One-click Invincibility Of The Apocalyptic Super System Modifier - บทที่ 433-434
บทที่ 433
ในห้องโถง อัศวินสูงสามเมตรยืนตัวตรง และมีแม่มดสองคนลอยอยู่ข้างๆ แถมยังมีไฟล้อมรอบราวกับเป็นเกราะป้องกันของมัน.
ขณะที่ทั้ง 6 ก้าวเข้าไปในห้องโถงทั้งหมด อัศวินทมิฬตัวสูงก็หันกลับมา.
”หา–!”
แม่มดทั้งสองก็กรีดร้องออกมาทันที เสียงเวมย์มนต์เจาะเข้าไปในหัวของพวกเขาและทั้งหกก็อดไม่ได้ที่จะหยุดและปิดหูของพวกเขา.
และในวินาทีต่อมา จู่ๆ มอนเตอร์จำนวนมาก็กรูกันเข้ามาในห้องโถง.
ส่วนใหญ่เป็นพวกที่เขาเคยเห็นจากด้านนอก พวกที่มีเลเซอร์สีม่วงที่หัวและอัศวินที่มีโล่ใหญ่และดาบ.
แม่มดทั้งสองก็ยิ่งเหนือขึ้นไปอีก พวกมันลอยอยู่บนฟ้าและยังคงปล่อยสายฟ้าออกมาจากมือเป็นระลอกๆ มันปล่อยออกมาราวกับปืนกล.
เมื่อเผชิญหน้ากับความยุ่งเหยิงนี้ ทั้งหกก็แทบจะต้านไว้ไม่ไหว.
ฆ่าแม่มดสองตัวนั่นก่อน!”กัปตันใช้ดาบแทงอัศวินตายไปหนึ่งตัวแล้วพูดขึ้นมา.
”แม่มดมีบาเรียไฟอยู่ เราต้องใช้ไฟจัดการมัน!”
”ให้ฉันจัดการเอง.”
ชายคนนั้นก้าวขึ้น เขาเป็นคนที่ยิงผู้เฝ้าประตูก่อนหน้านี้และพลังของเขาก็ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับไฟ.
ทันทีที่เขายกมือขึ้น เขาก็โยนลูกดอกไฟออกไปสองลูกและลูกดอกก็ปะทะกับบาเรียของแม่มดทั้งสอง.
ตูม!
เกิดเสียงดัง แม่มดทั้งสองก็ถูกกระแทกถอยกลับไปอย่างแรง.
”ตอนนี้แหละ เผาพวกมัน!”
”ฉันจะจัดการกลุ่มนี้เอง.”
ในขณะที่พวกเขากำลังใช้พลัง ทันใดนั้นก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันเกิดขึ้น!
อัศวินทมิฬที่ยืนอยู่กลางห้อง เฝ้ามองสิ่งที่อยู่ด้านหน้าของมันอย่างเงียบๆและในที่สุดมันก็หมดความอดทน ดายในมือของมันก็พลันปล่อยแสงสีดำออกมา.
แสงสว่างในห้องโถงหายไปทันที…
”มีบางอย่างผิดปกติ.”
เด็กสาวที่อยู่ข้างๆก็หน้าซีดเหลือสามนิ้ว และมือที่จับแขนของหลินเฟยก็คลายออก.
”พลังฉัน….”เด็กสาวดูไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะพูดและเธอก็ดูโกรธๆพร้อมกับต้องการปะทะตลอด.
”พลังของฉันก็ดูเหมือนจะถูกดูดออกไป.”
หลินเฟยเห็นขาของเด็กสาวสั่นและดูเหมือนว่าจะไม่อาจยืนได้ เขากำลังจะเข้าไปปะคองและไม่นานเขาก็ได้เห็น.
”เป็นอะไรหรือเปล่า?”เขาถาม.
”พลัง พลังของฉันถูกดูดออกไป”เด็กสาวพูด.
หลินเฟยขมวดคิ้วเล็กๆ จากนั้นก็มองไปยังทีมทั้งหกคน ทันใดนั้นพวกเขาก็ถูกเปลี่ยนจนกลายเป็นคนธรรมดาและดูเหมือนว่าจะมีกำลังน้อยกว่าคนธรรมดาด้วยซ้ำ.
เพราะต่างกายของคนที่มีพลังจะเปลี่ยนแปลงไปตามพลังที่พวกเขาได้รับ.
เมื่อพลังพวกเขาหายไป ร่างกายของเขาก็จะเปราะบางราวกับกระดาษหากไม่มีพลัง.
ฟุ่บบบ!
อัศวินที่อยู่ด้านหน้ากัปตันฟันลงมาที่ไหล่ของเขา เกิดเลือดสาดขึ้นมาทันที.
แขนของเขาเกือบจะขาด แต่โชคดีที่กระดูกของเขาแข็งพอ.
”อะไรกัน!”
เขากรีดร้องและถอยอออกมา เขากรีดร้องด้วยความหวาดกลัว”พลังฉัน! พลังของฉันนน!”
ผู้มีพลังที่ไม่มีพลัง พวกเขาก็จะมีร่างกายไม่มากพอแม้แต่จะฆ่าไก่ ต่อหน้ามอนเตอร์พวกนี้พวกเขาก็ไม่ต่างไปจากขยะ.
”คิดผิดแล้ว!”
คนอื่นๆในทัมก็ตระหนักถึงในสิ่งนี้ได้.
”ข้อมูลไม่มากพอ ไม่มีใครรู้ว่ามันสามารถดูดซับพลังของเราได้!”
ในหน้าของคนอื่นก็แสดงความหวาดกลัวและสิ้นหวังเช่นกัน.
พลังคือสิ่งที่ช่วยให้พวกเขาอยู่รอดในความมืด ตอนนี้พลังของพวกเขาหายไปแล้ว พวกเขาก็จะถูกความมืดกัดกินเท่านั้น!
หลินเฟยถอนสายตาออกมาในที่สุดและเขาก็เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าของเขา.
มองลงไปที่ใบหน้าซีดๆของเด็กสาวที่กำลังจะหมดสติอยู่รอมร่อ หลินเฟยก็รู้สึกเจ็บปวดใจเล็กๆ.
แต่ตอนนี้ เขาได้ตระหนักแล้วว่าเขาสามารถทำอะไรได้.
บทที่ 434
ระหว่างทางมอนเตอร์นับไม่ถ้วนล้มลงและไม่มีใครลุกขึ้นมาสู้ได้อีก มันน่าเบื่อ,เหนื่อยหน่ายกับการเป็นผู้ไร้พ่ายในโลกนี้ เราควรจะทำยังไงกับตัวของเราดี?
เขาสามารถจัดการมอนเตอร์ทั้งหมดได้ แต่เขาไม่อาจช่วยทุกคนได้.
”อย่างน้อยๆเขาก็ต้องปกป้องคนรอบข้าง”หลินเฟยพึมพำ”ฉันตัดสินใจแล้ว จากนี้ไป…”
”ฉันจะเป็นพี่เลี้ยง!”
ดังนั้นหลินเฟยจึงยกมือขึ้นและทันใดนั้นก็เกิดความผันผวนบนอากาศในโลกอันมืดมิดนี้.
แสงสีทองประกายสว่างออกมาพร้อมกับปัดเปล่าความมืดมิดทั้งหมด.
ในสถานที่ๆแสงสีทองปกคลุม มอนเตอร์ทั้งหมดที่ดูแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่งก็ดูเหมือนจะตายลงทันทีและบางตัวก็ดูอ่อนแรงจนไม่อาจขยับตัวของมันได้.
ปัง ปัง–
แม่มดที่อยู่บนอากาศทั้งสองก็ตกลงมาจากอากาศและไม่อาจลุกขึ้นยืนได้อีก.
แสงสว่างสองมาที่เด็กสาวและเธอก็รู้สึกได้ว่าพลังที่เธอสูญเสียไปนั้นกำลังถูกฟื้นฟู มันฟื้นฟูอย่างรวดเร็วและเธอก็กลับมาอยู่ในจุดที่สุดยอดในชั่วพริบตา!
”บาดแผลของฉัน!”
กัปตันช็อคมากเมื่อพบว่าเขาไม่เจ็บแผลอีกแล้ว เลือดก็ไม่ไหวแถมยังฟื้นตัวไวอีกด้วย.
เพียงพริบตา อาการบาดเจ็บของเขาก็หายไปสนิท!
ไม่เหลือรอยแผลใดๆ!
”ฉันจัดการมันเอง!”
บางคนในทีมอุทาน”พลัง พลังที่ท่วมท้น ฉันรู้สึกได้เลยว่าฉันสามารถปล่อยพลังออกมาได้อย่างไม่มีวันหมด!”
ทั้งหกคนกระโดดขึ้นพร้อมกัน.
เมื่อเทียบกับพวกมันแล้ว มอนเตอร์ที่คุกคามในตอนนี้ก็เปรียบกับผักที่ถูกแสงแดดเผามาหลายวัน.
มอนเตอร์ตัวใหญ่ที่ปล่อยแสงเลเซอร์ บัดนี้มันก็ไม่อาจปล่อยออกมาได้.
อัศวินที่ถือดาบหรือดาบ-โล่ ก็ยังไม่อาจกำอาวุธของมันได้.
ไม่ต้องพูดถึงมอนเตอร์ระดับล่างๆ มันทำได้แค่นอนอยู่บนพื้นและไม่อาจเคลื่อนไหวได้.
”ได้เวลาสู้กลับแล้ว.”
คนในทีมตะโกนและพูดว่า”แดกอ้วกฉันไปซะ!”
เขากระโดดขึ้นและปล่อยบอลลมที่ปล่อยใบมีดสายลมออกมาไปรอบๆ.
เมื่อบอลลมไปทางไหน มอนเตอร์ก็จะถูกหั่นเป็นชิ้นๆ!
ไม่นานเขาก็ตกลงมาถึงพื้นพร้อมกับกรีดร้องอย่างโหยหวนอีกครั้ง.
”แม่งเอ้ยยย พลังของฉันเต็มอีกแล้ว!”
”แดกนี่ซะ!”
การโจมตีแบบนี้ส่วนใหญ่แล้วใช้เพื่อหลอกลวง มันแทบจะกินพลังกายของเขาไปมากกว่า ครึ่ง ตอนนี้…
พลังที่ใช้ไปเกือบหมด แต่แป๊บเดียวมันก็เต็ม.
”ท่าไม่ตายไม่จำกัด ฉันนี่มันเท่ห์จริงๆ!”
”ฉันมาแล้ว!”
ชายอีกครั้งที่กำลังถือปืดลูกโม่ไฟ เขายิง ปัง ปัง พร้อมกับรับแรงดีด แต่เขาก็ยังยิงต่อไปเป็นเวลานาน มันราวกับว่าเขาไม่เคยสนใจแรงดีดเหล่านั้นเลย.
”ฉันจะจัดการพวกแก ด้วยปืนของฉันนี่แหละ ฉันนี่มันเทห์จริงๆ!”
กัปตันก็เดินเข้าหาอัศวินที่เพิ่งฟันเขา.
”พี่เหม็น นายจะฟันฉันอีกครั้งไหม!”
ฟุ่บบ!
อัศวินพยายามยกดาบขึ้นและฟันเข้าไปที่ไหล่กัปตัน แต่…
กัปตันยังใจเย็นละยกดาบขึ้นมาป้องกันพร้อมกับยิ้ม”พี่เหม็น ไม่กินข้าวมาหรอ? มันทำให้ฉันเจ็บไม่ได้หรอกนะ ทั้งๆที่ฉันต้องทำอะไร!”
พอดาบยกขึ้นมาจากไหล่อีกครั้ง บางแผลของเขาก็หายทันที!
อัศวินกลายเป็นโง่งม.
”กินนี่ซะ!”
กัปตันยกมือที่มีพลองสายฟ้าก่อนที่จะทุบหัวอัศวิน.
”บิน ฉันจะให้แกบิน บินให้เล่าจื่อ(เรานายน้อย)อีกครั้งสิ แล้วสายฟ้าที่ปล่อยออกมาไม่หยุดอยู่ไหนแล้ว? ปล่อยอีกสิ ฉันจะให้แกปล่อยออกมา!”
แม่มดทั้งสองก็ถูกเฆี่ยนตีอยู่อีกมุม.
หลังจากที่กำจัดมอนเตอร์ทั้งหมดในห้องโถงแล้ว สายตาของคนทั้งหกก็หันมามองอัศวินทมิฬ.
”กัปตัน เราจะการกับเรื่องนี้ยังไงดี?”คนในทีมก็ถาม.
”สู้อย่างเต็มที่!”
กัปตันตอบอย่างไม่ลังเล”เราต้องต่อสู้กับมันอย่างเต็มที่!”