Open a Clinic to Cultivate Myself - ตอนที่ 202
บทที่ 202 แผนร้ายครั้งใหม่ของหลี่เสี่ยวเฟิ ง
หนิงเถานำโทรศัพท์ของเขาออกมาก่อนที่มันจะปรากฏหมายเลขที่
ไม่รู้จัก มันเป็นเวลา 04:23 น. แล้วในตอนนี้ แล้วจะมีใครกันที่จะ
โทรหาได้ในเวลานี้?
ทันใดนั้นหนิงเถาก็เหมือนจะเดาชื่อของคนที่โทรมาในเวลานี้ได้
ก่อนที่เขาจะแสดงสีหน้าเคร่งขรึมออกมา “มันคือเขา! ไป๋เซิง”
“อย่าส่งเสียงดัง ให้ฉันฟังว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหน?” หนิงเถาพูดขึ้นมา
หยิงโมลา, ชิงจื้อ และ ไป๋ ซู่เจิน อยู่ห่างออกไป
หนิงเถารับสายและพูดขึ้นว่า “นั่นใคร?…”
“อย่าทำน้ำเสียงแบบนั้นสิ? ข้ารู้ว่าเจ้ารู้ดีว่าข้านั้นเป็นใคร” เสียงของ
ไป๋ เซิงดังมาจากอีกด้านหนึ่งของลำโพง มันไม่มีความขุ่นมัวหรือ
ความโกรธปนอยู่เลย กลับกันมันกลับสงบนิ่งเป็นอย่างมาก
หนิงเถาเองก็พูดอย่างใจเย็น “โอ้! ที่แท้ก็เป็นงูขี้แพ้นั้นเอง? แล้วมี
อะไรที่โทรมาหาฉันได้ละ?”
“ข้าเป็นพ่อตาของเจ้า! มันจะดีกว่าถ้าเจ้าจะใช้คำพูดที่ดีกว่านี้” ไป๋
เซิงพูดขึ้นมา
หนิงเถาเองก็ยังตอบกลับไปว่า “พ่อตา? ฉันคิดว่าไม่นะ? ถ้าจะโทร
มาพูดแค่นี้ก็ไม่ต้องโทรมาจะดีกว่า เพราะตอนนี้ฉันรู้สึกง่วงนอนขึ้น
มาแล้วสิ”
“จู้หงฉินอยู่กับข้า! เจ้าไม่กลัวที่ข้าจะฆ่าหล่อนเหรอไง?” ทันใดนั้น
น้ำเสียงของไป๋ เซิงก็กลายเป็นโกรธทันที
“โอ้! ใช่! ฉันกลัว…กลัวมาก! แล้วทำไมนายไม่ลองฆ่าเธอดูละ?”
หนิงเถาได้ตอบกลับไป
“เจ้า…”
“อะไร? ผู้หญิงคนนั้นเคยคิดร้ายกับฉัน เธอถึงกับตั้งใจจะฆ่าฉันโดย
ใช้ประโยชน์จากนาย แล้วนายคิดว่าการใช้เธอเพื่อมา แบล็กเมล์ฉัน
มันจะได้ผลหรือไง? อย่าบอกนะว่าหลังจากการต่อสู้ครั้งที่แล้วนาย
เกิดเป็นคนปัญญาอ่อนขึ้นมา?”
ไป๋ เซิงที่ได้ยินแบบนั้นก็นิ่งเงียบไป
“พูดมาว่านายต้องการอะไร” หนิงเถาได้ถามเข้าประเด็นในที่สุด
“ชิ้นส่วนของกะโหลกศีรษะชิ้นนั้นและลูกสาวของข้าไป๋ ซู่เจิน!”
หนิงเถาถึงกับแสดงรอยยิ้มเยาะออกมา”นั่นมันต้องหมายความว่าจู้
หงฉินต้องมีค่ามากสำหรับฉัน แต่ฉันบอกไปแล้วว่าเธอไม่ได้มีค่า
อะไรเลย”
“ยังไม่หมดแค่นั้น นอกจากนี้เจ้าจะต้องมอบยาอมตะต้นกำเนิด
บรรพบุรุษให้ข้าด้วย”
“โอ้! งั้นลองบอกมาทีว่านายต้องการมันเท่าไหรj?” หนิงเถายังคง
เล่นตามน้ำของอีกฝ่ายไป
“ของดีนั้นมักจะมาเป็นคู่ ดังนั้นข้าต้องการสองเม็ด” ไป๋ เซิงพูดขึ้นมา
“เมื่อได้ตามทุกอย่างที่ข้าบอกไปแล้ว ข้าถึงจะปล่อยจู้หงฉินไป”
“แน่นอนว่าข้ารู้ดีว่าจู้หงฉินนั้นไม่มีค่าอะไรสำหรับเจ้า”
“โอ้! นายเองก็รู้นิ! แล้วทำไมถึงยังพูดถึงเงื่อนไขอยู่อีก?”
“จู้หงฉินไม่ใช่แต้มต่อที่ข้าจะใช้เพื่อข้อแลกเปลี่ยนพวกนี้ แต่มันคือ
ชิงจื้อ …”
หนิงเถาที่ได้ยินแบบนั้นก็พูดตัดบทขึ้นว่า “ชิงจื้ออยู่ที่นี่ข้าง ๆ ฉัน
แม้ว่าจะเป็นตัวนายเองนายก็ไม่สามารถทำร้ายเธอได้” เขาได้หยุด
ชั่วคราวและเสียงของเขาก็กลายเป็นเย็นชามากขึ้น “ถ้านายมีความ
กล้ามากพอก็มาหาฉันที่ตรอกฮักกา นายกล้ามาไหม?”
“ฮิฮิ!” ทันใดนั้นไป๋ เซิงก็ได้ตะโกนขึ้นมา “ข้ายังไม่เข้าใจความสามารถ
ของเจ้าดีพอ แต่เมื่อข้าต้องการอะไรข้าก็มักจะได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ
เสมอ ไม่ว่าเจ้าจะซ่อนตัวหรือหนีไปไกลแค่ไหน ดี! ข้าจะบอกอะไร
อีกอย่างนอกจากชิงจื้อแล้วข้ายังมีจ้าวหวูซวงเป็นตัวประกันด้วย”
หนิงเถาที่ได้ฟังแบบนั้นก็ตะลึงไปทันที
“ถ้าเจ้าไม่ทำตามเงื่อนไขที่ข้าบอกไป ข้าจะฆ่านังนี้ซะ! จากนั้นข้าจะ
ตามหาเจ้าและชิงจื้อ ข้าจะให้เวลาเจ้าสองวันในการคิดเรื่องนี้”
จากนั้นไป๋ เซิงก็วางสายทันที
มีไฟแห่งความโกรธที่ลุกโชนอยู่ภายในหนิงเถา
นี่คือสาเหตุที่เขากลัวการมีความสัมพันธ์มาโดยตลอด เขาเป็นคนที่
ยืนอยู่ระหว่างความดีและความชั่วมาแต่กำเนิด นอกจากนี้เขายังเป็น
เจ้าของคลินิกนภาอันลึกลับ เขาได้ถูกลิขิตให้ยืนหยัดต่อสู้กับความ
ชั่วร้ายทั้งหมดในโลก เขาไม่เคยขาดศัตรูดังนั้นเขาจึงพัฒนาความ
สามารถในการป้องกันตัวเองขึ้นตลอดเวลา อย่างไรก็ตามผู้หญิงที่
เขามีความสัมพันธ์ด้วยจะกลายเป็นเป้าหมายของศัตรูของเขาและ
เขาไม่มีทางมั่นใจได้ว่าตัวเองจะอยู่เคียงข้างเธอเพื่อปกป้องเธอใน
ทุกช่วงเวลา
การคุกคามของไป๋เซิงเป็นตัวอย่างของความกังวลของเขามาโดย
ตลอด นอกจากนี้เธอไม่ได้เป็นแฟนของเขาเธอเป็นแค่เพื่อนที่เขา
สนิทสนมด้วยเท่านั้น แต่อีกฝ่ายก็ยังใช้เธอเพื่อมาคุกคามเขา!
ครั้งนี้เป็นจ้าวหวูซวงแล้วครั้งต่อไปละจะเป็นใคร? เจียงเฮา หรือ ซู
หยา ?
“แม่*!” หยินโมลาที่ได้ฟังมาตั้งแต่ต้นก็ไม่อาจจะควบคุมอารมณ์ได้
“ทำไมพวกเราสี่คนไม่ขึ้นไปบนภูเขาที่มันซ่อนตัวอยู่และฆ่างูพิษตัว
นั้นไปซะ!”
“ผู้อาวุโสหยินใจเย็น ๆ ก่อน มันเป็นเรื่องที่คุ้มจริงเหรอเพื่อผู้หญิง
เพียงคนเดียว” ไป๋ ซู่เจินพูดขึ้นมาแม้ว่ามันจะฟังดูเหมือนเธอกำลังคุย
กับหยินโมลา แต่ความหมายของมันจริงนั้นคือหนิงเถา
หนิงเถาแสร้งทำเป็นว่าเขาไม่ได้ยินสิ่งที่ไป๋ ซู่เจินพูดและโทรออกไป
ยังหมายเลขของจ้าวหวูซวงทันที
โทรศัพท์ของจ้าวหวูซวงถูกปิด
“ฉันจะไปที่กองถ่าย พวกคุณทุกคนอยู่ที่นี่ไม่ต้องไปไหน ไป๋เซิงมี
คนของตัวเองอยู่ทุกที่มันจะดีกว่าที่พวกคุณจะเกาะกลุ่มกันไว้” หนิง
เถาพูดขึ้นมา
ไป๋ ซู่เจินที่ได้ยินแบบนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นมา “นายจะไปจริง ๆ เหรอ?
ฉันไม่ได้พูดไปแล้วเหรอว่ามันคุ้มค่าสำหรับผู้หญิงคนหนึ่งจริง
เหรอ?”
หนิงเถาตอบว่า”ฉันไม่สนใจชีวิตของจู้หงฉินแต่ จ้าวหวูซวงเป็น
เพื่อนของฉัน เธอได้ช่วยฉันหลายครั้งฉันไม่สามารถเฝ้าดูเธอตายได้
และถ้าพวกคุณคนใดได้ไปอยู่ในมือของไป๋ เซิงในอนาคตฉันก็จะทำ
เช่นเดียวกัน”
“ฉันจะเป็นแบบเดียวกับเธอได้ยังไง! ฉันเป็นพี่สาวของชิงจื้อ นาย
เองก็รู้ว่า… “ไป๋ ซู่เจินกำลังจะพูดขึ้นต่อก็ถูกขัด
“เอาล่ะ! ไม่ต้องพูดอีกแล้ว! ฉันจะไปที่กองถ่ายเดี๋ยวนี้ หากมีอะไร
เกิดขึ้นที่นี่ก็รีบติดต่อฉันทันที ฉันจะรีบกลับมาในอีกไม่กี่วินาที”
หนิงเถาพูดจบและผลักรถจักรยานไฟฟ้าออกจากประตู
ชิงจื้อเดินตามเขาออกไปจากประตู “พี่หนิง! พี่ไม่ให้เราไปกับพี่จริง
เหรอ?”
“ไม่! มันปลอดภัยกว่าสำหรับเธอที่จะอยู่ที่นี่” หนิงเถาไม่พูดอีก
ต่อไปและขี่จักรยานไฟฟ้าเจตจำนงของพระเจ้าออกไป
ถนนในตอนเช้าว่างเปล่าโดยสิ้นเชิงยกเว้นมีรถสองสามคันที่ขับผ่าน
ไป หนิงเถาที่เห็นแบบนั้นก็เร่งความเร็วมากขึ้นจนตอนนี้เขามี
ความเร็วอยู่ที่ 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไฟถนนและอาคารสว่างวาบ
โดยเขาและเขาก็วิ่งผ่านไฟแดงซ้ำ ๆ อย่างไรก็ตามด้วยความเร็วของ
เขากล้องจับความเร็วอาจไม่สามารถจับเขาได้อย่างถูกต้อง
หลังจากนั้นประมาณสิบนาที หนิงเถาก็มาถึงเมืองโบราณริมแม่น้ำ
ไข่มุก เมืองนี้ไม่มีอาคารสมัยใหม่มีเพียงสถาปัตยกรรมกระเบื้องดิน
เผาแบบดั้งเดิม บางหลังเป็นสไตล์เจียงหนานในขณะที่บางหลังเป็น
สไตล์ฮากกา สถานที่นี้เงียบสงบเป็นอย่างและยังเต็มไปด้วยกลิ่นอาย
โบราณ
เมื่อหนิงเถาเข้ามาในเมืองโบราณแล้วเขาก็ชะลอรถจักรยานและขับ
ไปยังคฤหาสน์สไตล์เจียงหนานขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ริมสุดของเมือง
การถ่ายทำของจ้าวหวูซวงเกิดขึ้นในคฤหาสน์หลังใหญ่นี้ เขาเคยได้
ยินเกี่ยวกับรายการที่เธอไปถ่ายทำเมื่อเขาส่งเธอกลับเมื่อคืนนี้ เป็น
เรื่องราวในยุคสาธารณรัฐเกี่ยวกับความระหองระแหงระหว่างตระกูล
ขุนนาง เธอเป็นผู้นำหญิงสาวของครอบครัวที่ร่ำรวย เธอและเด็กรัก
ชาติได้ตกหลุมรักกัน แต่พ่อของเธอได้หมั้นหมายเธอกับลูกชายของ
เจ้าหน้าที่รัฐเอาไว้ หนิงเถาไม่ได้สนใจเรื่องราวที่น่าเบื่อเช่นนี้เลย
พวกเขาจึงคุยกันอย่างไม่เป็นทางการจนกว่าเขาจะส่งเธอกลับอย่าง
ปลอดภัย
ทางเข้าของคฤหาสน์มีขนาดใหญ่และสูงและด้านหน้าของมันมีรถ
หรูที่จอดอยู่สองสามคัน หนึ่งในนั้นคือรถสปอร์ตเฟอร์รารี่ 488
ใหม่เอี่ยมคันหนึ่ง หนิงเถาได้หยุดรถจักรยานไฟฟ้าของเขาและเข้า
ไปดูรถสปอร์ตเฟอร์รารี่ 488 ที่ดูคุ้นเคยนี้ จากนั้นเขาก็จำได้ว่านั่น
คือป้ายทะเบียนรถของ หลี่เสี่ยวเฟิง
หนิงเถารู้สึกประหลาดใจ “ฉันพังรถของ หลี่เสี่ยวเฟิง ไปแล้วนิ? รถ
คันนั้นมันถึงกับพังยับเยินและนอนอยู่ใต้หน้าผาไปแล้ว นี่อย่าบอก
นะว่าเขาถึงกับซื้อรถคันใหม่ที่เหมือนกับของเดิมก่อนที่จะสวมป้าย
ทะเบียนเดิมทับไป? และอีกอย่างทำไมตัวหลี่เสี่ยวเฟิงถึงมาอยู่ที่นี้
ตั้งแต่เช้าด้วย”
หนิงเถาที่มีความคิดแล่นอยู่เต็มไปหมดก็ได้จอดรถรถจักรยานไฟฟ้า
เจตจำนงของพระเจ้าไว้ใกล้ ๆ จากนั้นมุ่งหน้าไปยังทางเข้า
ไม่มีใครอยู่ในรถสปอร์ตเฟอร์รารี 488 ยกเว้นกลีบกุหลาบสองกลีบ
ที่ร่วงหล่นบนเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้า
หนิงเถามาถึงทางเข้าที่เขากำลังจะเคาะประตูก่อนที่เขาจะเปลี่ยนใจ
ทันที เขาเดินไปที่ผนังด้านใดด้านหนึ่งของประตูและเงยหน้าขึ้น
มองที่กำแพง ผนังของลานสูงและหนาและมีกระเบื้องดินเผาเรียง
รายอยู่ด้านบนของกำแพง บางทีอาจเป็นเพราะข้อกำหนดของ
เรื่องราวในยุคสาธารณรัฐทำให้ไม่มีกล้องรักษาความปลอดภัยติดตั้ง
เอาไว้
หลังจากที่เขาสำรวจสภาพแวดล้อมเสร็จเรียบร้อยแล้วหนิงเถาก็เกร็ง
พลังลงไปที่ขาของเขาก่อนที่เขาจะกระโดดลอยตัวขึ้นไปข้างบนอย่าง
ง่ายดายในระยะทางกว่า 2 เมตร จากนั้นเขาดันขาขวากลางอากาศอีก
ครั้งกระโดดข้ามกำแพงประมาณ 3 เมตร จากนั้นเขาก็ยื่นขาซ้ายของ
เขาและพลิกเข้าไปในลานบ้านได้สำเร็จ
มีเสียงดังเมื่อเขาลงถึงพื้น แต่ก็ไม่ดังเกินไป
บ้านสองสามหลังยังคงเปิดไฟสว่างจ้า สามารถมองเห็นภาพเงา
บางส่วนและผู้คนกำลังพูดคุยกัน
เสียงผู้หญิงดังขึ้น “พ่อ! ฉันจะไม่แต่งงานกับลูกชายของผู้พิพากษาโจว
อย่างแน่นอน! คนที่ฉันรักคือ…”
หนิงเถาตะลึงเมื่อได้ยินเสียงนั้น นี้ไม่ใช่เสียงของจ้าวหวูซวงหรือ?
บรรทัดนี้ยังตรงกับพล็อตที่เธอพูดถึงแน่นอน!
“เธอไม่ได้ถูกลักพาตัวโดยไป๋ เซิง? แล้วทำไมไป๋ เซิงถึงใช้เธอแบล็ก
เมล์ฉันกัน? สรุปแล้วผู้ชายคนนั้นกำลังทำอะไรอยู่กันแน่?” หนิงเถา
เต็มไปด้วยความสับสน ขณะที่เขาเดินไปที่บ้านที่กำลังถ่ายทำอยู่
ก่อนที่เขาจะเข้าใกล้ร่างที่คุ้นเคยนั้นเขาก็ได้พุ่งหลบไป ก่อนที่จุดที่
เขาเคยยืนอยู่นั้นจะปรากฏคนเข็นรถอาหารพร้อมกับอาหารเต็มคัน
รถยืนอยู่
หนิงเถาสามารถบอกได้ทันทีว่าร่างนั้นคือหลี่เสี่ยวเฟิง เขายังได้ถือ
กุหลาบช่อหนึ่งมาด้วย หนิงเถาพบว่ามันแปลกที่หลี่เสี่ยวเฟิงมาเยี่ยม
กองถ่ายตั้งแต่เช้า เป็นไปได้ไหมว่าเขามาเพื่อไอดอลของเขา?
หนิงเถาลอบมองอย่างลับ ๆ
หลี่เสี่ยวเฟิงเดินไปที่รถเข็นอาหารและกระซิบว่า “อาหารกล่อง
เหล่านี้เตรียมไว้ให้คนในกองถ่ายแล้วใช่ไหม?”
คน ๆ นั้นพยักหน้าตอบรับ “ใช่ครับ! ผมได้จัดทำตามที่คุณผู้ชาย
บอกเอาไว้แล้ว”
หลี่เสี่ยวเฟิงพูดต่อว่า “ดีมาก! ถ้ามันเป็นไปตามแผนฉันจะมอบ
ผลประโยชน์ตามที่นายต้องการ”
คน ๆ นั้นถึงกับยิ้มอย่างชั่วร้าย “คุณหลี่ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น คุณ
สามารถไว้วางใจผมได้ คุณสามารถนั่งพักผ่อนและรอรับช่วงเวลาที่
จะเพลิดเพลินได้” หลังจากพูดเสร็จเขาเข็นรถเข็นอาหารไปยังบ้านที่
กำลังถ่ายทำอยู่ทันที
หลี่เสี่ยวเฟิงยิ้มเยาะ “จ้าวหวูซวงเอ๋ย! จ้าวหวูซวง! ฉันต้องการช่วย
เธอก่อนหน้านี้แต่ใครจะคิดว่าเธอจะกล้าทำกับฉันแบบนั้น? เธอเป็น
เพียงคนบันเทิง! มันควรจะเป็นเกียรติกับตัวเธอด้วยซ้ำที่ฉันจะนอน
กับเธอ! หมอโง่คนนั้นมีอะไรดี? ทำไมถึงมีแต่คนชอบมัน? ดี! งั้น
ฉันจะทำให้มันรู้ซึ่งของการที่ผู้หญิงของตัวเองมีชู้เอง!”
เพียงแค่นั้นหนิงเถาก็เข้าใจทุกอย่าง
เมื่อวานนี้ที่บ้านรุ่งเรืองสิ่งที่เขามีอยู่ในใจคือการได้ชิ้นส่วนของสูตร
ยาอมตะต้นกำเนิดบรรพบุรุษมาเท่านั้น ซึ่งมันได้ทำให้เขาละเลยพวก
หลี่เสี่ยวเฟิงและเป่าเอ๋อไป ไม่ใช่เพราะเขาเป็นคนอารมณ์ร้าย แต่เขา
มีสิ่งที่สำคัญกว่าที่ต้องทำ เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ในเวลานั้น
เรื่องพวกนี้ถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย เขาต้องทำทุกวิธีทางและ
ใช้ทุกวินาทีให้เกิดประโยชน์สูงสุดแล้วแบบนั้นเขาจะเอาเวลาที่
ไหนไปสนใจพวกปลาซิวปลาสร้อยได้อีก!
แต่ใครจะคิดว่าการที่เขามาที่นี้ในเวลานี้เขาจะมาได้ยินแผนการของ
อีกฝ่ายพอดี!?
แน่นอนว่าเขาจะไม่มีทางปล่อยให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอย่างแน่นอน!
หลี่เสี่ยวเฟิงยังคงมุ่งหน้าไปยังห้องที่มีคนของกองถ่ายอยู่ เขายังจงใจ
ปรับเนคไทของเขาเพื่อให้แน่ใจว่าเขาดูดีและเหมาะสมที่สุด
ก่อนที่คนในทีมซึ่งดูเหมือนเป็นผู้กำกับก็ร้องอุทานขึ้นมา “ตัด! คุณ
หวู! คุณเก่งจริง ๆ ! ฉากนี้มันสื่อได้อารมณ์จริง ๆ ผมคิดว่าเราสามารถ
ขยับไปถ่ายฉากต่อไปได้เลยหลังจากที่เราพักทานอาหารเช้ากันเสร็จ”
ทันใดนั้นหนิงเถาก็พุ่งไปข้างหลังและซ่อนตัวอยู่ในมุมอับ …