NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่999 ฉินวี่เฟยเสียใจ
“ผมอยากเจอพ่อหนุ่ม ก็เพื่อขอร้องให้ร่วมมือกัน วางแผนหาทางออกร่วมกัน”
“อ้อ?”หลี่ฝางพูดอย่างแปลกใจ“ทำไมผู้อาวุโสเจิ้งต้องมาร่วมมือกับผมที่เป็นรุ่นน้องแบบนี้?แต่ไม่ใช่คนรุ่นเดียวกันคนอื่นที่ยังไม่ออกจากโลกแห่งความเป็นจริงได้?”
“ตาแก่อย่างผมไม่มีเพื่อนร่วมรุ่นแล้ว”เจิ้งเทียนซิงหัวเราะอย่างขมขื่น“แดนเต๋าไม่สำเร็จ แล้วจะใช้ชีวิตยืนยาวให้เพียงพอได้อย่างไรล่ะ?”
“นี่กลับเป็นข้อผิดพลาดของผม สำหรับผมแล้วล้วนแต่เป็นผู้อาวุโส สำหรับคุณแล้วไม่จำเป็นต้องเป็นคนรุ่นเดียวกัน”หลี่ฝางเข้าใจทันที“ผู้อาวุโสอยากจะร่วมมืออย่างไร?”
“หลายปีมานี้ตาแก่อย่างผม ไม่มีความหวังอะไรแล้วกับแดนดั่งเทพ”นายท่านเจิ้งพูดอย่างราบเรียบ“มีเพียงอย่างเดียว ก็คือต้องเอาแดนดั่งเทพไว้ในประเทศจีน ให้ฤดูร้อนระอุของผมเจริญรุ่งเรืองยาวนาน!”
“คำพูดนี้จริงจังหรือเปล่า?”อาการของหลี่ฝางดูแปลกประหลาดขึ้นมาทันที
“คำพูดไม่มีประโยชน์หรอก เวลาผ่านไปก็จะเห็นธาตุแท้เอง”นายท่านเจิ้งหัวเราะ“ความร่วมมือของคุณกับผม เราต้องโจมตีศัตรูด้วยกันก่อน แล้วค่อยสู้กันเอง ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะไปอยู่ในมือใครก็ห้ามบ่น”
“โอเค!คำพูดของนายท่านผมจะจำไว้ในใจ!”หลี่ฝางพูด“ช่วงนี้ผมยังต้องไปโซนปีศาจสักหน่อย ไม่งั้นนายท่านไปด้วยกันกับผมดีไหมครับ?”
“โอเค!”นายท่านเจิ้งพูดตอบรับ
“ใช่สิ นายท่าน มีเรื่องหนึ่งผมอยากให้ท่านสอนผมพอดี”หลี่ฝางถามเจิ้งเทียนซิง
“พ่อหนุ่ม ไม่มีปัญหา”พูดคุยความร่วมมือสำเร็จ อารมณ์ของเจิ้งเทียนซิงก็ดีเป็นอย่างมาก
“หลายปีมานี้ ทำไมแดนเต๋าทุกคนในตอนท้ายถึงได้ละจากทางโลก?หรือว่าที่นี่ยังมีกฎอะไรอีก?”
“ฮ่าฮ่า ไม่ใช่อย่างนั้นเลย”เจิ้งเทียนซิงหัวเราะลากเสียงยาว แต่แสดงออกกลับดูเหงาหงอย “ผู้แข็งแกร่งแดนเต๋าก็แก่ชราได้ ก็จะเหมือนคนทั่วไป เลือดลมทรุดโทรมลง ความแข็งแรงก็ทรุดโทรมลง ถ้ายังคงยุ่งกับเรื่องทางโลกอีก ก็กลัวว่าเมื่อรอจนถึงเวลาการต่อสู้ครั้งใหญ่ ก็คงไม่มีความแข็งแรงไปสู้แล้ว”
“เพื่อรอจนถึงวันนี้ พวกเราเลยใช้ได้แต่วิธีนี้ ทำให้เลือดลมของตัวเองไม่หายไป เหมือนกับแกล้งตาย สับสนปนเปมาหลายสิบปี บางทีแต่ละคนอาจจะมีวิธีต่างกันไป แต่ว่าล้วนแต่มีเป้าหมายอันเดียวกัน”
หลี่ฝางเข้าใจทันที เจิ้งเทียนซิงที่อยู่ตรงหน้า ดูเหมือนอายุมากแล้ว แต่กำลังกายกำลังวังชาที่จริงแล้วยังคงรักษาไว้อยู่ที่แดนสุด ความแข็งแรงนั้นลึกเกินกว่าจะวัดได้ นี่ก็คือผลจากการเตรียมฝึกฝนควบคุมอารมณ์ออกมาหลายสิบปี
อย่างเช่นย่าทวดหุบเขาราชายาทั้งวันเอาแต่เตร็ดเตร่ข้างนอก เลือดลมทรุดโทรมลง ตอนนี้แก่จนหมดสภาพไปแล้ว ความแข็งแรงในตอนนั้น มีได้ถึงครึ่งหนึ่งก็ถือว่าไม่เลวแล้ว
คุยกับนายท่านเจิ้งเสร็จ หลี่ฝางก็เดินเล่นข้างนอกสักพัก แล้วก็เริ่มทนไม่ไหว
รอเมี๋ยวชุ่ยอาการดีขึ้น เขาก็น่าจะเดินทางไปโซนปีศาจอีกครั้ง ไปครั้งนี้ก็ไม่รู้ว่าอันตรายแค่ไหน เขาไม่อยากสิ้นเปลืองเวลาเปล่าๆที่นี่
“หลี่ฝาง?”ฉินวี่เฟยถูกหลี่ฝางพาออกไปอย่างงงๆ
“วี่เฟย ผมคิดถึงคุณ”
ประโยคที่หลี่ฝางพูด ทำให้ฉินวี่เฟยตัวอ่อนทันที
ค่ำคืนนี้ก็ไม่มีอะไรต้องพูดอีก
วันถัดมา ตอนที่หลี่ฝางตื่น ข้างกายกลับไม่มีร่างของฉินวี่เฟยแล้ว
ตอนที่กำลังสงสัยว่าฉินวี่เฟยไปไหนแต่เช้า หูของหลี่ฝางก็เคลื่อนไหว ได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ
“วี่เฟย!”หลี่ฝางตกใจ ขยับตัวลงจากเตียง สุดท้ายก็หาฉินวี่เฟยนั่งร้องไห้สะอื้นบนฝาชักโครกที่ห้องน้ำเจอ
“เป็นอะไรไป?”จู่ๆฉินวี่เฟยก็เป็นแบบนี้ หลี่ฝางก็ทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย
“หลี่ฝาง……”ฉินวี่เฟยกอดเอวของหลี่ฝาง เอาหน้าของตัวเองซุกอยู่ในอ้อมแขนของหลี่ฝาง ร้องไห้เสียงดังออกมา:“เพื่อนรักของฉันตายแล้ว!”
ฉินวี่เฟยร้องไห้เสียงดัง หลี่ฝางสงสารอย่างมาก สักพักหนึ่งจึงปลอบฉินวี่เฟยจนเลิกหยุดร้องไห้ได้ แต่ยังหยุดสะอื้นไม่ได้
“เกิดอะไรขึ้น?คุณพูดดีๆ”หลี่ฝางเตรียมจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วค่อยปลอบฉินวี่เฟย
ฉินวี่เฟยส่ายหน้า แล้วโผใส่อ้อมแขนหลี่ฝางร้องไห้ออกมาอีก
หลี่ฝางก็ไม่รู้ว่าเธอไม่รู้หรือว่าไม่อยากพูด ได้แต่เอาคำถามไปไว้ข้างๆก่อน แล้วก็กอดฉินวี่เฟยมาที่โซฟาห้องรับแขก จากนั้นก็เอาใจเธอเบาๆ
ผ่านไปสักพัก ฉินวี่เฟยจึงหยุดร้อง โอบเอวของหลี่ฝางแล้วพูดต่อว่า:“เธอ……ถูกคนข่มขืน……แล้วติดเอดส์ แล้วยังตั้งท้อง รับความกดดันไม่ได้ก็เลยกระโดดตึกฆ่าตัวตาย”
หลี่ฝางขมวดคิ้ว ถามว่า:“คนทำผิดนั่นจับได้ยัง?”
ฉินวี่เฟยพยักหน้าและส่ายหน้า พูดว่า:“หลักฐานไม่พอ และยังมีเหตุผลพิเศษบางอย่าง คนๆนั้นเลยไม่ได้รับผลกระทบอะไร”
เหตุผลพิเศษ?หลี่ฝางพูดอย่างแปลกใจ:“เหตุผลพิเศษอะไร?”
ฉินวี่เฟยลังเลเล็กน้อย พูดว่า:“คนๆนั้น……เขาเป็นคนผิวดำ เป็นนักเรียนต่างชาติ”
หลี่ฝางตะลึง จากนั้นความโมโหก็“กระโจน”ลุกโชนขึ้นมา
เรื่องที่คล้ายกัน ทำให้เขานึกถึงคนอีกคนในความทรงจำ
เป็นพี่สาวคนหนึ่งที่อยู่บ้านใกล้หลี่ อายุมากกว่าหลี่ฝางไม่กี่ปี
ในความทรงจำของหลี่ฝาง เธอเป็นคนที่ร่าเริงอย่างมาก จิตใจดี ตอนที่พ่อแม่หลี่ฝางเพิ่งหายไป เธอก็ดูแลหลี่ฝางเยอะมาก
จนวันนี้หลี่ฝางยังจำรอยยิ้มของเธอได้ อบอุ่นและสดใสเหมือนดวงอาทิตย์
แต่ต่อมาไม่รู้ว่าทำไมพี่สาวข้างบ้านถึงได้คบกับนักเรียนต่างชาติคนผิวดำ หลี่ฝางก็เลยเจอเธอน้อยลง
ทุกครั้งตอนที่เห็นเธอก็จะประหลาดใจอย่างมากกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเธอ:ยิ่งสวมเสื้อผ้าโชว์มากขึ้นเรื่อยๆ ทำตัวสำมะเลเทเมาและหยาบคาย รวมถึงร่างกายที่ซีดขาวและผอมลงมากขึ้น
ไม่รู้ว่าเรื่องที่น่ากลัวมากมายแค่ไหนเกิดที่พี่สาวข้างบ้านคนนั้น ต่อมา หลี่ฝางก็ไม่ได้ยินข่าวของเธออีก
เหมือนกับคนได้ระเหยลอยไป พี่สาวข้างบ้านคนนั้นที่เคยส่องประกาย เป็นเหมือนนางฟ้าในใจหลี่ฝาง จึงหายไปไม่พบเจออีกเช่นนี้
เรื่องที่ผ่านมากลับมาคืนสู่ใจ มือของหลี่ฝางกำแน่นจากจิตใต้สำนึก จนหลังจากที่ฉินวี่เฟยส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด เขาจึงได้สติและคลายออก
หลี่ฝางถามอย่างจริงจัง กับฉินวี่เฟยที่น้ำตานองหน้าว่า:“วี่เฟย คุณอยากแก้แค้นแทนเธอไหม?”
ฉินวี่เฟยเช็ดน้ำตา พยักหน้าแรงๆ
“อยาก!”
ในห้องตำรวจที่เมืองตง คนผิวดำวัยรุ่นคนหนึ่งที่ทำผมเดรดล็อกส์ ที่หูและจมูกเจาะห่วงสี่ห้าอัน กำลังนั่งสั่นขาอยู่บนเก้าอี้ เงยหน้าชำเลืองมองคนข้างหน้าสองสามคน
“hey you เมื่อไหร่จะให้ผมไปได้เนี่ย?ผมหิวมาก!”คนผิวดำใช้ภาษาจีนไม่ดี พูดด้วยน้ำเสียงไม่เรียบร้อย
“นั่งดีๆหน่อย!”ชายหนุ่มคนหนึ่งยืนขึ้นทันที ตะโกนไปทางคนผิวดำอย่างโมโห:“คุณบอกผมมาซะดีๆ!”
“บอกอะไร?ถุย!”คนผิวดำถ่มน้ำลายลงพื้น“อ้อ อ้อ ผมปวดหัวมาก ถ้าไม่ปล่อยผม ผมก็จะขอทำเรื่องเข้ารับรักษาตัว”
“คุณมันไอ้ระยำ!”ชายหนุ่มก็โมโหกับสภาพแบบนี้ของคนผิวดำ จ้องคนผิวดำเขม็ง