NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่894 สี่ตระกูลใหญ่ที่ไม่คุ้มค่าต้องกลัว
มู่หรงฉางเฟิงตัวสั่นไปทั้งตัว:“หลี่ฝาง คุณวางยาในแอปเปิล?คุณจะฆ่าผมใช่ไหม?”
หลี่ฝางสบตากับโหจื่อ หลังจากได้รับคำตอบปฏิเสธก็เบะปาก:“ผมอยากฆ่าคุณ ก็ฆ่าคุณตายง่ายๆด้วยนิ้วเดียวแล้ว ต้องใส่ยาพิษลงในผลไม้ด้วยเหรอ?ทำไมล่ะ คุณชายมู่หรงไม่ไว้หน้าผม เพราะดูถูกผมใช่ไหม?”
เห็นการแสดงออกของหลี่ฝางกับโหจื่อสองคนนี้ดูประสงค์ร้าย ในใจมู่หรงฉางเฟิงก็แอบร้องไห้เงียบๆ ตัดสินใจ“กรอบแกรบ”กัดแอปเปิลไปคำหนึ่ง
“ห่าเอ๊ย……”
หน้าของมู่หรงฉางเฟิงแดงทันที เพิ่งด่าไปแล้วจะคายของที่อยู่ในสุดออกมา กลับถูกโหจื่อตบไปที่คาง กลืนคำนั้นที่กัดไปพร้อมกับคำพูดที่พูดไม่จบ
มู่หรงฉางเฟิงไม่ใช่แค่น้ำตาไหลข้างในใจ ดวงตาทั้งคู่ก็น้ำตาไหลไม่หยุด ใบหน้าดูเหยเกขึ้นมา
“คุณให้เขากินอะไร?”มองสภาพของมู่หรงฉางเฟิงแล้ว หลี่ฝางแปลกใจสุดๆ
โหจื่อหัวเราะจนเอนตัวไปหน้าหลัง:“นี่มันแอปเปิลปลอม ผมตั้งใจให้คนใช้พริกบุตโจโลเกียทำออกมาเลย”
หลี่ฝางเข้าใจทันที ยกนิ้วโป้งให้โหจื่อ:“แยบยล แยบยลมาก!”
มู่หรงฉางเฟิงที่อยู่บนเตียงคนไข้ดิ้นรนอย่างหนักทันที แต่ถูกโหจื่อจับไว้ แล้วหัวเราะใส่:“อย่ารีบร้อนสิ ผมเตรียมผลไม้ให้คุณตั้งเยอะ คุณต้องกินให้หมด มา ชิมอันนี้ น้ำมะพร้าวนำเข้า”
เขาไม่สนที่มู่หรงฉางเฟิงดิ้นรน มือข้างหนึ่งบีบบังคับปากเขาให้อ้าออก มืออีกข้างหยิบมะพร้าวที่เปิดแล้วเทใส่ปากของมู่หรงฉางเฟิง
ทันใดนั้น กลิ่นเหม็นเน่าของปลากับกุ้งก็ส่งกลิ่นออกมาอย่างแรง กลิ่นนั้น หลี่ฝางที่อยู่ไกลยังรับไม่ได้ จนต้องปิดมูกไว้
“ห่า นี่มันอะไรอีกเนี่ย”
โหจื่อก็อุดจมูก ถอยหลังไปสองก้าวแล้วหัวเราะอย่างร้ายกาจออกมา:“น้ำปลาเฮร์ริงกระป๋อง ผมให้เพื่อนเอามาเป็นพิเศษ รับรองว่าของแท้”
“ผมยอมเลย”หลี่ฝางอดไม่ได้ที่จะครั่นเนื้อครั่นตัว สิ่งนี้อย่าว่าแต่มู่หรงฉางเฟิง เป็นเขาก็รับไม่ได้เหมือนกัน
“อ้วก!”มู่หรงฉางเฟิงอาเจียนออกมา เพราะว่าแขนขาของเขาถูกพันแผลไว้หมด พอขยับก็ไปแตะต้องบาดแผล จนกรีดร้องออกมา
“หลี่ฝางแม่เอ๊ย คุณทำกันเกินไปหรือเปล่า ไม่มีใครเขาเล่นอย่างคุณแบบนี้หรอก ถ้าคุณเจ๋งจริงก็จัดการผมทิ้งซะสิ!”มู่หรงฉางเฟิงทนไม่ไหวแล้ว น้ำมูกน้ำตาไหลรวมที่ใบหน้า ตะโกนใส่หลี่ฝาง
“แข็งแกร่งจริงๆเลยนะ”โหจื่อหัวเราะอย่างเยือกเย็นแล้วหยิบกล้วยขึ้นมา:“ได้ มา อ้าปากกินอันนี้ ……”
“หยุด!”
มีเสียงตะโกน ประตูห้องคนไข้ถูกผลักออก คนตระกูลมู่หรงพุ่งเข้ามา จ้องหลี่ฝางด้วยความโมโห แทบอยากจะฉีกเขาเป็นชิ้นๆตรงนั้น
“โหย มาไวเหลือเกินนะ”หลี่ฝางหัวเราะ ตบมือพูดว่า:“ดูเหมือนพวกคุณจะอยู่รอบๆนี้ตลอดนะ”
“หลี่ฝาง คุณคิดว่าไงล่ะ”คนหนึ่งถามด้วยสีหน้าหม่นลง:“ทำแบบนี้ไม่เห็นพวกเราตระกูลมู่หรงในสายตามากไปแล้วนะ”
หลี่ฝางหัวเราะอย่างเยาะเย้ย:“เรื่องอะไรที่ผมต้องเห็นพวกคุณอยู่ในสายตาด้วย ตระกูลมู่หรงพวกคุณเจ๋งมากใช่ไหม?”
สีหน้าคนนั้นเปลี่ยน ในน้ำเสียงมีความโมโหที่ควบคุมไม่อยู่:“ตระกูลหลี่พวกคุณอยากเปิดศึกกับพวกเราตระกูลมู่หรงเหรอ?”
“นั่นต้องดูว่าพวกคุณกล้าสู้กับผมไหม”หลี่ฝางหัวเราะอย่างดูถูกเบาๆ ไม่ว่าจะน้ำเสียงหรือเนื้อหาที่พูด ต่างไม่สนใจกลุ่มคนที่อยู่ตรงหน้านี้เลยสักนิด
“แต่ผมรับรองได้ว่า ถ้าตระกูลหลี่เปิดศึกกับตระกูลมู่หรง คนแรกที่ตายจะเป็นคุณ!”
คนที่พูดกับหลี่ฝางมีสีหน้าเปลี่ยนไป อดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปก้าวหนึ่ง พูดด้วยเสียงเย็นชา:“นี่คุณขู่ผม?”
“ขู่หรือไม่ คุณลองดูได้”
หลี่ฝางส่ายหน้า โบกมือให้โหจื่อ:“พวกเราไป!”
โหจื่อเอากระเช้าผลไม้ใส่ไปที่ตัวของมู่หรงฉางเฟิง หัวเราะฮี่ฮี่พูดว่า:“คุณชายมู่หรง ผลไม้พวกนี้อย่าลืมกินล่ะ วันไหนผมจะมาเยี่ยมคุณอีก”
ตอนนั้นโหจื่อได้รับบาดเจ็บหนักมากขนาดนั้น ก็เป็นเพราะว่าท่านจวน และก็เป็นเพราะมู่หรงฉางเฟิงด้วย ตอนนี้หาท่านจวนไม่เจอ โหจื่อจะต้องคิดดอกเบี้ยที่มู่หรงฉางเฟิงคืนมาสักหน่อยอยู่แล้ว
ทั้งสองคนจึงออกไปอย่างหัวเราะร่าเช่นนี้ และในห้องคนป่วยมีคนของตระกูลมู่หรงตั้งเยอะเช่นนี้ กลับกล้าแค่ใช้สายตาอันเศร้าสร้อยจ้องมองพวกเขา จนทั้งสองออกไป ก็ไม่มีใครกล้าส่งเสียง
“ตระกูลมู่หรงไม่มีอะไรให้กังวลอีกแล้ว สี่ตระกูลใหญ่ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปไม่ใช่เป้าหมายของพวกเราอีกแล้ว”
ออกจากโรงพยาบาล หลี่ฝางก็พูดกับโหจื่อเบาๆ
“วันนี้เช้าน่าจะมาถึงแล้ว”โหจื่อเปิดประตูรถพร้อมหัวเราะเหอะเหอะ
“ไป กลับไปฝึกปืนกับผม”
“เรื่องที่บ้านไม่ต้องให้ผมกังวลอีกแล้ว ผมยังรับปากคนอื่นอีกเรื่องหนึ่ง อีกสองวันจะไปแล้ว คุณช่วยผมดูตระกูลฉินหน่อย ผมเอาราฟาเอลไว้นี่ มีปัญหาอะไรให้เขาลงมือก็ได้”
“ไม่มีปัญหา”โหจื่อไม่ได้ถามอะไร ได้แต่มองหลี่ฝางอย่างลึกซึ้ง แล้วก็สตาร์ทรถ
……
สองสามวันถัดมา หลี่ฝางที่ผ่านการแต่งตัวปลอมก็พาไท่ซางไปหนานเจียง
ทั้งสองคนเดินอยู่ช้าๆที่ถนนคดเคี้ยว หลี่ฝางในตอนนี้แต่งตัวเป็นชายวัยกลางคนที่ดูธรรมดาๆ ไท่ซางกลับไม่ได้แต่งตัวอะไร เขาเป็นคนต่างชาติอยู่แล้ว ไม่ต้องปลอมตัวก็ไม่มีใครจำเขาได้นัก
“อยู่ที่เมืองเอกก็ดีมากแล้ว ทำไมถึงมานี่ทั้งที่ไม่มีอะไร คุณมาก็มาไปสิ ทำไมต้องลากผมมาด้วยให้ได้”
“ตระกูลชิวนี่บ้าหรือเปล่า ก่อตั้งจนเจริญรุ่งเรืองมากขนาดนี้แล้ว ยังต้องวิ่งมาพักอยู่ที่ภูเขาลึกป่าเก่าแก่แบบนี้อีก?เดินทางมาตั้งไกลทุรกันดารหาที่พักก็ไม่มี หารถสักคันก็ยังไม่เจอ”
“เห้อ พวกเราออกมานานแล้ว ทำไมไม่เจอรถสักคันเลยล่ะ คุณว่าทำไมตอนนั้นพวกเราไม่ขับรถมาเองนะ?