Open a Clinic to Cultivate Myself - ตอนที่ 201
บทที่ 201 ปรมาจารย์แห่งการปรุงยา
ในตอนกลางคืนไม่มีแสงไฟรั่วออกมาจากสถาปัตยกรรมโบราณซึ่ง
เป็นที่ตั้งของคลินิกนภา กระนั้นภายในกำแพงของคลินิกก็ยังคงมี
เปลวไฟที่แผ่ออกมาซึ่งหมุนวนไปด้วยพลังงานสีดำและสีขาว
เปลวไฟที่แผ่ออกมาคือไฟเล่นแร่แปรธาตุของหนิงเถา
ครั้งก่อนเมื่อเขาปรุงยาต้นกำเนิดปลอมขึ้นมาเขาได้ทำการเตรียม
สมุนไพรและส่วนผสมการเล่นแร่แปรธาตุจำนวนมากไว้แล้วและ
บางส่วนก็สามารถใช้ได้ในครั้งนี้ ดังนั้นเขาจึงใช้เวลาไม่นานในการ
รวบรวมส่วนผสมและในไม่ช้าเขาก็สามารถปรุงมันขึ้นมาได้อีกครั้ง
หนิงเถาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปรุงมันข้างในคลินิกในครั้งนี้
เมืองกวนเป็นดินแดนของไป๋ เซิงดังนั้นมีความเป็นไปได้ว่าอีกฝ่าย
อาจจะมาที่นี่ได้ตลอดเวลา นอกจากนี้เขายังได้ทิ้ง ไป๋ ซู่เจิน, ชิงจื้อ
และ หยินโมลา ไว้ในบ้านที่เขาเช่าอยู่ ถ้าเกิดว่าเขาทำการย้ายไปปรุง
ที่ถ้ำดาบและเมื่อมันเกิดอะไรขึ้นมาเขาอาจจะไม่สามารถทำอะไรได้
นอกจากนี้เขายังอยากรู้ว่าการปรุงยาต้นกำเนิดบรรพบุรุษในสถานที่
พิเศษเช่นคลินิกนภาแบบนี้มันจะนำเขาไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิด
ยังไง? บางทีเขาอาจจะละเมิดกฎบางอย่างและถูกลงโทษหรือไม่จู่ ๆ
เขาก็อาจถูกขัดขวางการทำโดยกระถางธูปก็ได้
หนิงเถาระมัดระวังกับการปรุงยาของเขาในตอนแรกและรู้สึกประหม่า
ด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไปเขาเริ่มผ่อนคลายมากขึ้นและ
หมกมุ่นอยู่กับกระบวนการนี้โดยเห็นว่าไม่มีอะไรไม่คาดคิดเกิดขึ้น
หลังจากนั้นสักครู่…
วิ้ง!
เสียงคำรามของโลหะที่หนักหน่วงได้ดังมาจากหม้อยาบุปผา ไฟเล่น
แร่แปรธาตุได้เปล่งประกายไม่หยุด เมื่อไฟเล่นแร่แปรธาตุที่ชัดเจน
ได้ส่องสว่างถูกปล่อยออกมาจากด้านล่างของหม้อยามันไม่ได้ดู
เหมือนแสงที่แผ่ออกมาจากยาอมตะ แต่มันให้ความรู้สึกเหนือจริง
และลึกลับเหมือนดูแสงออโรร่าใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืนของขั้วโลกเหนือ
หนิงเถาได้ศึกษาหนังสือการเพาะปลูกที่ซวนเทียนซีเหลือทิ้งไว้
เบื้องหลังและหนึ่งในนั้นมีชื่อว่า “ออร่าของยา” หลังจากอ่านหนังสือ
เล่มนี้จบและศึกษาหัวข้อเพิ่มเติมแล้วเขาก็เข้าสู่ระดับใหม่ของความ
เข้าใจเกี่ยวกับแสงยาอมตะ
แสงยาอมตะที่เป็นผลึกสีขาวเป็นรูปแบบพื้นฐานที่สุด แสงยาอมตะ
ที่มีแสงสีน้ำเงินเป็นแสงระดับต้น ผู้ฝึกตนที่สามารถทำยาที่มีแบบนี้
ได้จะถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในการปรุงยาอมตะทันที คนเหล่านี้ต่างก็
ถือเป็นพรสวรรค์ในยุคโบราณ
แสงพื้นหลังสีขาวและผลึกที่มีสีแดงจะเป็นแสงยาอมตะขั้นสูง ผู้ฝึก
ตนที่สามารถสร้างยาแบบนี้ขึ้นมาได้พวกเขาหรือเธอจะได้รับการ
พิจารณาว่าเป็นปรมาจารย์แห่งการปรุงยาและจะสามารถสร้างนิกาย
ของตนเองได้โดยอาศัยคำสอนของตนเอง
เปลวไฟสีทองที่แผ่ออกมาจากแสงพื้นหลังถือได้ว่าเป็นแสงยาอมตะ
ของนักบุญ การที่จะสามารถสร้างยาที่มีลักษณะแบบนี้ได้นอกจาก
นักปราชญ์แห่งยุคแล้ว ก็มีเพียงพวกที่อยู่ครึ่งทางที่จะกลายเป็นเทพ
เท่านั้นที่สามารถทำได้
สำหรับระดับสูงสุดของแสงยาอมตะหนิงเถายังไม่พบบันทึกใด ๆ
อย่างไรก็ตามยาอมตะที่เปล่งแสงแห่งจิตวิญญาณน่าจะเป็นยาใน
ตำนานแห่งความเป็นอมตะ ผู้ฝึกตนที่สามารถผลิตยาแบบนี้ขึ้นมา
ได้อาจจะถือว่าเป็นเทพได้เลย
ด้วยความรู้ที่ได้รับมา หนิงเถาสามารถตัดสินได้อย่างง่ายดายโดยดู
เพียงรูปลักษณ์ของตัวบาเท่านั้นว่ามันประสบความสำเร็จหรือไม่
“มันเป็นเพราะสูตรส่วนที่สองทำให้เนื้อหามันครอบคลุมมากขึ้น
หรือเป็นเพราะความสามารถของฉันมันพัฒนาขึ้นกันนะ?” หนิงเถา
อดสงสัยไม่ได้ อย่างไรก็ตามไม่นานก่อนที่เขาจะยอมแพ้ในการ
ค้นหาคำตอบที่เขาไม่สามารถหาคำตอบได้ เขาสอดมือเข้ากับหม้อ
ยาตรงหน้าและหยิบยาอมตะขึ้นมา
ยาอมตะต้นกำเนิดบรรพบุรุษนี้มีขนาดเท่ากับไข่นกพิราบ มันใส
และมีแสงสีฟ้าอยู่ภายในมี “ออร่า” อันลึกลับและกลิ่นหอมของยา
อมตะโชยออกมาอย่างชัดเจน
ไม่นานกว่าสองสามวินาทีก่อนที่อาการแพ้ของหนิงเถาจะถูกกระตุ้น
ขึ้นมา
คลินิกนภาก็ยังคงเป็นคลินิกนภาเหมือนเดิม กระถางธูปหน้าคนดี –
ชั่วชั้นยังคงวางอยู่ที่เดิม แต่กลับมีบุคคลอื่นปรากฏขึ้นมาแทน
เงานั้นเป็นหญิงชราที่แห้งเหี่ยวและทรุดโทรมนั่งอยู่ ตรงหน้าเธอคือ
หม้อยาบุปผา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยริ้วรอยของกาลเวลา ยิ่งไม่
ต้องพูดถึงผิวของเธอที่มันแห้งจนไม่มีความมันวาวเลยสักนิด เธอดู
เหมือนซอมบี้มากกว่าคนที่มีชีวิต
ภายในหม้อยาบุปผาเองก็ยังมียาอมตะอยู่เช่นกัน แสงของยานั้น
แสดงว่ามันอยู่ในระดับต้นเท่านั้น อย่างไรก็ตามหนิงไม่สามารถ
บอกได้ว่ายาที่อีกฝ่ายทำนั้นคือยาอมตะอะไร?
และเขายังสังเกตเห็นอีกว่าในมือของเธอนั้นยังมีบัญชีใบไผ่อยู่ด้วย
หนิงเถามองไปที่บัญชีแยกประเภทใบไผ่และตกใจทันที : เทพเหมย
เซียง เป็นหนี้ค่าเช่าความดีและความชั่ว 10,000 แต้ม ซึ่งท่านไม่
อาจจะหาค่าเช่ามาใช้ได้ทำให้ต้องใช้พลังชีวิตของตัวเองทดแทน
ติ้ง
พลังชีวิตของท่านไม่เพียงพอ ดังนั้นตามกฎของคลินิกจำเป็นต้องจบ
ชีวิตของท่านเพื่อเป็นการชำระหนี้ในครั้งนี้
ค่าเช่า 10,000 แต้ม?
มันช่างน่ากลัวอะไรแบบนี้!
เห็นได้ชัดว่าเทพเหมยเซียงคนนี้เป็นหนึ่งในอดีตเจ้าของคลินิก การ
ที่เธอเป็นเจ้าของฉายาของเทพนั่นหมายความว่าเธอได้รับการฝึกฝน
จนเป็นเทพแล้วจริง ๆ และถ้าเป็นแบบนั้นทำไมเธอถึงเธอไม่ใช้พลัง
อมตะคงความอ่อนเยาว์ชั่วนิรันดร์เอาไว้? แต่สิ่งที่ทำให้หนิงเถาตกใจ
กว่าเรื่องนี้คือขนาดอีกฝ่ายมีพลังเทียบเท่าเทพแล้วแต่เธอก็ยังคงถูก
คุมขังอยู่ในคลินิกนภา!
สายตาของหนิงเถาเลื่อนไปที่ใบหน้าของเทพเหมยเซียงอีกครั้ง อีก
ฝ่ายยังคงไร้ความรู้สึกอย่างสิ้นเชิงดวงตาของเธอขุ่นมัวและว่างเปล่า
มันเป็นสายตาที่สิ้นหวังมาก!
ภาพในจินตนาการในอดีตได้จางหายไปเหมือนกระแสน้ำที่ลดลง
สภาพแวดล้อมเดิม ๆ ยังคงอยู่ แต่เทพเหมยเซียงก็ไม่มีให้เห็นอีก
ต่อไป
หม้อยาบุปผายังคงอยู่ แต่เจ้าของของมันกลับจากไปตลอดกาล หนิง
เถาเดาว่าเธอน่าจะตายไปแล้ว เนื่องจากเธอเป็นหนี้ค่าเช่าอยู่ถึง
10,000 แต้ม ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นเทพแต่เธอก็น่าจะถูกยัดลงในโลง
ศพอยู่ดี และเมื่อพิจารณาจากผิวพรรณและรูปลักษณ์ของเธอเห็นได้
ชัดว่ามีการใช้พลังชีวิตเพื่อชดใช้หนี้มากกว่าหนึ่งครั้ง
หนิงเถามีความอยากรู้ว่าชะตากรรมของเทพเหมยเซียง ก่อนหน้านี้
นั้นเป็นอย่างไร เขาจึงเริ่มเปิดใช้พลังแห่งกลิ่นของเขาเพื่อสูดดม
กลิ่นยาอมตะที่เหลืออยู่เข้าไปเพิ่ม
ตูม!
กลิ่นยาอมตะได้แทรกซึมเข้าไปในจมูกของหนิงเถาอย่างรุนแรง
ภาพในอดีตได้ฉายในใจของเขาอีกครั้ง แต่ครั้งไม่มีเทพเหมยเซียง
ไม่มีผู้หญิงในชุดแดง แต่มีเพียงสุนัขที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กระถางธูป
เท่านั้น
มันเป็นโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ที่มีดวงตาคู่โตเท่าระฆังทองแดง
ข้างโกลเด้นรีทรีฟเวอร์มีหม้อยาอีกอันวางเอาไว้ แน่นอนว่ามันจะ
เป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากหม้อยาที่เน่าเสียสีทองที่มีท้องใหญ่
หนิงเถาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “สุนัขตัวนี้เองก็เป็นหนึ่งใน
เจ้าของคลินิกนภาด้วยเหรอ? หรือมันอาจเป็นหนึ่งในสุนัขเฝ้ายาม
ของเจ้าของในอดีตกันนะ?”
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็นึกถึงคนพาลคนนั้นที่ชื่อเฉินผิงดาวขึ้นมา
หลังจากที่หนิงเถาได้เห็นจุดจบอันน่าเศร้าของเทพเหมยเซียงจาก
อาการแพ้ยาของตัวเอง เขาก็เริ่มคิดวางแผนที่จะหาทางหาแต้มค่า
ความดีและความชั่วให้ได้มาก แน่นอนว่าเขาไม่ต้องการตายเร็ว
เกินไป แต่หลังจากที่เขาพยายามวางแผนในการเก็บแต้มอยู่นั้น มันก็
มีปัญหาอันหนึ่งปรากฏขึ้นมา นั่นคือจะมีเขาจะต้องช่วยคนดีและ
กำจัดคนเลวมากขนาดไหน?!
ขนาดตัวตนที่มีชื่อนำหน้าว่าเทพยังไม่อาจจะหนีพ้นชะตากรรมนี้ไป
ได้ แล้วเขาที่เป็นเพียงน้องใหม่ในโลกแห่งผู้ฝึกตนจะมีความสามารถ
ทำมันได้ไหม?
ยิ่งไปกว่านั้นผู้ฝึกตนธรรมดารวมไปถึงปีศาจ พวกเขายังมีเส้นทางที่
ตรงไปตรงมาและยังมีโอกาสรอดเมื่อเดินมาจุดปลายทาง มันก็เป็น
เหมือนกับนกของนกฟีนิกซ์ซึ่งมันจะถือกำเนิดขึ้นมาจากความตาย
ได้นั่นเอง แต่สำหรับเขาแล้วถ้าเกิดเขาเดินพลาดเพียงก้าวเดียวนั้น
หมายถึงความตายชั่วนิรันดร์
เห็นได้ชัดว่าค่าเช่าที่ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าของเทพเหมยเซียงนั้น
อาจจะเป็นค่าเช่าสูงสุดที่คลินิกกำหนดเอาไว้แล้ว แต่เขาก็ไม่อาจจะ
คิดแบบนั้นได้ เพราะในอนาคตมักเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนเสมอ
ทันใดนั้นเจ้าสุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ก็หายไปแล้วหม้อยาที่เน่า
เสียก็เช่นกัน
แม้ว่าการแพ้ยาครั้งที่สองจะไม่อนุญาตให้เขาเห็นตอนจบของเทพ
เหมยเซียงหรือผู้หญิงชุดแดง แต่เขาก็ได้รับประโยชน์จากประสบการณ์
นี้มากเช่นกัน เขาได้เรียนรู้โดยไม่คาดคิดว่าเจ้าของหม้อยาบุปผาคือ
เทพเหมยเซียง และเจ้าของหม้อยาที่เน่าเสียนั้นแท้จริงแล้วมันคือ
ชามอาหารของสุนัข!
“คราวหน้าฉันจะไปตามหาหมา…ฮิฮิ! ฉันจะเลี้ยงมันให้กลายเป็น
หมาเหมือนเสี่ยวเทียนฉวนที่ไร้เดียงสา…ฮ่าฮ่าฮ่า…ฉันคือหนิงเถาผู้
กล้า จะไปกลัวทำไงกับแค่ค่าเช่า 10,000 แต้ม!” หนิงเถาพูดพึมพำ
กับตัวเอง “เฉินผิงดาวไม่สามารถทำได้ เทพเหมยเซียงเองก็ไม่
สามารถทำได้เช่นกัน! ฉันหนิงเถาจะเปิดคลินิกในแดนสวรรค์ให้
พวกคุณได้เห็นเอง! อะไรนะ! พวกคุณต้องการแย่งคลินิกนี้ไปจาก
ฉัน? ฝันกลางวันอยู่หรือไง? ดีมาก! งั้นฉันจะทำลายพวกคุณเอง! ฮ่า
ฮ่าฮ่า…”
นี่เป็นผลข้างเคียงของยาต้นกำเนิดบรรพบุรุษ มันจะทำให้คนเราเสีย
สติหลุดเข้าสู่โลกแห่งความฝันและขาดสติ
ทันใดนั้นใบหน้าบนหระถางธูปก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย มันไม่ได้
โกรธ แต่มันไม่มีความสุขอย่างแน่นอน
ก่อนที่สนามพลังของพลังวิญญาณสั่นสะเทือน เมื่อหนิงเถาฟื้นสติ
ขึ้นมาอีกนิดเขาก็รีบมองหาขวดเครื่องเคลือบดินเผาขนาดเล็กเพื่อ
บรรจุยาอมตะต้นกำเนิดบรรพบุรุษที่ถืออยู่ลงไปทันทีก่อนที่เขาจะ
ไม่ลืมปิดมันด้วยไม้ก๊อก เมื่อยาอมตะไม่สัมผัสกับผิวหนังของเขาอีก
ต่อไปและแสงยารวมไปถึงกลิ่นยาได้หายไป สภาพจิตใจของหนิง
เถาก็ค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติ
หลังจากห่างออกไปสักพักหนิงเถาก็ออกจากคลินิกนภา และนำหีบ
ยาขนาดเล็กติดตัวไปด้วย
ค่าเช่า 10,000 แต้มถือว่าเป็นปัญหาที่ห่างไกลสำหรับเขาในตอนนี้
มาก ดังนั้นมันจึงไม่มีประเด็นอะไรที่เขาจะต้องนำมาคิดให้หนัก
สมอง เพราะในตอนนี้เขามีเรื่องเร่งด่วนที่ต้องจัดการ
ทางเข้าของคลินิกนภาจะปิดโดยอัตโนมัติ
หนิงเถามาที่ห้องเช่าแทนที่จะเคาะเขาไขประตูด้วยกุญแจ ทันทีที่เขา
เข้าไปข้างในเขาก็เห็นหยินโมลาแขวนอยู่บนคานหลังคาโดยใช้ผม
ของเขามัดไว้
นั่นเขากำลังนอนหลับหรือฝึกวิชาอยู่กัน?
ก่อนที่หนิงเถาจะพูดหยินโมลาก็ลืมตาและกระโดดลงมาจากคาน
เขาถามอย่างตื่นเต้นว่า “เจ้าได้ปรุงมันขึ้นมาแล้วใช่ไหม?”
หนิงเถาพยักหน้า “ใช่” เขาหยุดชั่วคราวแล้วกล่าวเสริม “ผู้อาวุโส
หยิน! คุณกำลังทำอะไรอยู่เหรอ?”
“นอนหลับ” หยินโมลาพูดทันที “เร็วเข้า! รีบนำยาอมตะต้นกำเนิด
บรรพบุรุษให้ข้าดู”
ประตูห้องหนึ่งเปิดออกไป๋ ซู่เจินและชิงจื้อเดินออกมาจากที่นั่นและ
มาดูยาอมตะต้นกำเนิดบรรพบุรุษที่หนิงเถาได้ปรุงขึ้นมา
หนิงเถาได้หยิบขวดเครื่องเคลือบดินเผาขนาดเล็กที่มียาอมตะต้น
กำเนิดบรรพบุรุษออกมาและส่งให้หยินโมลา หยินโมลาที่เห็นแบบ
นั้นก็รีบรับมาและเปิดจุกไม้ก๊อกออกมาทันที ก่อนที่เขาจะเทของที่
อยู่ข้างในออกมา
ภายใต้การสะท้อนของแสงไฟในห้องแสงของยาอมตะต้นกำเนิด
บรรพบุรุษกลายเป็นอ่อนแออย่างมาก มันกลายเป็นไม่ชัดเจนขึ้นมา
ซึ่งแตกต่างจากก่อนหน้านี้มาก แต่อย่างไรก็ตามกลิ่นของยากลับได้
แพร่กระจายไปทั่วทั้งห้องอย่างรวดเร็ว
หนิงเถากลั้นหายใจ เขาได้รับการฝึกฝนทางการแพทย์ดังนั้นเขาจึงรู้
ว่ามันไม่ดีสำหรับร่างกายของเขาที่มีอาการแพ้บ่อยเกินไป
“ยาอมตะชั้นดี! นี่คือยาอมตะที่ดีที่สุดที่ข้าเคยเห็นมา!” หยินโมลา
อุทานด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความปรารถนา
ชิงจื้อเองก็ได้คว้ายาอมตะต้นกำเนิดบรรพบุรุษจากมือหยินโมลา
ทันที “ให้ฉันดูหน่อย”
หยินโมลากำลังจะกระชากมันกลับ แต่เขาก็ได้วางแขนลงหลังจากที่
เอื้อมมือออกไปบางส่วน นางพยาบาลคนนี้ถือว่าตัวเองเป็นนางสนม
ของหนิงเถา มันคงเป็นเรื่องที่ไม่ดีถ้าเขาจะแย่งของจากมืออีกฝ่าย!
ไป๋ ซู่เจินเองก็สังเกตยาอมตะเช่นกัน ก่อนที่ชิงจื้อที่ยื่นมันมาตรงหน้า
ของเธอ
หนิงเถาเปิดหีบยาขนาดเล็กของเขาก่อนที่เขาจะหยิบมีดผ่าตัดและ
หนังสือเล่มเล็ก ๆ ของใบสั่งยาออกมา
ชิงจื้อทีเห็นแบบนั้นก็ถามอย่างสงสัยว่า “พี่หนิง! นั่นกำลังทำอะไร
เหรอ?”
หนิงเถาตอบว่า“ฉันจะแบ่งมันออกเป็นสี่ส่วนเราจะได้คนละหนึ่ง
ส่วนเท่า ๆ กัน”
“เยี่ยมมาก! เยี่ยมมาก! ฮ่าฮ่า!” หยินโมลารู้สึกตื่นเต้นอย่างไม่สามารถ
ควบคุมตัวเองได้
หนิงเถาไม่ทำให้เสียเวลาอีกต่อไป เขาได้ทำการตัดแนวนอนและอีก
แนวหนึ่งตัดยาอมตะต้นกำเนิดบรรพบุรุษที่มีขนาดเท่าไข่นกพิราบ
ออกเป็นสี่เท่า ๆ กัน มีส่วนหนึ่งสำหรับ ไป๋ ซู่เจิน และ ชิงจื้อ อีก
ส่วนสำหรับ หยินโมลา และส่วนสุดท้ายเป็นของตัวเอง
หยินโมลาไม่สามารถรอที่จะกินส่วนของตัวเองได้ แต่ก่อนที่เขาจะ
ได้เปิดปากขึ้นหนิงเถาก็ได้พูดขัดขึ้นก่อนว่า “ผู้อาวุโสหยินอย่าเร่ง
รีบ คุณตั้งใจจะรื้อบ้านหลังนี้หรือไง?”
หยินโมลาที่ได้ยินแบบนั้นก็แสดงรอยยิ้มอย่างเขินอายออกมา “ข้าดี
ใจเกินไปหน่อย ข้าจะไปหาสถานที่สงบสักแห่งหลังจากนี้”
กริ้ง ๆ ๆ …
จู่ ๆ โทรศัพท์ของหนิงเถาก็ดังขึ้น