NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่949 ความร่วมมือทางธุรกิจของบริษัท เทียนไห่ กรุ๊ป
“หุบปาก!” ชายชราตะคอกอย่างโมโห ทำให้เสียงของหญิงวัยกลางคนคนนั้นเงียบหายไปทันที
“ตระกูลเล็ก ๆ อย่างตระกูลหลี่? เธอรู้ไหมว่าข้างบน……”
กล่าวถึงตรงนี้ ชายชราก็ทอดถอนใจ และไม่ได้กล่าวต่อไปอีก แต่กลับออกคำสั่งแทน: “เรื่องนี้ให้มันจบแค่นี้ ถ้าให้ฉันรู้ว่าใครกล้าไปหาเรื่องหลี่ฝาง ฉันจะต้องให้มันชดใช้กับผลที่ตามมาแน่!”
……
ณ โรงพยาบาลอันดับหนึ่งแห่งเมืองเอก ห้องผู้ป่วยVIP
ร่างกายของฉินจื่อยี่พันไปด้วยผ้าพันแผล เขานั่งอยู่บนเตียงอย่างเบื่อหน่าย และอ้าปากเป็นบางครั้ง พยาบาลสาวหน้าตาดีที่นั่งอยู่ด้านข้างก็ได้ยื่นแอปเปิลที่ปอกเสร็จแล้วส่งเข้าไปในปากของเขาชิ้นแล้วชิ้นเล่า
“ว้าว สมกับที่เป็นคุณชายตระกูลฉินจริง ๆ เสพสุขเป็นจังเลยนะ!” เสียงโหวกเหวกเสียงหนึ่งดังลอยมาจากทางประตู
เมื่อได้ยินเสียงเสียงนี้ ฉินจื่อยี่ยิ้มขึ้นมาอย่างอดไม่ได้: “ฉันว่าแล้วว่านายจะต้องกลับมาได้ทันเวลา”
“พอได้แล้วนายน่ะ ฉันว่านะ กล้าแม้กระทั่งประมือกับตระกูลหวาง แย่งชิงธุรกิจ นายกลายเป็นคนหัวรุนแรงแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หลี่ฝางเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม เขาพิจารณาดูพยาบาลสาวแวบหนึ่ง แล้วส่ายหัวพลางส่งเสียง “จุ๊ ๆ”
“สุดยอด เสพสุขเป็นจริง ๆ!”
“อย่าหัวเราะเยาะฉัน รสชาติของการนอนอยู่ตรงนี้มันไม่ได้ดีเลยนะ” ฉินจื่อยี่หัวเราะอย่างขมขื่น พลางเอ่ยถาม: “เรื่องเป็นยังไงบ้างแล้ว?”
“เรื่องนี้……” หลี่ฝางกำลังจะเอ่ยตอบ จู่ ๆ ก็มีเสียงจ้อกแจ้กจอแจดังมาจากข้างนอก เดิมทีแล้วการเก็บเสียงของห้องผู้ป่วยVIP นั้นดีไม่น้อย เพียงแต่ว่าตอนที่หลี่ฝางเข้ามานั้นปิดประตูไม่สนิท ทำให้เสียงจากระเบียงทางเดินดังลอยเข้ามา
“เกิดอะไรขึ้นที่ด้านนอก?” ฉินจื่อยี่หันคอไม่ได้ ทำได้เพียงเอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
หลี่ฝางชายตามองออกไปที่ด้านนอก แล้วกล่าวด้วยท่าทางรู้แจ้ง: “อ๋อ เป็นมู่หรงฉางเฟิงน่ะ มันเข้าโรงพยาบาลอีกแล้ว ทั้งยังพักอยู่ที่ห้องข้าง ๆ นาย”
ฉันจื่อยี่ชะงักงันไปชั่วขณะ: “นายอัดมันอีกแล้วเหรอ?”
หลี่ฝางรีบทำท่าโบกมือ: “ครั้งนี้ไม่ใช่ฉันหรอกนะ แต่เป็นน้องสาวของนาย เดิมทีฉันว่าจะปล่อยไอ้หมอนั่นไปแล้ว ใครจะไปรู้ว่าน้องสาวของนายจะยกเก้าอี้ขึ้นมาและฟาดลงไปบนหัวของมัน ฉันจะห้ามก็ห้ามไม่อยู่”
มองดูหลี่ฝางที่มีท่าทียิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ฉินจื่อยี่แบ้ปากอย่างหมดคำจะพูด ถ้าเขาเชื่อคำพูดของหลี่ฝางจริง ๆ ก็แปลกแล้ว
……
วิกฤติของตระกูลฉิน ก็ได้ถูกลบล้างไปเช่นนี้
เหล่าบริษัทที่ได้ผิดสัญญาเมื่อก่อนหน้านี้ ต่างก็แย่งชิงที่จะมาขอโทษตระกูลหลี่ถึงที่ อีกทั้งยังรับปากจะยกผลประโยชน์ต่างๆ นานา ให้ ต้องการเป็นพันธมิตรกับตระกูลหลี่ ทำให้คนที่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางต้องอุทานด้วยความตกตะลึงอย่างไม่รู้ตัว
ภายในห้องทำงาน ฉินวี่เฟยกำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับการตรวจอนุมัติสัญญาฉบับแล้วฉบับเล่า
“ประธานฉิน” เลขาคนหนึ่งยื่นหนังสือสัญญาหนึ่งฉบับมาอย่างดีอกดีใจ
“บริษัท ก่วงนิง เทรดดิ้ง จำกัด ได้ส่งหนังสือสัญญามาหนึ่งฉบับ หวังว่าจะสามารถสร้างความร่วมมือระยะยาวกับพวกเราได้!” ในแววตาของเลขาเต็มไปด้วยความดีอกดีใจ
บริษัท ก่วงนิง เทรดดิ้ง จำกัด เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจการค้าอันดับต้น ๆ ของประเทศเชียวนะ
“บริษัท ก่วงนิง เทรดดิ้ง จำกัด? ธุรกิจครอบครัวของตระกูลเจิ้งแห่งมณฑลเจียงหนาน?” ฉินวี่เฟยชะงักงัน
“ฉันจำได้ว่าเจิ้งจิ้นเผิงคนเมื่อวานก็คือคนตระกูลเจิ้ง หรือว่ากำลังแสดงความปรารถนาดีต่อหลี่ฝาง?” ฉินวี่เฟยคาดเดาอยู่อย่างนี้
ในขณะที่เธอกำลังครุ่นคิดอยู่นั่นเอง โทรศัพท์อีกสายก็โทรเข้ามา
“สวัสดีครับ ผมโทรจากบริษัท เทียนไห่ กรุ๊ป……”
“พวกเราอยากจะคุยกับพวกคุณเรื่องความร่วมมือทางธุรกิจ……”
โทรศัพท์สายนี้ คุยอยู่ประมาณสิบนาที จากนั้นอีกฝ่ายก็ได้วางสายไป และหลังจากที่วางโทรศัพท์ไป ฉินวี่เฟยก็รีบโทรหาหลี่ฝางทันที
“วี่เฟย? มีอะไรเหรอ?” หลี่ฝางที่กำลังหาเรืองอะไรบางอย่างกับทุกคนอยู่ที่สถานตากอากาศ มองเห็นสายโทรเข้าจากฉินวี่เฟย ก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับทันที
“หลี่ฝาง เมื่อกี้……” ฉินวี่เฟยเล่าเรื่องราวเมื่อสักครู่ให้หลี่ฝางฟังอีกรอบ
“ร่วมมืองั้นเหรอ? ดีมากเลยนี่ เธอไม่ต้องคิดอะไรมาก ร่วมมือกับพวกเขาไปอย่างวางใจก็พอแล้ว มีเงินพวกเราจะไม่เอาไม่ได้” เมื่อฟังฉินวี่เฟยกล่าวจบ หลี่ฝางก็ยิ้มขึ้นมา เขาคิดว่าเรื่องอะไร ที่แท้จู่ ๆ ก็มีพันธมิตรทางธุรกิจเข้ามาหามากมายนี่เอง หนึ่งในนั้นยังมีตระกูลเจิ้งแห่งมณฑลเจียงหนานและบริษัท เทียนไห่ กรุ๊ป ทำในภายในใจของฉินวี่เฟยเป็นกังวลเล็กน้อย
ได้ยินคำปลอบประโลมของหลี่ฝาง ฉินวี่เฟยก็โล่งใจขึ้นมาไม่น้อย และกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง: “บริษัท เทียนไห่ กรุ๊ป คาดหวังว่าพวกเราจะส่งทีมงานไปที่เมืองเซี่ยงไฮ้เพื่อคุยเรื่องความร่วมมือทางธุรกิจกันซึ่ง ๆ หน้า ครั้งนี้ฉันอยากจะไปด้วยตัวเอง คุณจะไปกับฉันด้วยได้ไหม?”
หลี่ฝางลังเลอยู่สักครู่ จากคำพูดของฉินวี่เฟย เขาฟังออกถึงความปรารถนาอันแรงกล้า เข้าใจว่าฉินวี่เฟยไปในครั้งนี้ ความจริงนอกจากต้องการฝึกฝนตัวเอง เพื่อเพิ่มประสบการณ์ทางธุรกิจของตัวเองแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นก็คือต้องการอยู่กับหลี่ฝางสองต่อสองสักระยะมากกว่า
เมื่อนึกถึงว่าหลังจากที่ตัวเองได้ยืนยันความสัมพันธ์กับฉินวี่เฟยได้แล้วก็ไม่ได้ใช้เวลาอยู่กับเธอเลย หลี่ฝางก็ไม่อาจปฏิเสธฉินวี่เฟย จึงได้พยักหน้า: “ได้ ฉันจะไปกับเธอ”
“เยี่ยมไปเลย!”
อีกฝั่งของสาย ฉินวี่เฟยหัวเราะขึ้นมาอย่างดีอกดีใจราวกับเด็ก ๆ
……
ชีวิตของหวางซีหมิงในระยะนี้ไม่ค่อยจะดีนัก หลังจากที่ถูกหลี่ฝางสั่งสอนเมื่อครั้งที่แล้ว เขาก็ไม่ได้ออกไปไหนอีกเลย
ครั้งที่แล้วหลี่ฝางไม่เพียงบีบแขนของเขาจนหัก ทั้งยังตีขาของเขาหักอีกด้วย ทำให้เขาต้องนั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็น และต้องนั่งอยู่แบบนั้นหลายเดือน
แต่ไม่มีทางที่หวางซีหมิงจะทนนั่งอยู่อย่างนั้นจนครบสามเดือนได้ หลังจากที่ใช้ไม้อ่อนหว่านล้อมพ่อของเขาอยู่ไม่หยุด ในที่สุดก็ได้ตำแหน่งรองประธานของบริษัทหนึ่งในกลุ่มธุรกิจของตระกูลมา
พ่อของหวางซีหมิงดีอกดีใจคิดว่าลูกชายของตัวเองคิดได้แล้ว จึงยินยอมที่จะติดตามผู้รับผิดชอบบริษัทแห่งนี้ นั่นก็คือน้องชายลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งของตัวเองติดต่อให้ ฝากฝังให้เขาช่วยดูแลลูกชายของตัวเอง
เพียงแต่สิ่งที่เขาคิดไม่ถึงก็คือ หวางซีหมิงจะยอมมาที่บริษัทนี้ แค่เพียงเพราะพออกพอใจพนักงานสาวที่น่ารักไร้เดียงสาคนหนึ่งเท่านั้น