NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่953 จ่ายให้ฉันสองล้าน
หลังจากที่เฉียงจื่อได้เดินจากไป จ้าวเฉิงก็ได้หันกลับไปคุยกับหวางซีหมิง: “น้องชาย ครั้งนี้ไม่ใช่ว่าฉันไม่ช่วยนาย แต่เพราะไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นจริง ๆ คนทำธุรกิจอย่างเราให้ความสำคัญกับคำว่าปรองดองก่อเกิดทรัพย์ การทำเงินเป็นถึงสิ่งสำคัญที่สุด ธุรกิจที่ขาดทุนอย่าทำเลยจะดีกว่า”
“เหอะ ๆ คุณไม่ต้องพูดแล้ว” หวางซีหมิงขัดจังหวะคำพูดของจ้าวเฉิงอย่างเย็นชา จากนั้นก็หมุนล้อเก้าอี้รถเข็นออกไปทันที
มองดูแผ่นหลังของหวางซีหมิงที่จากไปโดยไม่บอกกล่าว ไม่รู้ว่าทำไม จ้าวเฉิงรู้สึกว่าตัวเองได้ตกเป็นเป้าหมายของงูพิษตัวหนึ่งเข้าให้แล้ว เขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว
หลายวันต่อมา ความร่วมมือกับบริษัท เทียนไห่ กรุ๊ปยังคงดำเนินไปอย่างราบรื่น
นอกจากนี้ทุกคนยังรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า เริ่มจากช่วงบ่ายของวันแรก ท่าทีที่จ้าวเฉิงมีต่อพวกเขานั้นก็ได้กระตือรือร้นขึ้นมาอีกขั้น
นอกจากนี้ฉินวี่เฟยยังพบว่า เฉียงจื่อที่ขับรถให้กับพวกเขาก็ไม่ได้มีท่าทางเย็นชาเหมือนตอนแรกแล้ว เขาให้การบริการอย่างกระตือรือร้นและรอบคอบ เคารพนอบน้อม พูดได้แม้กระทั่งว่า…… ประจบสอพลอ?
แน่นอน นี่เป็นเรื่องราวส่วนตัวระหว่างหลี่ฝางและเฉียงจื่อ เธอไม่รู้สาเหตุเลยแม้แต่นิดเดียว
การเจรจาค่อย ๆ ดำเนินมาถึงจุดสิ้นสุด งานที่ตึงเครียดของทุกคนก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายลง ออกไปเดินเล่น ซื้อของ ชื่นชมทิวทัศน์ นับว่าเป็นการพักผ่อนหลังจากการทำงานแล้ว
และฉินวี่เฟยเองก็ได้ถือโอกาสนี้เที่ยวเล่นกับหลี่ฝางตลอดทั้งเช้า หลังจากที่ทานอาหารเที่ยงเสร็จ หลี่ฝางก็ได้ส่งฉินวี่เฟยที่เที่ยวเล่นจนเหนื่อยกลับไปที่โรงแรม
หลังจากที่กลับมาถึงโรงแรม ฉินวี่เฟยก็ได้ขึ้นไปบนห้อง เฉียงจื่อคนขับรถขับกลับเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่สับสนแล้วกล่าว: “คุณหลี่ ตอนบ่ายผมมีธุระนิดหน่อย อาจจะมาขับรถให้คุณไม่ได้ คือว่า……”
“ไม่เป็นไรนายมีธุระก็ไปทำธุระของนายเถอะ ไม่มีคนขับรถก็ไม่ใช่ว่าฉันจะออกไปข้างนอกไม่ได้ซะหน่อย” หลี่ฝางโบกมือและกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
“ขอบคุณพี่หลี่” เฉียงจื่อขอบคุณหลี่ฝางเสร็จก็จากไปทันที
หลี่ฝางส่ายหัวแล้วเดินขึ้นไปบนห้อง เพียงแต่ว่าในตอนที่เขาเดินอยู่ข้างบน ก็ได้มองผ่านหน้าต่างกระจก เห็นชายแต่งตัวอย่างอันธพาลสามคน เดินมาหยุดที่ด้านหน้าของเฉียงจื่อ
บนถนนที่ไม่ค่อยจะคึกคักนัก เฉียงจื่อเดินตามอยู่ที่ด้านข้างของชายสามคนนั้น และเดินไปยังทิศทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว
ดูจากบุคลิกของชายทั้งสามคนนั้นแล้ว ไม่มีใครที่ไม่โหดเหี้ยมดุร้ายเลยสักคน
“เฉียงจื่อคนนี้ คงไม่ได้ไปทำเรื่องชั่วช้ากับคนพวกนั้นอีกหรอกนะ?” หลี่ฝางพึมพำอยู่ในใจ ภายใต้การชักนำของความอยากรู้อยากเห็น หลี่ฝางก็ได้เดินลงไปข้างล่าง และเดินตามคนกลุ่มนั้นไปอย่างไม่ช้าไม่เร็ว
ก่อนที่จะลงมานั้น เขาก็ได้โทรบอกกับฉินวี่เฟยเรียบร้อยแล้ว พอดีกับที่ตอนเช้าฉินวี่เฟยได้เที่ยวเล่นจนเหนื่อย ตอนบ่ายอยากจะพักผ่อนอยู่ที่โรงแรม เลยไม่ได้ตามออกมา
เขาเดินตามคนพวกนั้นอยู่ห่าง ๆ หลี่ฝางอาศัยการฟังที่ยอดเยี่ยมของเขา รับเอาบทสนทนาของคนเหล่านั้นเข้ามาในหู
“น้องชาย เรื่องในครั้งนี้ ต้องอาศัยนายแล้วนะ จัดการจ้าวหู่ได้สำเร็จ อาณาเขตในทางนี้ มีส่วนของนายอยู่”
“ลูกพี่ ผมได้ยินมาว่าครั้งนี้จ้าวหู่ได้เชิญแชมป์มวยใต้ดินมา ร้ายกายเอามาก ๆ พี่เฉียงจื่อพอจะมีความมั่นใจหรือเปล่า?” ลูกน้องคนหนึ่งเดินขึ้นมาและกระซิบเบา ๆ
“แชมป์มวยใต้ดินงั้นเหรอ?” เฉียงจื่อฉีกยิ้มอย่างเหยียดหยาม: “พูดยังกับใครไม่เคยแข่งแน่ะ”
เวทีมวยใต้ดินนั้น เฉียงจื่อเองก็เคยขึ้นชกมาก่อนตอนเป็นหนุ่ม และยังเคยสร้างชื่อเสียงมามากมายเพียงแค่ต่อมาเขามีทางเดินที่ดีกว่า เลยได้วางมือจากงานที่ใช้ชีวิตแลกเงินนี้ไป
“เยี่ยม วันนี้พวกเราชนะแน่แล้ว ไปกัน!”
คำพูดของเฉียงจื่อทำให้ชายฉกรรจ์มีความเชื่อมั่นขึ้นมาเป็นร้อยเท่า เขาไม่คิดเลยสักนิด ก็ได้พาทุกคนเดินไปทางสวนสาธารณะที่เงียบเชียบแห่งหนึ่ง
ส่วนหลี่ฝางก็ได้เดินตามอยู่ด้านหลัง และแอบเข้าไปอย่างเงียบ ๆ
ไม่นาน เขาก็ได้เห็นพวกเฉียงจื่อกำลังเผชิญหน้ากับคนอีกกลุ่มหนึ่ง
“ฮ่า ๆ เฮียจาง ฉันคิดว่าเฮียได้นี้ไปแล้วซะอีก”
“หนีงั้นเหรอ? จ้าวหู่ ในพจนานุกรมของฉันไม่มีคำว่าหนีคำนี้อยู่!”
เฮียจางแสยะยิ้ม มองไปทางพวกเจ้าหู่ และได้สังเกตเห็นชายฉกรรจ์ที่สูงราว ๆ สองเมตรคนนั้นทันที
ชายคนนี้รูปร่างสูงใหญ่กำยำ รัศมีอันทะนงองอาจแผ่ซ่านออกมาทั่วร่างของเขา เหมือนว่าจะเป็นแชมป์มวยคนนั้นสินะ
“ฉันต้องการอาณาเขตแห่งนี้ เฮียจาง ถ้าหากเฮียยังไม่อยากตายล่ะก็ ก็จากไปด้วยตัวเองเถอะ
นะ” เจ้าหู่เอ่ยขึ้นมาอย่างไม่อ้อมค้อม
“ฮ่า ๆ ๆ นักเลงหัวไม้ตัวเล็ก ๆ ที่ไม่รู้ว่ามุดออกมาจากไหนยังแกยังกล้ามาอวดดีกับฉันอีกเหรอ?” ทันใดนั้นเฮียจางก็ได้หัวเราะเสียงดังขึ้นมาอย่างเย้ยหยัน
“ดูเหมือนว่าเฮียจางจะไม่อยากให้เรื่องนี้จบด้วยดีซะแล้ว” จ้าวหู่ยิ้มอย่างโหดเหี้ยม และส่งสัญญาณให้กับชายฉกรรจ์ที่อยู่ข้าง ๆ
“ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรจะต้องคุยกันอีกต่อไปแล้วลูก!” เฮียจางเองก็โบกมือ ตัวเองและทุกคนต่างก็ถอยออกไป เพื่อเว้นที่ว่างออกมาให้กับเฉียงจื่อ
“คุณหวาง ผมได้โอนเงินหนึ่งล้านให้คุณแล้ว รอจัดการเฮียจางเสร็จ ส่วนที่เหลืออีกหนึ่งล้าน ผมจะรีบโอนให้คุณทันที”
จ้าวหู่กล่าวแชมป์มวยคนนั้นอย่างนอบน้อม
ส่วนหัวใจของเฮียจางนั้นก็ได้หนักหน่วงขึ้นมา บุคคลอย่างจ้าวหู่ กลับเคารพนอบน้อมคนคน
หนึ่งถึงขนาดนี้ เช่นนั้นคนคนนี้จะต้องไม่ง่ายแน่ ๆ
คิดแล้วคิดอีก เฮียจางก็ได้เอ่ยกับเฉียงจื่อ: “เฉียงจื่อ หลังจากที่งานสำเร็จฉันก็จะให้ค่าเหนื่อยนาย สองล้านเหมือนกัน นายวางใจเถอะ”
“ไม่ต้องหรอก เมื่อก่อนเท่าไหร่ ตอนนี้ผมก็ยังคงต้องการเท่านั้น”
เฉียงจื่อจ้องมองแชมป์มวยที่อยู่ตรงข้าม ในดวงตาทั้งสองข้างของเขาเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม
คนที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามคนนั้นชื่อว่าหวางเฉิน เขาได้รับชัยชนะบนเวทีมวยใต้ดินติดต่อกันสามสิบเจ็ดครั้ง สถิติเช่นนี้พูดได้ว่าน่ากลัวไม่เบา
วินาทีต่อมา เงาร่างสองสายก็ได้พุ่งตัวออกไปทันที และเข้าพัวพันอยู่ด้วยกัน ทันใดนั้นเศษหญ้าก็ปลิวว่อนอยู่โดยรอบ
ถึงขนาดว่าพวกเฮียจาง มองดูการเคลื่อนไหวของเงาร่างสองสายนั้นเห็นได้เพียงเป็นเงาเลือนรางเท่านั้น
“น่าสนใจแฮะ!” เมื่อเห็นคนทั้งสองสู้กันอย่างดุเดือด ภายในใจของเฮียจางก็รู้สึกดีใจขึ้นมา เขารู้สึกเหมือนกับว่าได้ยกภูเขาออกจากอก
ส่วนเหล่าลูกน้องที่อยู่โดยรอบนั้น ก็ร้องเชียร์ให้กับการต่อสู้ที่ดุเดือดเข้มข้นของคนทั้งสอง