NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่856 ความร่วมมือของฉินจื่อยี่
“คุณหลี่ สวัสดี ผมชื่อตู้หงฉาย รับผิดชอบคุ้มกันความปลอดภัยของครอบครัวคุณเกา”
“พวกเรารู้จักกันด้วยเหรอ?” หลี่ฝางถามด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
“ไม่รู้จักหรอก!” ตู้หงฉายตอบ: “แต่ว่าเบื้องบนเคยได้แจ้งมาก่อน”
ก่อนที่จะมาที่นี่ เบื้องบนก็ได้เคยบอกกับเขา ว่าให้เคารพนอบน้อมต่อชายหนุ่มที่ชื่อหลี่ฝาง ในตอนนั้นเขายังไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่นัก
แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว
รัศมีอันทรงพลังได้แพร่กระจายออกมาจากร่างของหลี่ฝาง จนถึงขั้นทำให้ผิวหนังของเขานั้นมีความรู้สึกเหมือนกำลังถูกแผดเผาอยู่ นั่นแสดงให้เห็นว่าชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้นั้นอันตรายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
เกรงว่าคนคนนี้จะเป็นปรมาจารย์นักสู้คนหนึ่ง!
สำหรับคำตอบของตู้หงฉาย หลี่ฝางพยักหน้าและไม่ได้ถามอะไรต่อ เขาเดินเข้าไปในห้องและพาพวกเกาเมิ่งฉีเดินออกมา
ก่อนที่จะออกเดินทาง เกาจื้อสิงก็ได้ยื่นบัตรเอทีเอ็มใบหนึ่งให้กับหลี่ฝาง แล้วกล่าว: “คุณหลี่ หลายวันมานี้รบกวนคุณแล้ว ในนี้มีเงินอยู่สิบล้าน ถือว่าเป็นน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ จากผม โปรดรับไว้ด้วย”
เกาจื้อสิงคนนี้สมกับที่เป็นคนที่สามารถบริหารบริษัทให้ใหญ่ขนาดนี้ได้จริงๆ บริหารงานได้อย่างเหมาะสมอย่างที่สุด
เกาจื้อสิงออกปากมอบเงินให้ หลี่ฝางเองก็ไม่เกรงใจ เขาพยักหน้าและรับเอาบัตรที่เกาจื้อสิงยื่นให้นั้นมา
“คุณหลี่ ครั้งนี้ต้องขอบคุณคุณมากจริง ๆ ……”
เกาจื้อสิงยังอยากจะพูดอะไรต่ออีกสักหน่อย แต่เกาจื่อหมิงที่อยู่ด้านข้างกลับเร่งรัดขึ้นมา: “พ่อครับ พวกเรารีบไปกันเถอะ มีเรื่องอะไรค่อยว่ากัน!”
เขาถลึงตาใส่ลูกชายของตัวเองอย่างไม่พอใจ เกาจื้อสิงมองหลี่ฝางด้วยแววตาที่มีคำขอโทษอยู่
เมื่อเห็นหลี่ฝางไม่ได้มีท่าทีไม่พอใจอะไร ถึงได้หันหลังกลับ และถูกตู้หงฉายพาตัวออกไป
……
ร้านอาหารที่มีระดับ บรรยากาศคลุมเครือ ถ้าหากเป็นคู่รักคู่หนึ่งอยู่ที่นี้ จะต้องถูกบรรยากาศแบบนี้ทำให้ลุ่มหลงมึนเมาไปนานแล้วอย่างแน่นอน
แต่ที่อยู่ตรงหน้าของฉินวี่เฟยกลับเป็นพี่ชายของตัวเอง เช่นนั้นบรรยากาศมันก็จะอึดอัดสักนิดหน่อย
ผู้จัดการล็อบบี้เดินเข้ามา เขาโค้งตัวลงอย่างนอบน้อม: “คุณฉิน นานแล้วที่ไม่ได้เห็นคุณมาที่นี่”
พูดไป บริกรที่เดินตามอยู่ด้านหลังของผู้จัดการก็ได้นำเอาไวน์แดงขวดหนึ่งออกมา แล้ววางลงไปบนโต๊ะ
“ไวน์ขวดนี้มอบให้คุณฉินลองชิมดู”
ไวน์ขวดนี้มีมูลค่าหลายหมื่น สำหรับร้านอาหารของพวกเขาแล้ว ไม่ง่ายนักที่จะนำมันออกมา
“ไม่เลว” ฉินจื่อยี่พยักหน้าพลาง กล่าวเอา: “เอาไวน์ขวดที่ฉันฝากไว้ที่นี่ขวดนั้นออกมา”
“ได้ครับ คุณผู้ชาย”
ผู้จัดการก้มหน้าตอบรับ เค้าไม่รอช้า รีบหันหลังเดินออกไปทันที
หลังจากที่ผู้จัดการจากไป ฉินวี่เฟยถึงได้เอ่ยปากขึ้นมา: “พี่คะ ทำไมถึงเลือกร้านอาหารร้านนี้ล่ะ? พี่จะเลี้ยงข้าวหลีฟังไม่ใช่เหรอ?”
“มั่นใจไหมว่าหลี่ฝางจะมา?” ฉินจื่อยี่ไม่ได้ตอบคำถามของฉินวี่เฟย แต่เขากลับถามกลับไป
ตอนที่ฉินวี่เฟยกำลังจะเอ่ยปากพูดนั่นเอง โทรศัพท์ของเธอก็ได้ดังขึ้น เธอรีบหยิบขึ้นมารับทันที หลังจากที่คุยได้ไม่กี่ประโยค เธอก็ได้มีท่าทางดีอกดีใจขึ้นมา
“หลี่ฝางจะมาถึงในอีกสิบนาที” ฉินวี่เฟยกล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความดีอกดีใจ
“อยู่ต่อหน้าพี่ไม่เคยเห็นเธอมีความสุขแบบนี้มาก่อนเลย” ฉินจื่อยี่ทอดถอนใจอย่างช่วยไม่ได้: “ลูกสาวโตแล้วรั้งไว้ไม่อยู่จริง ๆ”
“พี่ยุ่งอะไรด้วย!” ฉินวี่เฟยเอ่ยขึ้นมาอย่างหน้าแดง
“ก็ได้ ก็ได้ พี่ไม่พูดกับเธอแล้ว” ฉินจื่อยี่โบกมือไปมาเขาเลือกที่จะหุบปากไป
“ที่เขามาหาหลี่ฝางในวันนี้ นั่นก็เพราะว่ามีเรื่องที่จะขอร้องจริง ๆ อีกทั้งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ดังนั้นเขาถึงได้พาฉินวี่เฟยมาด้วย
เพียงแต่……ฉินจื่อยี่เองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ว่าหลี่ฝางในตอนนี้นั้นจะเห็นแก่หน้าของน้องสาวตัวเอง แล้วช่วยตระกูลฉินหรือเปล่า
สิบนาทีหลังจากนั้น หลี่ฝางได้มาถึงร้านอาหารแห่งนี้ตามที่นัดไว้ จากการนำทางของบริกร หลี่ฝางก็ได้พบกับฉินจื่อยี่และฉินวี่เฟยสองพี่น้อง
“ไม่เจอกันนาน ทำไมจู่ ๆ นายถึงนึกขึ้นมาได้ว่าจะเลี้ยงอาหารฉันล่ะ?”
หลี่ฝางนั่งลงตรงหน้าของฉินจื่อยี่อย่างเป็นธรรมชาติ เขาเอ่ยถามฉินจื่อยี่อย่างยิ้มแย้ม
“เหอะ ๆ พวกเราสองคนก็ไม่ได้เจอกันมานานแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไม คุณชายหลี่ยุ่งจนไม่มีเวลาที่จะคุยกับเพื่อนเก่าสักสองสามประโยคเลยเหรอ?”
ฉินจื่อยี่ก็ได้เอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม
“จะเป็นไปได้ยังไง เมื่อได้ยินว่านายจะเลี้ยงข้าวฉัน นี่ฉันก็รีบนั่งเครื่องบินกลับมาเลยนะ” หลี่ฝางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลี่ฝางและฉินจื่อยี่ได้เริ่มสนทนากัน นายพูดคำฉันพูดคำคุยเรื่องที่ผ่านมา ฉินวี่เฟยที่นั่งอยู่ด้านข้างก้มหน้าหัวเราะเบา ๆ เป็นบางเวลา บรรยากาศทั้งผ่อนคลายทั้งเข้ากันได้ดี
“หลี่ฝาง ที่ฉันเลี้ยงข้าวนายในครั้งนี้ ความจริงแล้วมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะปรึกษานาย” พูดเรื่องไร้สาระมาระยะหนึ่ง เมื่อเห็นว่าบรรยากาศเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว ใบหน้าของฉินจื่อยี่ก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมา และได้เริ่มเข้าสู่หัวข้อหลักทัน
หลี่ฝางมองฉินจื่อยี่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม เมื่อได้ยินว่าฉินจื่อยี่จะเลี้ยงข้าวเขา ทั้งยังพาฉินวี่เฟยมาด้วย หลี่ฝางก็รู้แล้วว่าฉินจื่อยี่มีเรื่องที่ต้องให้เขาช่วย
“นายพูดมาเถอะ”
ดูจากปฏิกิริยาของหลี่ฝางแล้ว ฉินจื่อยี่ก็รู้ทันทีว่าความคิดของตัวเองนั้นได้ถูกหลี่ฝางมองออกแล้ว เขารูปมือตัวเองไปมาอย่างเคอะเขินพลางยิ้มกล่าว: “หลี่ฝาง นายรู้จักบริษัท เทียนไห่ กรุ๊ปไหม?”
หลี่ฝางพยักหน้า บริษัท เทียนไห่ กรุ๊ปนั้นเป็นบริษัทใหญ่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากเชียวนะ มีธุรกิจกระจายไปในหลายสิบประเทศ ไม่ได้เพียงแค่มีเงินเท่านั้น
“นายร่วมมือกับบริษัท เทียนไห่ กรุ๊ปเหรอ?”
“เรื่องนี้น่ะ ตอนนี้ยังหรอก แต่ก็อีกไม่นานแล้ว” ฉินจื่อยี่ยิ้มกล่าว: “บริษัท เทียนไห่ กรุ๊ปนั้นต้องการลงทุนกับบริษัทขนส่งต่างประเทศ จำเป็นต้องหาบริษัทขนาดใหญ่ที่มีคอนแทกต์อย่างกว้างขวางและมีความสามารถเพื่อร่วมมือด้วย ดังนั้นจึงได้จัดงานเลี้ยงค็อกเทลขึ้นที่เมืองเซี่ยงไฮ้ เพื่อค้นหาพันธมิตร ถ้าพวกเราสามารถคว้าเอาธุรกิจนี้มาได้ ผลกำไรที่ได้รับในแต่ละปี อย่างน้อยอยู่ที่หนึ่งพันล้านหรือมากกว่านั้น”