NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่950 มาถึงเมืองเซี่ยงไฮ้
“เพ่ยเพ่ย เธอบอกว่าบริษัท เทียนไห่ กรุ๊ป ได้ติดต่อไปหาตระกูลฉินใหม่อีกครั้งแล้วงั้นเหรอ?”
หวางซีหมิงนั่งอยู่ในห้องประชุมที่ว่างปล่า เขาแสร้งทำท่าทำทางตั้งอกตั้งใจทำงาน
หญิงสาวหน้าสวยคนหนึ่งกลับกำลังนั่งคุกเข่ายุ่งอยู่ใต้เก้าอี้
หลังจากได้ยินที่หวางซีหมิงกล่าว นิ่งเพ่ยเพ่ยก็ได้หยุดการเคลื่อนไหวไป เธอเงยหน้าขึ้นกล่าว: “แน่นอน ฉันได้ยินจากปากของประธานหวางเลย”
“คุณลุงของฉันงั้นเหรอ? ถุย ไอ้เต่าเฒ่านั่น ธุรกิจที่ฉันกว่าจะคว้ามาได้ กลับถูกเขาทิ้งออกไปฟรี ๆ งั้นเหรอ? โง่เง่าเต่าตุ่น! จะต้องเป็นคำสั่งจากคุณปู่แน่! ไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าคุณปู่กำลังคิดอะไรอยู่ หลี่ฝางคนนั้นต่อให้ฝีมือดีขนาดไหน ก็เป็นแค่พวกเศรษฐีใหม่เล็ก ๆ เท่านั้นเอง คุณปู่จำเป็นต้องประจบประแจงแบบนี้เชียวเหรอ?”
หวางซีหมิงตะโกนด่าออกมาอย่างเคียดแค้น นิ่งเพ่ยเพ่ยฟังหวางซีหมิงแหกปากด่า ก็ไม่กล้าส่งเสียงใด ๆ ทำได้เพียงตั้งใจทำงานอย่างขะมักเขม้นต่อไป
และในตอนนั้นเอง ด้านนอกประตูของห้องประชุม จู่ ๆ ก็ได้มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น หวางซีหมิงรีบจัดระเบียบเสื้อผ้าทันที แล้วให้นิ่งเพ่ยเพ่ยไปนั่งที่อีกด้วย เสแสร้งทำท่าทางตั้งใจทำงาน
ในตอนที่ลุงของหวางซีหมิง หวางเจียโล่เดินเข้ามาในห้องประชุม ก็ได้กลิ่นที่มีความเฉพาะลอยอยู่ในอากาศ เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา สีหน้าของเขาก็ได้แคร่งขรึมลงทันที
ห้องประชุมห้องนี้ของเขาให้สำหรับรับรองลูกค้ารายใหญ่โดยเฉพาะ อีกทั้งอีกสักครู่จะมีลูกค้าคนสำคัญของเขามาคุยธุรกิจ ตอนนี้หวางซีหมิงกลับทำเรื่องแบบนั้นในห้องประชุมแห่งนี้ ถ้าหากการเจรจาครั้งนี้ล้มเหลวเพราะเรื่องนี้ งั้นมันก็คงน่าเสียดายเกินไป
ณ เวลานี้ หวางเจียโล่เพียงอยากชี้หน้าด่าหวางซีหมิงอย่างหนัก ๆ จากนั้นก็ไล่เขาออกไปจากที่นี่ แต่ว่าเขาทำได้เลยสักนิด
เพราะว่าเขาเป็นแค่ลูกหลานห่าง ๆ ของตระกูลหวางเท่านั้น สำหรับตระกูลหวางแล้วไม่ได้มีความสำคัญอะไรเลยสักนิด ตำแหน่งของเขา สู้หลานอย่างหวางซีหมิงไม่ได้ด้วยซ้ำ
พอเห็นหวางเจียโล่ สีหน้าท่าทางของหวางซีหมิงจริงจังขึ้นมาเล็กน้อย เพียงแต่ว่าก็แค่เพียงจริงจังเล็กน้อยเท่านั้นเอง จากแววตาที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ของเขา หวางเจียโล่ก็เข้าใจขึ้นมาทันทีว่าหวางซีหมิงไม่ได้ใส่ใจคำพูดของเขาเลยสักนิด
ในที่สุดหวางเจียโล่ก็ระงับไฟโกรธเอาไว้ไม่อยู่ เขาเอ็ดด่าขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“หวางซีหมิง ตอนอยู่ที่บริษัทนายจะจริงจังหน่อยไม่ได้หรือไง? ต้องทำเรื่องแบบนั้นอยู่ที่นี่ให้ได้งั้นเหรอ? ถ้าหากอีกสักครู่เรื่องนี้ของนายทำให้ลูกค้ายกเลิก ฉันจะต้องไปคุยกับพ่อของนายแน่!”
“ขอโทษครับ คุณลง ต่อไปผมจะไม่ทำอีกแล้ว” เมื่อเห็นหวางเจียโล่โกรธขึ้นมาจริง ๆ หวางซีหมิงก็รีบเอ่ยขอโทษทันที
“หึ ไม่ทำอีก? นายคิดว่าฉันไม่ได้ยินที่พวกนายพูดเมื่อกี้หรือยังไง?” หวางเจียโล่ทำเสียงหึอย่างเย็นชา สายตาจ้องเขม็งไปที่นิ่งเพ่ยเพ่ยอย่างเยือกเย็น
ไม่เหมือนกันกับความโมโหที่มีต่อหวางซีหมิง หวางเจียโล่ในเวลานี้ทั่วทั้งร่างของเขาแผ่รัศมีความน่าเกรงขามออกมาเล็กน้อย ทำให้นิ่งเพ่ยเพ่ยรู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาในใจ
“นายเองก็อย่าเกิดความไม่พอใจ ยกธุรกิจนี้ให้คนอื่นเป็นคำสั่งจากคุณท่าน เพราะเรื่องที่นายสร้างขึ้นในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ขอโทษขอโพยคนอื่นไปอย่างเหมาะสม อย่างน้อยก็ดีกว่าผูกปมแค้นกันในวันข้างหน้า”
“ขอโทษ?”
ทันทีที่ฟังหวางเจียโล่กล่าวจบ หวางซีหมิงก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นมา: “จะว่ายังไงผมก็เป็นคนตระกูลหวาง จำเป็นต้องให้ผมไปขอโทษหลี่ฝางด้วยเหรอ?”
“นาย…..”
หวางเจียโล่ยังอยากจะกล่าวต่อ แต่กลับถูกหวางซีหมิงตัดบทไปทันที: “พอเถอะ ลุง ธุรกิจยกให้คนอื่นไปแล้วก็แล้วไปเถอะ ผมจะไม่โต้เถียงอะไรอีก แต่ความแค้นในครั้งนี้ ไม่มีทางที่จะปล่อยผ่านไปง่าย ๆ แบบนั้น”
……
เครื่องบินลำหนึ่งลงจอดที่สนามบินเมืองเซี่ยงไฮ้ ชายหญิงกลุ่มหนึ่งเดินลงมาจากเครื่องบิน
เดินนำหน้านั้นเป็นสายหญิงคู่หนึ่ง ผู้หญิงหน้าตางดงามมีเสน่ห์ ดูแล้วสบายตาเป็นอย่างมาก
ผู้ชายถึงแม้รูปร่างหน้าตาจะไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่ร่างกายของเขากลับรัศมีบางอย่างที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัวแผ่ซ่านออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ดูก็รู้ว่าไม่ใช่บุคคลธรรมดา
และกลุ่มคนที่เดินตามทั้งสองคนมานั้น ต่างก็แต่งตัวอย่างเป็นทางการมาก ผู้คนเหล่านี้ ก็คือทีมงานของหลี่ฝางและฉินวี่เฟยจากเมืองเอกที่มาคุยธุรกิจที่เมืองเซี่ยงไฮ้นั่นเอง
หลี่ฝางทั้งสองคนเดินนำอยู่ด้านหน้า ส่วนคนอื่น ๆ ก็เดินตามอยู่ด้านหลัง ไม่นานก็ออกมาจากสนามบิน และได้เห็นที่ด้านนอกมีรถเบนซ์เชิงพาณิชย์สามคันจอดรออยู่แล้ว
“ประธานฉิน ในที่สุดคุณก็มา”
เมื่อเห็นฉินวี่เฟยเดินเข้ามา ดวงตาคู่นั้นของชายวัยกลางคนที่เดินอยู่ด้านหน้าขบวนรถก็เปล่งประกายขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ได้รีบปิดบังอำพรางลงไป และได้เข้าไปต้อนรับอย่างอบอุ่นยิ้มแย้ม
เขาชื่อว่าจ้าวเฉิง เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบคนสำคัญในการคุยธุรกิจกับฉินวี่เฟยในครั้งนี้
“ประธานจ้าว ต้องขอโทษด้วยจริง เครื่องบินดีเลย์ เลยทำให้ล่าช้าไปหน่อย”
ฉินวี่เฟยจับมือกับอีกฝ่าย และยิ้มเป็นเชิงขอโทษขอโพย
“ท่านนี้คือ?” สายตาของจ้าวเฉิงเลื่อนไปที่หลี่ฝางที่อยู่ด้านข้าง
“เขาเป็นแฟนของฉันเอง ชื่อหลี่ฝาง” ฉินวี่เฟยเอ่ยแนะนำอย่างเปิดเผย
“อ๋อ คุณหลี่ ยินดีที่ได้พบครับ” เจ้าเฉิงขมวดคิ้วอย่างไร้ร่องรอย แล้วยื่นมือออกไปทางหลี่ฝาง หลี่ฝางยิ้มเล็กน้อย และยื่นมือออกมาจับมือกับเขาเบา ๆ โดยไม่ได้กล่าวอะไรทั้งสิ้น
“ประธานฉิน ขึ้นรถก่อนเถอะ ผมได้จัดเตรียมโรงแรมไว้เรียบร้อยแล้ว เดินทางมาเหนื่อย วันนี้พักผ่อนเอาแรงก่อน พรุ่งนี้พวกเราค่อยคุยเรื่องความร่วมมือกัน”
จ้าวเฉิงรีบกล่าวอย่างดูแลเอาใจใส่
จ้าเฉิงเปิดประตูรถ แล้วเชิญฉินวี่เฟยขึ้นรถด้วยท่าทางสุภาพบุรุษ หลังจากที่ฉินวี่เฟยขึ้นไปนั่งบนรถก็ได้ขยับเข้าไปข้างใน และเว้นที่ว่างออกมา ดวงตาคู่นั้นของจ้าวเฉิงเป็นประกายขึ้นมา และเตรียมที่จะมุดตัวเข้าไปในรถ
คิดไม่ถึงว่าเงาร่างร่างหนึ่งที่อยู่ด้านข้างจะเร็วกว่าเขามาก ดวงตาพร่ามัวไปชั่วขณะ หลี่ฝางก็ได้เข้าไปนั่งอยู่ในรถแล้ว
“คุณหลี่ นี่คุณ……”
เมื่อเห็นการคาดเดาของตัวเองไม่ได้เป็นอย่างที่คิด อารมณ์ความโกรธและอับอายก็ได้บังเกิดขึ้นในใจของเขา
“แน่นอนว่านั่งอยู่ที่ด้านหลังนี้กับผู้หญิงของผม คุณจ้าว คุณก็จะเบียดเข้ามาด้วยเหรอ?”
หลี่ฝางฉีกยิ้ม ปรากฏฟันขาวออกมา