One-click Invincibility Of The Apocalyptic Super System Modifier - บทที่ 429-430
บทที่ 429
”ต่อก็เป็นสวนทมิฬ”กัปตันขมวดคิ้ว”เราต้องตามให้ทัน.”
คนอื่นๆในทีมก็งง”สวมทมิฬคืออะไร?”
”มันเป็นสวนเขาวงกต”กัปตันพูดต่อว่า”มันซับซ้อนและซ่อนเงื่อน มีมอนเตอร์ที่ทรงพลังคอยเดินอยู่ด้วย หากจำทางไม่ได้ นายก็ตายไปแล้ว!”
”หืม?”สมาชิกทัมเริ่มประหม่าและพูดว่า”แล้วเราจะทำอย่างไง?”
”ฉันมีแผนที่.”
กัปตันพูดว่า”แผนนี้ถูกวาดโดยผู้มีพลังหลายสิบที่ใช้ชีวิตของตัวเองสำรวจ หลังจากที่ผ่านสวนเราก็จะสามารถไปถึงประตูหน้าปราสาทได้.”
”คนข้างหน้าไม่มีแผนที่แน่นอน พวกเขาก็ไม่อาจออกไปได้.”
”และมีอัศวินที่ทรงพลังอยู่ในเขาวงกต ดาบในมือของมันคมมาก มันสามารถตัดผู้มีพลังได้อย่างง่ายได้!”
”น่ากลัวจัง!”สมาชิกในทีมตกใจ.
”ใช่”กัปตันถอนหายใจและพูดว่า”เราเสียผู้มีพลังไปหลายคน พวกเขาถูกสูบเอาพลังออกจนตาย.”
”พวกสารเลว!”สมาชิกในทีมไม่พอใจ.
”แต่การเสียสละของเขานั้นคุ้มค่า”กัปตันกล่าว”เพราะเหตุนี้เราจึงสามารถพบเส้นทางการเดินของเหล่าอัศวิน พวกมันล้วนแต่เดินตามเส้นทางเดิมๆ.”
”ตราบใดที่เราหลบทัน มันก็ไม่มีปัญหา.”
และก่อนที่จะถึงสวนทมิฬ…
”ที่ไหนอีกละเนี่ย?”
หลินเฟยมองไปที่กำแพงพุ่มไม้ที่สูงกว่า 10 เมตรด้านหน้าและคิดอะไรไม่ออกไปพัก.
”มันเหมือนเขาวงกต”เด็กสาวมองไปรอบๆ มีกำแพงพุ่งไม้สูงกว่า 10 เมตรทุกด้าน ซึ่งจะต้องเป็นเขาวงกตแน่นอน.
”ทำไมถึงมีดอกไม้เยอะจัง?”
หลินเฟยพูด”เธออาจไม่รู้ ฉันที่แหละ ลู่จี๋?”(TL:ชื่อพระเอกทางฝังจีนที่เรียกพระเอกจากเรื่องเดอะแมสรันเนอร์มั้งนะ)
เด็กสาวคิดอยู่พักหนึ่งและพูดว่า”เราบินข้ามได้ สูงแค่ 10 เมตรเอง เราบินข้ามไปได้เลย.”
”ฉันไม่อยากทำอ่ะ”หลินเฟยพูด”บินข้ามไปอย่างนี้มันดูถูกเกินไป.”
”ตั้งแต่เขาวงกตออกมา มันก็ต้องมีการซ่อนเรื่องน่าอายไว้แน่ๆ วันนี้ฉันจะรื้อเขาวงกตนี้ซะ.”
”เราจะปล่อยให้พวกมันรังแกลู่จี๋แบบนี้ไม่ได้!”
มือของหลินเฟยก็ปล่อยไฟ เขาโยนมันเข้าไปที่พุ่มไม้ จากนั้นก็เห็นไฟลุกลามไปทั่วสวนทมิฬ.
อัศวินหลายตัวกำลังลาดตะเวนพร้อมกับดาบเวทย์มนต์ของมัน แต่ไฟก็ลามเร็วเกินไป มันทะลวงพุ่มไม้และกระทบพวกมัน.
แม้ว่าร่างกายของพวกมันจะแข็งเหมือนหิน แต่มันก็เปราะบางเมื่อเผชิญหน้ากับไฟ.
ในพริบตา ร่างกายของมันก็ถูกไฟคลอกและหายไปจนไม่มีแม้แต่ขี้เถ้า.
ในกำแพงพุ่มไม้หน้าหลินเฟย มีรูกลมขนาดใหญ่ 4-5 เมตรปรากฏขึ้น ทำให้เขาเห็นสวนทมิฬทั้งหมดได้ในพริบตา.
”ฉันเห็นประตูแล้ว.”
แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่หลินเฟยต้องการ.
”เอาไปอีก!”
บึ้ม บึ้ม บึ้มมม-
สวนทมิฬกำลังสั่นไหวและมีไฟลุกโชนลามไปทั่วสวนทมิฬ แต่เดิมแล้วเต็มไปด้วยทางซับซ้อนและหลงทางได้ง่ายมาก ตอนนี้มันกลายเป็นถนนที่จะนำทางไปสู่กรุงโรมได้เสียแล้ว…
คุณสามารถเดินออกไปได้ง่ายแม้ว่าจะหลับตา!
จากนั้นเขาก็ตบฝุ่นที่มืออย่างพอใจ.
”ไป.”
หลินเฟยพูด”แน่นอนว่าเราต้องเคลียร์เขาวงกตเพื่อผ่าน.”
เด็กสาว: “…”
เดินไปตรงๆนี่เรียกว่าผ่านเขาวงกต?
ขณะยืนอยู่หน้าทางเข้า คุณก็สามารถเห็นทางออกได้ หรือที่เรียกง่ายๆว่า”ทางด่วน”.
ขณะที่ทั้งสองกำลังจะเดินไป ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงตะโกนจากด้านหลัง.
”รอเดี๋ยว!”
หลินเฟยและเด็กสาวหยุดทันที เมื่อหันกลับไปพวกเขาก็เห็นคนหกคนวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว.
บทที่ 430
กัปตันวิ่งไปด้านหน้า เขาวิ่งไปหาหลินเฟยและพูดว่า”เยี่ยมมาก ในที่สุดผมก็ตามคุณทัน.”
”เรารู้จักกันหรอ?”หลินเฟยมองอย่างไม่เข้าใจ ทำไมอีกฝ่านเหมือนจะรู้จึกเขาดี?
”เราไม่รู้จักกันหรอก ไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้า”กัปตันยิ้มอย่างอายๆ”พอผมมา ผมก็เห็นสถานการณ์พิเศษบางอย่าง.”
เขาคิดถึงประตูที่ถูกพังและทางเดินหินข้ามหุบเหว…
บางทีคนตรงหน้าอาจจะเป็นคนทำ.
”สวนทมิฬด้านหน้านี้เป็นเขาวงกต ถ้าไม่มีแผนที่มันจะไม่ง่าย…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ เขาก็ถูกคนอื่นขัดจังหวะ”กัปตัน! กัปตัน!”
เสียงนั้นดังจนน่ารำคาญ กัปตันก็มีน้ำโหก่อนที่จะตะคอกกลับไปว่า”แกกำลังอะไร?”
”ดูไปที่สวนทมิฬ!”สมาชอกทีมพูดด้วยความประหลาดใจ.
กัปตันเหลือบมองอย่างไม่เต็มใจ แต่เพียงแว่บเดียว เขาก็ตกตะลึงทันที คนของเขาก็อึ้งเป็นไก่ตาแตก.
ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างที่ผิดแปลกไปในสถานการณ์นี้.
ทำไมถึงได้มายืนอยู่หน้าทางเข้าและเห็นประตูปราสาทแล้ว? ? ?
”เอ่อ เกิดอะไรขึ้น?”เขาถามอย่างงงๆ.
”อ้อ”หลินเฟยพูดพร้อมกับยิ้มจางๆ”เพราะว่าฉันคือ ลู่จี๋ ฉันต้องทำลายเขาวงกตนี้ เพียงแค่คิด คุณมาถึงอยู่ตรงนี้แล้ว.”
กัปตันใบ้แดกอยู่นานก่อนที่จะพูดออกมาสามคำ”เยี่ยมจริงๆ.”
”อย่างไรก็ตาม คุณต้องการจะพูดอะไร?”หลินเฟยถาม.
”ไม่มีอะไรแล้ว”กัปตันพูดอย่างอายๆ.
เขากังวลว่าอีกฝ่ายจะหลงทาง แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายกลับทำลายสวนทมิฬตรงๆ.
ตามสติปัญญาแล้ว พุ่มไม้ในสวนทมิฬนี้มีความพิเศษมากและสามารถดูดซับพลังเหนือธรรมชาติได้.
มันถูกทำลายได้ไง?
เขาก็คิดไม่ออก แถมยังไม่เข้าใจและไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่เขาก็ไม่กล้าถาม.
”คุณมาทำอะไรที่นี่?”หลินเฟยถามอย่างสงสัย”ที่นี่เป็นแดนต้องห้าม?”
”เรามาทำภารกิจ”กัปตันก็ถามหลินเฟยกลับไปอีกครั้ง”แล้วคุณหล่ะ มาทำอะไรที่นี่?”
”ผมมาหาใครบางคน แต่ตอนนี้ผมแค่อยากเข้าไปดู”หลินเฟยพูด.
เดิมทีเขามาเพื่อหาพระเจ้า แต่หลังจากเจอมอนเตอร์ที่คุ้นเคยที่ประตู เขาก็รู้ว่าที่นี่คงไม่มีข่าวของพระเจ้า.
เขาแค่อยากเข้ามาดูว่าแมลงยักษ์ตัวนั้นจะทำอะไรเพื่อทำโลกอีก.
”อยากเข้ามาดู?”
กัปตันอึ้ง ที่นี่กลายเป็นจุดชมวิวแล้ว?
อยากมาดูก็มา?
ที่นี่ไม่มีทางที่จะฟื้นพลังเหนือธรรมชาติได้และแถมยังลดลงเรื่อยๆ ผู้มีพลังที่แข็งแกร่งที่สุดก็ไม่อาจอยู่ได้ถึงวัน.
แล้วคุณก็มาดูแบบสบายๆ? คุณอยากตายงั้นหรอ?
”ไปเถอะ.”
เดิมทีเขาอยากจะถามอะไรบางอย่าง แต่หลินเฟยพาเด็กสาวจากไปแล้ว.
กัปตันและทีมผู้มีพลังก็ตามไปทันที.
”ด้านหน้าเป็นทางเข้าห้องโถง”กัปตันพูด”ถ้าจะเข้าไปในห้องโถงต้องจัดการอัศวินที่อยู่หน้าประตูทั้งสองตัวนี้ก่อน.”
”ในห้องโถง ครั้งนี้คือเป้าหมายของเรา ราชาทมิฬ-คริส.”
หลินเฟยที่อยู่ข้างๆประหลาดเล็กๆและพูดว่า”นี่ไม่ใช่ดินแดนต้องห้ามงั้นหรอ? ทำไมคุณรู้มากจัง?”
”เราเสียคนไปเป็นจำนวนมากเพื่อแลกมากับเส้นทางและข้อมูล”กัปตันพูดอีกว่า”ราชาทมิฬนั้นทรงพลังมาก และวิธีการธรรมดาๆไม่อาจทำร้ายมันได้.”
”ถ้าอยากจะเอาชนะมัน เราต้องใช้ดาบทมิฬที่อยู่ในมือของอัศวินที่เฝ้าประตู!”
”มีเพียงความมืดที่จะเอาชนะความมืดได้.”