NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่892 ความซื่อสัตย์ที่พูดกันไว้แล้วล่ะ?
“คุณไม่รู้เหรอ?”หลิวฮุยได้ยินหลี่ฝางพูดแบบนี้ก็มีอาการเหลือเชื่อ:“พลังภายนอกแบ่งออกเป็นทั้งหมดสี่ขั้นตอนมีขั้นต้น ขั้นกลาง ขั้นปลาย และขั้นสุดยอด ต่อไปก็คือกำลังภายใน ก็เป็นสี่ระดับเช่นกันมีขั้นต้น ขั้นกลาง ขั้นปลาย และขั้นสุดยอด พวกนี้ตระกูลของคุณไม่เคยบอกเหรอ?”
“เอ่อ”หลี่ฝางลูบหลังหัวแล้วหัวเราะอย่างเขินอาย:“ผมไม่รู้จริงๆ เวลาน่าจะฝึกยุทธผมน่าจะน้อยไปแหละ”
“……”หลิวฮุยพูดไม่ออก
“งั้นอะไร คุณพูดต่อสิ”หลี่ฝางหัวเราะหึหึ
หลิวฮุยสูดหายใจลึกๆ มองหลี่ฝางแล้วพูด:“ดังนั้นที่ให้คุณไป ที่สำคัญก็คือเอาสนามให้อยู่หมัด อย่าให้แผนร้ายของตระกูลชิวสำเร็จ และอย่าสร้างปัญหาอะไร ผมเชื่อว่า คุณจะต้องมีความแข็งแกร่งทางด้านนี้”
พอพูดถึงสถานภาพนี้ เหมือนว่าหลี่ฝางจะหาเหตุผลปฏิเสธไม่ได้
คิดถึงตรงนี้ ก็ได้แต่พยักหน้า:“โอเค แต่ผมต้องจัดการเรื่องในบ้านก่อน แล้วค่อยเคลื่อนตัวไปที่นั่น”
“ไม่มีปัญหา ยังไงซะยังเหลือเวลาอีกหนึ่งสัปดาห์ ที่ตระกูลชิวจะจัดศึกชิงจ้าวยุทธภพ ถึงตอนนั้นยังไงคุณก็จัดการเรื่องในบ้านเสร็จแล้ว ถึงตอนนั้นก็รีบไป ยังไงก็ไม่สาย”
และหลังจากพูดคุยกับหลี่ฝางเสร็จ หลิวฮุยก็ส่งหลี่ฝางไปที่สถานตากอากาศ แล้วทิ้งช่องทางติดต่อกับที่อยู่ แล้วจึงออกไป
หลี่ฝางเดินเข้าไปในสถานตากอากาศ อยู่ห่างไกลมากก็ยังรู้สึกถึงอารมณ์โกรธอันพลุ่งพล่านด้านใน ที่มาพร้อมกับเสียงต่อว่าและเสียงดังลั่นของการต่อสู้
“คุณหล่อดีจังเลยนะ วันนี้ถ้าไม่ได้ให้คุณลิ้มลองหมัดสุดโหดของผม คุณคงไม่รู้ความสุดยอดของผมหรอกสินะ!”
“ก็แค่คนแก่ๆ อย่ามาทำตัวเป็นผู้อาวุโสคนอายุมากกับผมหน่อยเลย บอกให้นะ ผมเข้ากำลังภายในมาก่อน คุณเรียกผมว่าพี่ชายซะ!”
“ถึงต้องพึ่งพาลูกพี่ผมก็มาก่อนคุณ คุณยังจะกล้ามาแตะต้องผมอีก ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเสียจริงๆ ดูเท้าซะ!”
ได้ยินเสียงดังสนั่นลั่นแบบนี้ หลี่ฝางอดไม่ได้ที่จะจับหัวอย่างปวดหัว
เสียงดังสนั่นนั่นส่งเสียงด่าออกมาทั้งหมดจากคนๆเดียว——ไท่ซาง และในสถานตากอากาศตอนนี้คนเดียวที่จะสู้กับไท่ซาง ก็มีแค่ราฟาเอลคนเดียวแหละ
หลี่ฝางเร่งฝีเท้าขึ้น เดินไปดูใกล้ๆ ก็เป็นไท่ซางกับราฟาเอลสองคนนี้จริงๆ เห็นหมัดและเท้าไท่ซางทำท่าข่มขู่เหมือนเสือ สู้ไปพร้อมกับสบถคำหยาบไปด้วย ส่วนราฟาเอลกลับไม่พูดอะไร ท่ามกลางการต่อสู้ก็ยังรักษาท่าทีของตัวเองไว้ สูทสีขาวทั้งตัวไม่มีรอยเปื้อนใดๆสักนิด
รอบๆก็ล้อมรอบดูกันอย่างครึกครื้น แม้แต่โหจื่อผู้ชายคนนี้ก็ยังดูอย่างสนุกครึกครื้นราวกับไม่เกี่ยวใดๆกับตัวเอง ในมือยังถือดอกไม้สองช่อที่ไม่รู้ว่าเอามาจากไหนแล้วโบกมือหัวเราะคิกคัก เหมือนว่ากำลังปลุกเร้าใจสถานการณ์ให้พวกเขาสองคน
“พวกคุณสองคน กำลังทำอะไรน่ะ?”ในที่สุด หลี่ฝางก็เปิดปากพูดหยุดสองคนนี้ที่ทุ่มเทกับการต่อสู้
แล้วจู่ๆเสียงที่ทั้งแปลกๆและคุ้นเคยก็ดังขึ้น ที่ข้างหูของไท่ซาง ทำให้ไท่ซางที่มีรอยยิ้มติดตลกอยู่นั้น เหมือนตกลงไปในบ่อน้ำแข็งทันที ร่างกายก็เริ่มสั่นเล็กน้อย
เสียงนี้ สำหรับเขาแล้ว ประทับอยู่อย่างลึกซึ้งมาก
เจ้าของเสียงนี้ ทำให้เขาต้องใช้เวลายี่สิบปี มาแลกกับเส้นทางชีวิต
เขาก็ไม่กล้าลืมว่า ตัวเองมาที่นี่เพราะว่าอะไร
แค่ช่วงเวลาหนึ่งหลี่ฝางไม่อยู่ เขาล่องลอยไร้จุดหมายเล็กน้อยจริงๆ แตะต้องปรมาจารย์กำลังภายในที่มาใหม่ ถึงแม้รู้ว่าเขาตามมากับหลี่ฝาง ไท่ซางก็ยังมีความคิดที่จะแข่งขันกันเอง。
“เอ๋ เหอะเหอะ ลูกพี่ คุณกลับมาเมื่อไหร่?”ไท่ซางหันกลับไปด้วยอาการสั่นไปทั้งตัว มองหลี่ฝางด้วยรอยยิ้ม
ที่จริงคิดว่าตอนที่ตัวเองเผชิญหน้ากับหลี่ฝางอีกครั้ง จะสามารถเผชิญหน้ากับเขาด้วยท่าทีที่เย่อหยิ่งมากขึ้นได้ คิดไม่ถึงว่าวันนั้นหลี่ฝางจะทิ้งปมไว้ในใจเขาไว้ และยังลึกซึ้งได้มากขนาดนี้ ทำให้เขาหวาดกลัวหลี่ฝาง อย่างไม่รู้สึกตัวไปแบบนี้แล้ว
สถานตากอากาศที่เงียบสงบ เคยคึกคักเพราะการมาของหลี่ฝางไปแล้ว แล้วก็เงียบสงบลงไปอีกครั้ง
หลี่ฝางกลับมาครั้งนี้ ไม่มีการประกาศอย่างครึกโครม ทัศนคติของเขาในตอนนี้กับเมื่อก่อนแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เมื่อก่อนความมั่นใจของเขามาจากพ่อแม่ของเขา มาจากส้าวส้วยที่อยู่ข้างกาย พวกยอดฝีมืออย่างโหจื่อ มาจากความมั่งคั่งจำนวนมาก ซึ่งนั่นไม่ใช่อำนาจของตัวเอง ดังนั้นเขาจึงมั่นใจไม่มากพออยู่เสมอ
แต่ตอนนี้ ความแข็งแกร่งของเขามาจากตัวเขาเอง มั่นใจเต็มเปี่ยม ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศ ไม่จำเป็นต้องแอบอ้างบารมีข่มเหงผู้อื่น มีความใจกว้างที่สงบนิ่งเฉย
หลี่ฝางที่เพิ่งกลับมาตามจังหวะชีวิตอันปกติ ตื่นมาแต่เช้าตรู่ แล้วเก็บของเสร็จก็ออกไปวิ่ง
มองคนบนถนนที่สัญจรไปมา อารมณ์ของหลี่ฝางค่อยๆผ่อนคลายลง
วิ่งไปได้หนึ่งชั่วโมง วนไปรอบหนึ่งแล้วอยู่บนถนนทางที่จะกลับไป ในใจก็คิดถึงฉินวี่เฟย หลี่ฝางจึงเปลี่ยนเส้นทางวิ่งไปที่บ้านฉินวี่เฟย ก็เจอฉินวี่เฟยออกมาพอดี
“หลี่ฝาง คุณกลับมาแล้ว!”
มองเห็นหลี่ฝางที่สวมชุดกีฬากลับมา ฉินวี่เฟยพุ่งเข้าหาด้วยเสียงต้อนรับ
“เดี๋ยวๆๆๆ ผมเพิ่งวิ่งมาเหงื่อเหม็นไปทั้งตัว”หลี่ฝางเห็นฉินวี่เฟยวิ่งเข้ามา รีบจับเธอไว้ หลังจากเรียกก็พบว่าฉินวี่เฟยไม่สนใจ ก็ไม่ เสแสร้งอีกจึงกอดฉินวี่เฟยไว้แล้วจูบอย่างลึกซึ้ง
ทั้งสองคนผละออกจากกัน หลี่ฝางมองใบหน้าฉินวี่เฟยที่ยังคงทำให้คนเคลิบเคลิ้ม แต่กลับซ่อนความเหน็ดเหนื่อยไว้ พูดว่า:“สีหน้าคุณดูไม่ค่อยดีเลย?ช่วงนี้เจอเรื่องอะไรมาล่ะ?”
“เหรอ?”ฉินวี่เฟยยิ้มขมขื่นอย่างไม่มีทางเลือก:“ช่วงนี้น่าจะเหนื่อยไปมั้ง!ที่บ้านเริ่มให้ฉันลองสัมผัสธุรกิจของตระกูลแล้ว ฉันเพิ่งรับช่วงไว้ เลยยังไม่ชินกับธุรกิจ”