NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่945 ฉินวี่เฟยไปตามนัด
“คุณชื่ออะไร?” หวางซีหมิงมองเถ้าแก่แล้วเอ่ยถามขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
ภายในใจของเถ้าแก่รู้สึกดีใจขึ้นมา พลางรีบเอ่ยตอบ: “กระผมเจี่ยรุ่ยจื๋อ”
“เถ้าแก่เจี่ยใช่ไหม โอเค ต่อไปถ้าได้เจอกับเมิ่งหยวนจงเถ้าแก่ใหญ่ของโรงแรมฟู่โชวของพวกคุณ ผมจะบอกกับเขาเองว่า ต่อให้ให้คุณดูแลรับผิดชอบธุรกิจของเมืองเมืองหนึ่ง ก็เป็นแค่เพียงเรื่องเล็กน้อย”
ถึงแม้หวางซีหมิงจะพูดอย่างกระชับ แต่พอถึงหูของเจี่ยรุ่ยจื๋อ กลับทำให้เขารู้สึกดีอกดีใจอย่างล้นเหลือขึ้นมาทันที
ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มในเครือฟู่โชวนั้นกระจายอยู่ทั่วประเทศเชียวนะ นับเป็นระดับต้น ๆ ในธุรกิจแวดวงเดียวกัน สำหรับเถ้าแก่ใหญ่อย่างเมิ่งหยวนจงแล้ว ผู้รับผิดชอบดูแลระดับล่างอย่างเจี่ยรุ่ยจื๋อเป็นเพียงพนักงานคนหนึ่งเท่านั้น ปกติแล้วพอจะได้พูดอะไรบ้างก็นับว่าดีมากแล้ว
และดูเหมือว่าหวังซีหมิงจะสนิทสนมกับเมิ่งหยวนจงไม่น้อย จะให้ไม่เจี่ยรุ่ยจื๋อดีใจได้ยังไง การกระทำของเขาที่ปฏิบัติต่อหวางซีหมิงยิ่งเคารพนอบน้อมขึ้นมาอีกทันที
หวังซีหมิงไม่ได้พาพรรคพวกมาด้วย นอกเหนือจากคุณชายทั้งสามคนอย่างพวกมู่หรงฉางเฟิงแล้ว ยังมีชายวัยกลางคนที่มีฐานะเป็นบอดี้การ์ดอีกคนหนึ่ง คอยติดตามอยู่ด้านหลังของหวางซีหมิงตลอดเวลา ตามติดปกป้องหวางซีหมิงอยู่ทุกย่างก้าว
หลังจากที่ทุกคนนั่งลงในห้องส่วนตัว เถ้าแก่โรงแรมก็ได้ไปจากห้องส่วนตัว
มู่หรงฉางเฟิงรีบแนะนำคนทั้งสองให้กับหวางซีหมิงรู้จักทันที
“คุณชายหวาง ผมขอแนะนำเพื่อนทั้งสองคนของผม เจิ้งจิ้นเผิงจากตระกูลเจิ้งแห่งมณฑลเจียงหนานและคุณชายของบริษัท HTไบโอไซเอนซ์ จำกัด เกาจื่อหมิง”
เหตุที่มู่หรงฉางเฟิงได้รู้จักกับหวางซีหมิง นั่นก็เพราะก่อนหน้านี้หวางซีหมิงได้ทำธุรกิจอย่างหนึ่ง เคยได่ร่วมมือกับตระกูลมู่หรงมาก่อน และมู่หรงฉางเฟิงเองก็ได้ติดต่อสัมผัสกับหวางซีหมิงอยู่บ่อยครั้ง
เช่นนี้เองจึงทำให้มู่หรงฉางเฟิงได้รู้จักกับหวางซีหมิง
ครั้งนี้ได้ยินว่าหวางซีหมิงเป็นปรปักษ์กับตระกูลฉิน มู่หรงฉางเฟิงนั้นดีอกดีใจอย่างคาดไม่ถึง จนเอาตัวเข้าหาหวางซีหมิง และกลายเป็นสุนัขรับใช้ของเขา
เพราะว่าความอับอายขายหน้าที่ได้รับจากโหจื่อที่โรงพยาบาลเมื่อครั้งที่แล้ว ในใจของเขานั้นโกรธแค้นหลี่ฝางจนเข้ากระดูกดำ แต่เพราะความแข็งแกร่งของหลี่ฝาง ทำให้เขาไม่กล้าที่จะแก้แค้นใด ๆ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว ต่อให้หลี่ฝางร้ายกาจยังไง หรือว่าจะกล้าสู้กันซึ่ง ๆ หน้ากลับตระกูลหวางเชียวเหรอ?
ทันทีที่นึกถึงภาพเหตุการณ์ที่หลี่ฝางต้องยืนดูตระกูลฉินถูกโค่นโดยที่ทำอะไรไม่ได้ และฉินวี่เฟยเองก็ได้ไปจากหลี่ฝาง ภายในใจของมู่หรงฉางเฟิงก็รู้สึกชื่นใจขึ้นมา
“คุณชายหวาง”
หลังจากที่มู่หรงฉางเฟิงแนะนำเสร็จ เกาจื่อหมิงก็ได้รีบลุกขึ้นมากล่าวทักทายหวางซีหมิง
หวางซีหมิงพยักหน้า และไม่ได้กล่าวอะไร
แค่เพียงบริษัทเล็ก ๆ อย่างบริษัท HTไบโอไซเอนซ์ จำกัดแค่นั้นเอง สามารถนั่งอยู่บนโต๊ะเดียวกันกับเขาได้นับว่าเป็นเกียรติสำหรับอีกฝ่ายแล้ว
แต่เจิ้งจิ้นเผิงที่นั่งอยู่ด้านข้าง ทำให้เขาต้องมองดูอีกที
“คุณชายหวาง” เจิ้งจิ้นเผิงทักทายหวางซีหมิงอย่างเรียบ ๆ
ท่าทีของเจิ้งจิ้นเผิงนั้น ไม่เหมือนกับมู่หรงฉางเฟิงและเกาจื่อหมิง การแสดงออกของเขานั้นมีมารยาทแต่ไม่ต่ำต้อย ราวกับกำลังเผชิญหน้ากับบุคคลในระดับเดียวกันอย่างไรอย่างนั้น
“คนตระกูลเจิ้งเหรอ? เหอะ ๆ ลูกหลานตระกูลนักสู้ โดดเด่นสะดุดตาจริง ๆ ด้วย”
เหนือการคาดหมายของมู่หรงฉางเฟิง หวางซีหมิงกลับยื่นมือออกมาจับมือทักทายกับเจิ้งจิ้นเผิง ท่าทีเช่นนี้ แตกต่างกับท่าทีที่ปฏิบัติต่อมู่หรงฉางเฟิงทั้งสองคนราวฟ้ากับดิน
“ตระกูลนักสู้?” มู่หรงฉางเฟิงนับว่ายังดี แต่เกาจื่อหมิงกลับมึนงงไปหมด ไม่รู้เลยสักนิดว่าตระกูลนักสู้ที่ว่านั่นหมายความว่ายังไง
เมื่อมู่หรงฉางเฟิงเห็นดังนั้นจึงได้อธิบายกับเกาจื่อหมิง: “ก็คือตระกูลที่สืบทอดศิลปะการต่อสู้สืบต่อกันมาอย่างสมบูรณ์แบบ โดยไม่ขาดสาย ในตระกูลมียอดฝีมือดำรงอยู่มาตลอด ตระกูลเช่นนี้ ถึงจะถูกเรียกว่าตระกูลนักสู้”
“นี่มัน……มีตระกูลแบบนี้อยู่ด้วยเหรอเนี่ย?” เกาจื่อหมิงเหลือกตาโตขึ้นมาทันที สิ่งแรกที่ปรากฏขึ้นมาในสมองของเขาก็คือ ประสบการณ์ที่เขาได้เผชิญที่พม่าในตอนนั้น ราวกับฝันร้ายที่ปรากฏขึ้นมาในหัวของเขาเป็นฉาก ๆ ทำให้หัวใจของเขาสั่นสะท้าน เขาทำความเคารพอย่างหวาดกลัว
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก ตระกูลนักสู้ก็ไม่ได้สูงส่งอะไรหรอก” เจิ้งจิ้นเผิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม:” ในกลุ่มพวกเรา ยังคงเป็นคุณชายหวางที่มีฐานะสูงส่งที่สุด”
เมื่อได้ยินเจิ้งจิ้นเผิงยกย่องตัวเองเช่นนี้ หวางซีหมิงเองก็ได้ยิ้มกล่าว: “คุณชายเจิ้งอย่าถ่อมตนขนาดนี้เลย ตระกูลเจิ้งแห่งมณฑลเจียงหนาน มีชื่อเสียงโด่งดัง มีฐานะที่ตระกูลธรรมดาไม่อาจเทียบได้”
โบราณว่าทำได้ดีไม่สู้เกิดมาดี หวางซีหมิงไม่ได้มีความโดดเด่นอะไร แต่ภูมิหลังตระกูลของเขา ก็เพียงพอที่จะบดขยี้เหล่าอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์กว่าเขาอย่างนับไม่ถ้วน
ตระกูลใหญ่ที่สูงส่ง ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็จะได้รับการต้อนรับอย่างดี
จากสถานการณ์ตรงหน้า เกาจื่อหมิงก็ได้รับรู้สถานะของเจิ้งจิ้นเผิงเป็นที่เรียบร้อย เขาพลันรู้สึกเสียดายขึ้นมา เสียดายที่เมื่อก่อนไม่ได้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเจิ้งจิ้นเผิง
ส่วนมู่หรงฉางเฝินนั้นกลับรู้เกี่ยวกับภูมิหลังตระกูลของเจิ้งจิ้นเผิงชัดเจนกว่า เลยไม่ได้มีท่าทีเสียมารยาทอย่างเกาจื่อหมิง
“คุณชายหวาง ผมจะบอกคุณให้ ตระกูลฉินเองก็มียอดฝีมือคอยคุ้มครองอยู่ ถ้าหากอีกเดี๋ยวคุยไม่ลงตัวละก็……”
จู่ ๆ มู่หรงฉางเฟิงก็เอ่ยขึ้นมา
“อ้อ? ยอดฝีมือเหรอ? ฝีมือสูงส่งแค่ไหนกันเชียว?” หวางซีหมิงยิ้มอย่างดูแคลน
“ยังไงซะ……ก็ร้ายกาจไม่เบาอยู่ คนธรรมดาทั่วไปเจ็ดแปดคนเข้าประชิดตัวไม่ได้”
มู่หรงฉางเฟิงลังเลเล็กน้อย ยังไม่ได้เอ่ยชื่อของหลี่ฝางออกมา เพียงแค่พูดอย่างคลุมเครือออกมาหนึ่งประโยค เขากังวลว่าเมื่อหวางซีหมิงทราบฝีมือที่แท้จริงของหลี่ฝางแล้วจะเกิดลังเลขึ้นมา สุดท้ายวางมือจากการโจมตีตระกูลฉิน
ถึงแม้เขาจะเชื่อมาแต่ไหนแต่ไรว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าตระกูลหวางหลี่ฝางเป็นเพียงแค่น้องชาย แต่ตระกูลหวางเองก็ไม่ได้ยโสโอหังมากขนาดนั้น ทำอะไรยังไงก็ต้องคำนึงถึงผลได้ผลเสียบ้างล่ะ ถ้าหากเสียมากกว่าได้ เชื่อว่าพวกเขาคงไม่ทำอย่างแน่นอน
“คนธรรมดาทั่วไปเจ็ดแปดคน? ฮ่า ๆ ๆ ถ้ามันกล้าลงมือก็อย่าหวังว่าจะเดินออกไปจากโรงแรมแห่งนี้ได้เลย!”