรอก”
ถึงแม้หลี่ฝางจะรู้ว่ายาเพิ่มพลังความแข็งแกร่งนั้นไม่สามารถผลิตครั้งละจำนวนมากได้ แต่นอกจากเขาแล้วกลับไม่มีใครรู้เลยด้วยซ้ำ ดังนั้นถึงได้มีคนมากมายขนาดนี้บ้าคลั่งเสียสติเพราะมัน
จากที่หลี่ฝางดูแล้ว ถ้าให้คนข้างนอกพวกนั้นรู้ว่ายาชนิดนี้ไม่อาจผลิตได้ครั้งละจำนวนมากได้ อีกทั้งยังมีต้นทุนในการผลิตสูงลิบลิ่วถึงสองพันล้าน คิดว่าคงมีคนกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ล้มเลิกความคิดที่จะมาแย่งชิงมันไป
หลี่ฝางไม่รู้ว่าความหมายของข้างบนคือยังไงกันแน่ ตกลงแล้วพวกเขารู้ไหมว่ายาเพิ่มพลังความแข็งแกร่งนี่สามารถผลิตครั้งละมาก ๆ ได้หรือเปล่า แต่เขารู้สึกว่าท่าทีของข้างบนไม่ค่อยแน่นอน เหมือนกับว่าจะไม่ค่อยให้ความสำคัญกับยาเพิ่มพลังความแข็งแกร่งนี้สักเท่าไหร่ ไม่อย่างนั้นละก็ต่อให้พนักงานขาดแคลนแค่ไหน ก็ไม่มีทางที่จะให้คนภายนอกอย่างหลี่ฝางมาคุ้มครองเกาเมิ่งฉี
“งั้นคุณหลี่มีความคิดเห็นยังไง?”
เกาจื้อสิงขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าจะเข้าใจสถานการณ์ในปัจจุบันขึ้นมาแล้ว จึงเอ่ยถามขึ้นมาเบา ๆ
“ประกาศข่าวเรื่องนี้ออกไป?”
หลี่ฝางบอกความคิดเห็นของตัวเองออกมาอย่างเรียบ ๆ : “ทำแบบนี้ สามารถทำให้คนมากมายวางมือจากการแข่งขันในครั้งนี้ ความกดดันที่พวกเราต้องเผชิญหน้าก็จะลดลงไปมาก”
“แต่ว่า……”
เกาจื้อสิงเองก็เคยคิดถึงปัญหาเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ว่าตอนนี้เขาได้ร่วมมือกับคนข้างบนแล้ว อีกอย่างเขาเองก็ไม่รู้ว่าเมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไป จะทำให้คนข้างบนให้ความสำคัญกับเขาลดน้อยลงหรือเปล่า หรือแม้กระทั่งโยนพวกเขาทิ้งไป
อีกอย่างต่อให้เขากระจายข่าวเรื่องที่ยาเพิ่มพลังความแข็งแกร่งไม่สามารถผลิตทีละจำนวนมากได้ออกไป ก็ทำได้เพียงแค่ตัดทอนกองกำลังที่แข็งแกร่งส่วนหนึ่ง และพวกกองกำลังในระดับที่ต่ำลงมาไปได้เท่านั้นเอง
เพราะว่าทั้งสองฝ่ายนี้ฝ่ายหนึ่งไม่เห็นอยู่ในสายตา ส่วนอีกฝ่ายนั้นไม่มีเงินมาพอที
แต่พวกที่ทั้งมีเงิน และมีอำนาจไม่ถึงขั้นระดับสุดยอดพวกนั้น ก็ยังคงจะไม่ละมือ อย่างมากก็แค่ใช้ความพยายามมากกว่าเดิมเท่านั้นเอง
ครอบครัวของเขายังคงไม่อาจหลุดพ้นจากอันตรายนี้ได้