NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่943 ข้อมูลของลู่เผิงเฟย
“อ้อใช่แล้ว ไอ้ผีผิวขาวนั่นล่ะ ลูกพี่ก็น่าจะได้ให้เขามาคุ้มครองคุณด้วยใช่ไหม?” ไท่ซางชะโงกหัวมองซ้ายมองขวา
“หุบปากไปเลยนะ แกเจ้าลิงแห้งนี่” ราฟาเอลปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง จ้องมองไท่ซางด้วยแววตาไม่เป็นมิตร
ไท่ซางหัวเราะแหะ ๆ เขากระดิกนิ้วให้กันราฟาเอลพลางกล่าว: “พอดีเลย พวกเราสลับเวรกัน แบบนี้สามารถรับประกันได้ว่ามีคนคอยคุ้มครองคุณหนูฉินวี่เฟยตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ผีผิวขาวแกต้องระวังให้ดีล่ะ ถ้าหากทำคุณหนูฉินวี่เฟยได้รับบาดเจ็บแม้แต่นิดเดียวล่ะก็ ลูกพี่กลับมาจะต้องลอกหนังนายแน่”
“ต่อให้ลิงแห้งอย่างนายถูกคนต่อยจนเละเป็นโจ๊ก ฉันก็จะไม่ให้คุณหนูฉินวี่เฟยได้รับบาดเลยแม้แต่น้อย” ราฟาเอลยกนิ้วกลางให้กับไท่ซาง จากนั้นก็หันหลังเดินออกไป ไม่นานก็ไม่รู้ว่าไปหลบอยู่ที่ไหนแล้ว
“ถุย ผีผิวขาวอวดดีห่าอะไร” ไท่ซางถ่มน้ำลายลงบนพื้น
อีกด้านหนึ่ง ในขณะที่ตระกูลฉินถูกคลื่นลมพัดกระหน่ำ หลี่ฝางกำลังนั่งทานอาหารอยู่ในห้องส่วนตัวของโรงน้ำชาแห่งหนึ่งอย่างเชื่องช้า
เขาไม่ได้อยู่ที่นี่เพื่อทานอาหาร แต่เพื่อรอคนคนหนึ่ง
ลู่เผิงเฟยแห่งตระกูลลู่
หลี่ฝางถูกผู้อาวุโสเรียกพบเมื่อครั้งที่แล้ว สถานที่ก็คือที่บ้านตระกูลลู่ ในตอนนั้นเขาได้รู้จักกับลู่เฉิง รวมทั้งลู่เผิงเฟยลูกชายของลู่เฉิง
ไม่นาน ลู่เผิงเฟยก็ปรากฏตัวขึ้น ที่ข้างกายยังมีชายชราสวมชุดโบราณตามมาด้วย
“พี่หลี่ ไม่เจอกันนานเลยนะ ครั้งที่แล้วรีบเกินไป เลยไม่มีเวลาได้คุยกับคุณ ครั้งนี้พวกเราสองคนคุยกันต้องคุยกันดี ๆ หน่อยแล้ว”
ลู่เผิงเฟยกล่าวกับหลี่ฝางด้วยรอยยิ้ม ภูมิหลังของตระกูลลู่ ทำให้เขาไม่ค่อยได้มีโอกาสประจบสอพลอคนอื่น ครั้งนี้สามารถเรียกหลี่ฝางที่มีอายุน้อยกว่าเขาว่า ‘พี่หลี่’ ได้ ก็นับว่าเป็นเรื่องที่หาได้ยากแล้ว แน่นอนว่าไม่มีสำนวนชมเชยใด ๆ
“คุณอย่าพูดแบบนี้สิ ตามอายุแล้ว ผมควรเรียกคุณว่าพี่ลู่ถึงจะถูก” หลี่ฝางยิ้มพูดติดตลก
“ฮ่า ๆ! พี่หลี่อย่าเหน็บแนมผมอีกเลยนะ ถ้าหากให้พ่อผมรู้เข้า คงต้องเอาผมตายแน่เลย”
หลังจากที่หัวเราะเสียงดัง ลู่เผิงเฟยก็หันไปยิ้มกล่าวกับชายชราที่อยู่ด้านข้าง: “ลุงฝู ลุงไปฟักก่อนเถอะครับ ไม่ต้องคอยตามอยู่ที่ข้างกายผมหรอก”
“ครับ! นายน้อย!”
ลุงฝูไม่ได้มีความคิดเห็นใด ๆ เขาหันหลังเดินออกไปจากห้องส่วนตัว เพียงแค่มองหลี่ฝางด้วยความมึนงงเล็กน้อยอยู่หลายครั้ง
ชายหนุ่มคนนี้เป็นใครมาจากไหนกันแน่ ทำไมนายน้อยของตัวเองถึงได้เรียกเขาว่าพี่หลี่? ทั้ง ๆ ที่ชายหนุ่มคนนั้นอายุน้อยกว่านายน้อยของตัวเองแท้ ๆ!
จนกระทั่งเสียงฝีเท้าของลุงฝูหายไป ลู่เผิงเฟยถึงได้กล่าวอธิบายด้วยรอยยิ้ม: “ลุงฝูไม่รู้จักพี่หลี่ ทำให้คุณต้องหัวเราะเยาะแล้วนะ”
หลี่ฝางยิ้มพลางส่ายหัว: “ไม่เป็นไรหรอก”
เป็นธรรมดาที่เขาจะมองความอยากรู้อยากเห็นและความไม่พอใจของชายชราออก มันเป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าจะเป็นใครเมื่อได้เห็นลู่เผิงเฟยนายน้อยแห่งตระกูลลู่ เรียกชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าตัวเองว่า ‘พี่หลี่’ อย่างสนิทสนม ต่างก็ต้องประหลาดใจทั้งนั้น
เมื่อเทียบกัน ท่าทีของลุงฝูถือว่าสงบมากแล้ว
“พี่หลี่ เรื่องที่คุณให้ผมสืบ เมื่อคืนหลังจากที่ผมได้รับโทรศัพท์จากคุณแล้วผมก็สั่งให้คนไปสืบทันที ในที่สุดก็ได้ผลลัพธ์มา พวกเราสืบได้ข้อมูลอะไรบางอย่าง”
ทั้งสองกล่าวทักทายกันเสร็จ ก็ไม่เสียเวลาอีกต่อไป และได้เข้าสู่ประเด็นหลักทันที
เมื่อคืนจู่ ๆ ลู่เผิงเฟยก็ได้รับสายโทรเข้าจากหลี่ฝาง เมื่อได้ยินว่าหลี่ฝางต้องการให้เขาช่วยตรวจสสอบข้อมูล ลู่เผิงเฟยก็รู้สึกมีความสนใจขึ้นมาทันที
ถ้าพูดถึงเรื่องศิลปะการต่อสู้ อยู่ต่อหน้าของหลี่ฝางเขาไม่อาจพูดอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องการทำธุรกิจ เขากลับคิดว่าหลี่ฝางสิบคนก็เทียบเขาไม่ได้
ถึงแม้หลี่ฝางจะสูญเสียเงินกับการทำธุรกิจไปไม่น้อย แต่เงินที่เขาหามาได้นั้นกลับเทียบไม่ได้กับเศษเสี้ยวของลู่เผิงเฟยเลยด้วยซ้ำ
หลังจากที่หลี่ฝางได้พบกับผู้อาวุโสสูงสุดที่บ้านตระกูลลู่ ลู่เผิงเฟยที่ถูกพ่อของตัวเองย้ำนักย้ำหนาก็ได้ให้ความสนใจกับหลี่ฝางตั้งแต่ตอนนั้น ทั้งยังแบ่งหน่วยข่าวกรองส่วนหนึ่งออกมาเพื่อรวบรวมข้อมูลของหลี่ฝางโดยเฉพาะ
ผลลัพธ์ก็คือข้อมูลเหล่านั้นทำให้ลู่เผิงเฟยตะลึง มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะหลังจากที่ลู่เผิงเฟยได้รับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนที่หลี่ฝางอยู่ที่บ้านตระกูลชิว เขาก็ตั้งใจว่าจะต้องคบค้าสมาคมกับหลี่ฝางให้ได้โดยสิ้นเชิง ห้ามเป็นปรปักษ์อย่างเด็ดขาด
ลู่เผิงเฟยไม่ได้อ้อมค้อมอะไรกับหลี่ฝาง เขากล่าวขึ้นมาตรง ๆ : “ตามข้อมูลที่ผมสืบมาได้นั้น สาเหตุมาจากได้เกิดความขัดแย้งในการทำธุรกิจอย่างหนึ่งขึ้นระหว่างหวางซีหมิงแห่งตระกูลหวางและตระกูลฉิน หวางซีหมิงได้พาลโกรธเนื่องจากความละอายและขุ่นเคือง จึงได้บอกออกไปว่า จะสั่งสอนตระกูลฉิน”
“ตระกูลหวาง?” หลังจากที่หลี่ฝางได้ยินชื่อนี้ ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
หนึ่งลู่หนึ่งหวาง สองวีระบุรุษแห่งเมืองเซี่ยงไฮ้ นั่นเป็นสองตระกูลชั้นยอดที่อยู่ในระดับเดียวกัน เมื่อเทียบกันแล้ว ตระกูลฉินไม่นับอะไรเลยด้วยซ้ำ พวกเขาไปล่วงเกินตระกูลหวางได้ยังไง?
“เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่? ตามหลักแล้ว ตระกูลฉินน่าจะไปล่วงเกินตระกูลใหญ่โตอย่างตระกูลหวางไม่ได้นี่นา?” หลี่ฝางถามด้วยความสงสัย
ฝั่งตรงข้าม ลู่เผิงเฟยอธิบายต้านสายปลายเหตุให้หลี่ฝางฟัง
“พี่หลี่รู้จักบริษัท เทียนไห่ กรุ๊ปอยู่ใช่ไหม? ก่อนหน้านี้ระยะหนึ่งบริษัท เทียนไห่ กรุ๊ปได้ลงทุนกับบริษัทขนส่งระหว่างประเทศ จำเป็นต้องหาบริษัทที่มีความสัมพันธ์กว้างขวางและมีความสามารถร่วมมือด้วย ดังนั้นจึงได้จัดงานเลี้ยงค็อกเทลขึ้นที่เมืองเซี่ยงไฮ้ เพื่อหาพันธมิตรร่วมธุรกิจด้วย”
เดิมทีหวางซีหมิงแห่งตระกูลหวางไม่ได้มีส่วนร่วมใด ๆ ในการร่วมมือครั้งนี้เลย อีกทั้งได้ยินมาว่าการคุยธุรกิจระหว่างตระกูลฉินและบริษัท เทียนไห่ กรุ๊ปเป็นไปด้วยดี จนเกือบจะตกลงกันได้แล้ว ต่อมาไม่รู้เกิดอะไรขึ้น หวางซีหมิงก็ได้เสียบเข้ามา และได้เกิดความขัดแย้งกับลูกหลานตระกูลฉินที่ถูกทำร้ายคนนั้น สุดท้ายก็เป็นอย่างที่เห็น”
“เป็นเพราะธุรกิจนั่นจริง ๆ เหรอนี่?” หลี่ฝางคลับคล้ายคลับคลาอยู่ภายในใจ เขาได้คาดเดาอยู่ก่อนแล้วว่าจะเป็นเพราะเหตุนี้หรือเปล่า คิดไม่ถึงว่าจะตรงเป๊ะ เป็นอย่างที่เขาคิดไว้จริง ๆ