NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่958 โทรศัพท์จากหลิวฮุย
เมื่อคิดเช่นนี้ หลี่ฝางก็เข้าใจขึ้นมาทันทีว่าทำไมเฮียติงถึงต้องเล่นงานตัวเอง
หลังจากที่คิดเข้าใจแล้ว หลี่ฝางก็หมดความสนใจที่จะไร้สาระกับคนพวกนี้อีกต่อไป เขาถามขึ้นมาตรง ๆ : “เฮียติงล่ะ? เขาอยู่ที่ไหน?”
“ไอ้หนุ่ม อย่างแกยังคิดอยากจะเจอกับเฮียติงงั้นเหรอ? แกเป็นห่วงตัวเองก่อนเถอะ!” เจ้าสามจางหัวเราะแฮะ ๆ ขึ้นมาอย่างเย็นชา แต่ทว่าในใจของเขากลับไม่ได้สงบเหมือนดั่งท่าทีที่เขาแสดงออกมา
ไม่ใช่แค่เพียงเพราะฝีมือที่เกินความคาดหมายนั่นของหลี่ฝาง แต่ยังเป็นเพราะสายตาที่สงบสุดขีดนั่นของหลี่ฝางด้วย
ในดวงตาคู่นั้นไม่ได้มีความรู้สึกใด ๆ อยู่เลยสักนิด ไม่มีความหวัดกลัว ไม่มีการถดถอย ไม่มีแม้แต่การเปลี่ยนแปลงใด ๆ เลย มีเพียงความสงบอันไร้ขอบเขต
ความสงบเช่นนั้น ทำให้หัวใจของเขารู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมา
ดังนั้นเจ้าสามจางจึงได้ลั่นไกลปืนโดยไม่ลังเลเลยสักนิด
เสียงทุ้มต่ำเสียงหนึ่งดังขึ้น ลูกกระสุนพุ่งออกมาจากปากกระบอกปืนไปทางหลี่ฝาง และทำให้เจ้าสามจางรู้สึกเหมือนกับยกภูเขาออกจากอก
ปืนนัดนี้ยิงออกไป ต่อให้เขาเป็นนักสู้ หนึ่งนัดยิงไม่ตาย แต่ก็น่าจะสูญเสียพลังในการตอบโต้ไปแล้วสินะ
ความจริงแล้วหลี่ฝางเองก็คิดไม่ถึงว่าเจ้าสามจางจะลั่นไกลปืนอย่างกะทันหัน ดังนั้นเขาจึงไม่ทันที่จะหลบไป ไม่เช่นนั้นละก็ลูกปืนเล็ก ๆ เพียงลูกหนึ่ง ไม่มีทางที่จะยิงโดนเขาได้ เขาสามารถหลบไปตั้งแต่ตอนที่เจ้าสามจางลั่นไกลปืนแล้วด้วยซ้ำ
แต่ทว่าวินาทีที่ลูกกระสุนพุ่งออกมาจากปากกระบอกปืนนั้น ค่อยหลบไปก็ไม่ทันการณ์แล้ว หลี่ฝางทำได้เพียง ขับเคลื่อนพลังภายในอย่างเร่งด่วน เพื่อปกป้องอวัยวะส่วนที่ต้องรับลูกกระสุน
“ฮ่า ๆ ๆ ไอ้หมอนี่ยังคิดว่าตัวเองร้ายกาจมากอยู่อีก ต่อให้ร้ายกาจแค่ไหน ปืนหนึ่งนัดก็สามารถโค่นลงได้เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”
เมื่อเห็นหลี่ฝางถูกยิง เจ้าสามจางก็หัวเราะขึ้นมาทันที เขาหันไปคุยโม้กับลูกน้องของตัวเองอย่างภาคภูมิใจ
ลูกน้องที่อยู่รอบ ๆ ก็หัวเราะเสียงดังตาม เพื่อแสดงความยินดีที่เจ้าหนุ่มที่ร้ายกาจคนนี้ถูกปืนยิงตาย และเพื่อความหวัดกลัวที่ได้ถูกขจัดออกไปจากหัวใจ
ฉินวี่เฟยในเวลานี้ กลับน้ำตาไหลอยู่เต็มใบหน้าโดยไม่รู้ตัว
เธอเห็นหลี่ฝางถูกยิงกับตาตัวเอง วินาทีนั้นสมองของเธอว่างเปล่าไปทันที ราวกับทั้งโลกได้สูญเสียสีสันไป ทุกอย่างหมดความหมายไปในชั่วพริบตา
ในตอนที่เธอโศกเศร้าเสียใจกับการตายของหลี่ฝางอยู่นั้นเอง ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกถึงความผิดปกติขึ้นมา เพราะเสียงระคายหูที่ดังอยู่รอบ ๆ พวกนั้นจู่ ๆ ก็ได้หายไป
ภายใต้ความเงียบสงบ ฉินวี่เฟยมองไปยังทิศทางที่หลี่ฝางอยู่ และก็ได้เห็นว่าทุกคนต่างมีท่าทางราวกับเห็นผีอย่างไรอย่างนั้น ความหวาดกลัวและความไม่อยากจะเชื่อถูกแสดงออกมาอย่างไม่ปกปิดเลยแม้แต่น้อย
นั่นก็เพราะว่าหลี่ฝางยังคงยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่เป็นอะไรเลย อีกทั้งยังส่งยิ้มให้กับฉินวี่เฟย
“หลี่ฝาง!” ฉินวี่เฟยอดไม่ได้ที่จะร้องตะโกนออกมาอีกครั้ง น้ำตาแห่งความปีติยินดีหลั่งไหลออกมา
ส่วนเจ้าสามจางในเวลานี้ก็ได้หวาดกลัวถึงขั้นสุด มือทั้งสองข้างกุมปืนเอาไว้และเล็งไปที่หลี่ฝาง พลางตวาดเสียงดัง: “แกเป็นตัวอะไรกันแน่!”
“เหอะ ๆ” หลี่ฝางหัวเราะอย่างเย็นชา เขายื่นมือออกมาและทิ้งลูกปืนลูกหนึ่งลงไปบนพื้น
ส่วนบนร่างกายของเขา จุดที่ถูกยิงนั้น มีเพียงรอยขาดของเสื้อเท่านั้น แต่ผิวหนังของเขากลับไม่ได้รับอันตรายใด ๆ เลย
น้อยมากที่จะมีคนรู้ว่าแดนเตานั้นแข็งแกร่งเพียงใด เพราะถึงยังไงบนโลกใบนี้แม้แต่ขั้นปรมาจารย์กำลังภายใน ก็ยังมีเพียงน้อยนิด
แต่คนที่สามารถถึงขั้นปรมาจารย์แดนเตาได้นั้น ยิ่งมีน้อยจนไม่อาจจินตนาการได้
เพราะว่าคนที่มาถึงขั้นนี้ได้นั้นน้อยมากเกินไป ดังนั้นปรมาจารย์แดนเตาคนหนึ่งสามารถแสดงพลังของตัวเองออกมาได้ถึงขั้นไหนนั้น ไม่มีใครรู้เลย
แต่ว่าวันนี้ หลี่ฝางได้แสดงด้านที่น่ากลัวนั้นออกมา
ใช้กำลังภายในของตัวเอง หยุดลูกกระสุนเอาไว้
นั่นเป็นสิ่งที่ตั้งแต่ประดิษฐ์ขึ้นมา ก็ได้ปลิดชีวิตของผู้คนไปนับไม่ถ้วนแล้ว แต่กลับไม่มีผลอะไรต่อหลี่ฝาง
หลี่ฝางทิ้งลูกกระสุนลงไปบนพื้นเบา ๆ สะท้อนกับแสงอาทิตย์จนเกิดเป็นลำแสงอ่อน ๆ ออกมา ส่องสว่างดวงตาคู่นั้นของทุกคน และส่องสว่างความหวาดกลัวที่อยู่ภายในใจของพวกเขา
“ยิงปืน! รีบยิงปืนฆ่ามันซะ!” เจ้าสามจางร้องตะโกนขึ้นมาราวกับได้บ้าคลั่งไปแล้ว
คนที่ถือปืนอยู่ในมือต่างก็ลั่นไกลปืนขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งทันที และยิงไปที่ที่หลี่ฝางยืนอยู่ แต่ทว่าลูกกระสุนได้ทำให้พรรคพวกของตัวเองบาดเจ็บโดยไม่ตั้งใจ แต่กลับไม่มีนัดใดที่ยิงโดนหลี่ฝางเลย
เพราะว่าพวกเขาไม่เห็นแม้แต่เงาของหลี่ฝางเลยด้วยซ้ำ
“มันไปไหนแล้ว!” เจ้าสามจางแทบจะบ้า เขตวาดไปยังผู้คนที่อยู่รอบ ๆ
แต่สิ่งที่ตอบรับเสียงตวาดของเขาในครั้งนี้ กลับเป็นเสียงร้องอย่างเจ็บปวดที่ระคายหู
ทุกคนเห็นเพียงแค่เงาร่างสายหนึ่งผ่านแวบไป ลูกน้องที่ถือปืนอยู่ในมือคนหนึ่งถูกตีจนลอยปลิวออกไป และหมดสติในทันที
วินาทีต่อมา เงาร่างสายหนึ่งก็ได้ผ่านไปอีกครั้ง และลูกน้องที่ถือปืนก็ได้หมดสติไปอีกคน
คนพวกนี้กลัวจนแทบเสียสติไปโดยสิ้นเชิง พวกเขามองไม่เห็นแม้แต่เงาร่างของหลี่ฝางเลยด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าพรรคพวกของตัวเองถูกโค่นลงไปได้ยังไง ไม่รู้แม้กระทั่งว่าตกลงแล้วหลี่ฝางเป็นคนหรือเป็นผี
ภายใต้การทรมานจากแรงกดดันอันน่ากลัวที่ไม่มีตัวตนเช่นนี้ มีบางคนที่ได้เสียสติไปโดยสิ้นเชิง แล้วใช้ปืนยิงไปรอบ ๆ อย่างบ้าคลั่ง โดยที่ไม่ได้สนใจแล้วว่าคนที่ถูกยิงจะเป็นพรรคพวกของตัวเอง
แต่ว่าไม่นานคนที่บ้าคลั่งเหล่านั้น ก็ได้ลงไปกองอยู่บนพื้น ข้อมือของมือข้างที่ถือปืนถูกหัก และได้สิ้นสติไปในทันที
ไม่นาน ในตอนที่หลี่ฝางได้ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้งนั้น คนที่ถือปืนพวกนั้นต่างก็ได้สูญเสียสติสัมปชัญญะไปแล้ว ส่วนหลี่ฝาง ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนเดิม ราวกับว่าเขาไม่ได้ขยับไปไหนเลยสักนิดนะ
ในที่สุดตอนนี้เจ้าสามจางก็เข้าใจแล้วว่า “ร้ายกาจมาก” ที่เฮียติงว่านั้นหมายความว่ายังไง ถึงขั้นที่ว่าเกินกว่าคำว่าร้ายกาจมากจะอธิบายได้ สำหรับเจ้าสามจางแล้ว หลี่ฝางก็คือปีศาจ คือสัตว์ตลาด เป็นฝันร้ายที่ไม่อาจจินตนาการได้
เจ้าสามจางในเวลานี้ได้สูญเสียความกล้าไปโดยสิ้นเชิง นอกจากการมีชีวิตอยู่ต่อไป เรื่องอื่น ๆ เขาไม่คิดเลยสักนิด