Open a Clinic to Cultivate Myself - ตอนที่ 205
บทที่ 205 ฆ่าปีศาจ
เมื่อ หนิงเถา อุ้ม จ้าวหวูซวงผ่านประตูวาร์ปและมาถึงคลินิกเขาก็
ถึงกับล้มลงไปนอนกับพื้นทันที แรงกระแทกไม่รุนแรง แต่มันก็ยัง
ทำให้เขาเจ็บปวดจากบาดแผลที่แขนขวาและหน้าอก เขาอ้าปากค้าง
ด้วยความเจ็บปวด กรงเล็บของไป๋เซิงไม่เพียง แต่ทิ้งบาดแผลอันน่า
สยดสยองไว้ที่แขนขวาและหน้าอกของเขาเท่านั้น แต่กรงเล็บนั้นยัง
มีพิษมากจนบาดแผลของเขาเปื่อยยุ่ย!
หากไม่ใช่เพราะพลังจิตวิญญาณของเขามีคุณสมบัติในการรักษาเขา
คงจะตายไปนานแล้ว ในขณะที่เขาได้โจมตีไป๋ เซิงด้วยเข็มศักด์ิสิทธ์ิ
มันเป็นเวลาที่ดีที่สุดในการฆ่าไป๋เซิง แต่สถานการณ์ของเขาเองก็ไม่
ดีไปกว่าของไป่ เซิงเช่นกัน ถ้าเขายังคงสู้กับอีกฝ่ายอยู่ คงมีแต่พระ
เจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าใครจะเป็นฝ่ายถูกฆ่าก่อน
จ้าวหวูซวงยังคงอยู่ภายใต้ยานอนหลับและเธอคงจะไม่ตื่นเร็ว ๆ นี้
อย่างแน่นอน
หนิงเถาปล่อยเธอลงและนอนหงาย จากนั้นเขาก็กระตุ้นพลังพิเศษ
ของตัวเองเพื่อทำการล้างพิษตัวเองและรักษาบาดแผลของเขา
ในเวลาเดียวกันควันจากกระถางธูปเองก็หมุนวนเป็นคลื่นรอบ ๆ ตัว
ของจ้าวหวูซวง หนิงเถาที่เห็นแบบนั้นก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร
เพราะเขารู้ว่าถึงยังไงมันก็ไม่มีทางรักษาอีกฝ่ายจนกว่าจะตกลง
เงื่อนไขกัน
ในฐานะที่เป็นมนุษย์ที่ยืนอยู่ระหว่างความดีและความชั่ว หนิงเถาไม่
มีความดี – ชั่ว แม้จะทำบุญมากก็ไม่ได้บุญ
สวรรค์ช่างไร้หัวใจและปฏิบัติต่อทุกสิ่งรวมทั้งหนิงเถาด้วยความว่าง
เปล่า
หนิงเถาใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในการขจัดพิษร้ายแรงของกรงเล็บงูของ
ไป๋ เซิงออกจากร่างของเขา ทำให้ในตอนนี้ไม่มีพิษอีกต่อไปและ
บาดแผลของเขาก็เริ่มสมานกันอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นานหนิงเถาก็ลุกขึ้นจากพื้น บาดแผลของเขายังไม่
หายสนิท แต่เขาไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไป อาการบาดเจ็บได้ทำลาย
พลังของเขาอย่างมาก เขาจึงเดินไปที่โต๊ะทำงานของตัวเองและเปิด
ลิ้นชักก่อนที่หยิบยาอมตะชั้นดีที่เขาทำเอาไว้ในกรณีฉุกเฉินขึ้นมา
และกินมันลงไป
ด้วยยาอมตะชั้นเลิศทำให้ทันทีที่มันตกลงไปถึงท้องของเขา เขารู้สึก
ได้ถึงความเย็นที่แผ่กระจายจากท้องของเขาไปยังทุกส่วนของร่างกาย
ซึ่งมันเป็นความรู้สึกที่สะดวกสบายเหมือนกับการอาบแดดยามเช้า
ความอิดโรยและความเหนื่อยล้าจากการบาดเจ็บของเขาก็หายไป
เมื่อรู้สึกดีขึ้นมาแล้วหนิงเถาจึงหยิบยาขึ้นมาอีกหนึ่งเม็ดและกลืนมัน
ลงไปทันที ในครั้งนี้ความรู้สึกเย็นสบายไม่ได้เกิดขึ้น กลับกันเขากับ
รู้สึกถึงความร้อนจากภายในและเริ่มมีไหลเหงื่อออกมากขึ้น
ถึงยังไงยาอมตะก็เป็นยาและมีฤทธ์ิแรงกว่ายาในโรงพยาบาลหลาย
เท่า แม้แต่ตัวของหนิงเถาเองก็ไม่สามารถรับได้มากเกินไป
หนิงเถาที่เห็นสภาพของตัวเองเป็นแบบนี้ก็ไม่กล้ากินอีกต่อไป
ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปอุ้มตัวจ้าวหวูซวงออกจากคลินิกและกลับไป
ที่บ้านเช่าของเขา
หยินโมลา, ไป๋ ซู่เจินและ ชิงจื้อ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครคิดจะนอน
พวกเขาต่างก็เฝ้ารอให้หนิงเถากลับมา
ทันทีที่พวกเขาเห็นเลือดบนตัวหนิงเถา เป็นชิงจื้อที่เป็นคนแรกที่
กระวนกระวายใจ “พี่หนิง! มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเหรอ? พี่ได้รับบาดเจ็บ
ไหม?”
ความห่วงใยของเธอทำให้หนิงเถาอบอุ่นในใจ เขาถึงได้แสดงรอยยิ้ม
ให้เธอและตอบว่า “ฉันสบายดี ไม่ต้องกังวล”
“นายได้ต่อสู้กับไป๋ เซิงใช่ไหม?” ไป๋ ซู่เจินถามด้วยสีหน้าจริงจัง
“ใช่! แต่เขาเองก็ได้รับบาดเจ็บเหมือนกัน” หนิงเถาวางจ้าวหวูซวง
ลงบนโซฟาและเล่าเรื่องราวสั้น ๆ เกี่ยวกับการต่อสู้ของเขากับไป๋ เซิง
เรื่องราวของเขาทำให้ ชิงจื้อ และ ไป๋ ซู่เจินรู้สึกกลัวเป็นอย่างมาก
“สรุปว่างูพิษตัวนั้นจะตายไหมหลังจากที่มันถูกเข็มศักด์ิสิทธ์ิของเจ้า
เข้าไป?” หยินโมลาถามขึ้นมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
หนิงเถาส่ายหัวและพูดว่า “ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน?”
“เขาอาจจะไม่ ดังนั้นทางที่ดีเราเองก็ต้องเตรียมตัวเอาไว้เช่นกัน”
ทันใดนั้นเองก็มีประกายของเจตนาฆ่าในดวงตาของชิงจื้อ “ตอนนี้
เขาไม่สบายดังนั้นสถานที่ที่เขาจะไปก็มีเพียงที่เดียวนั้นคือภูเขาลูก
นั้น! ทำไมเราถึงไม่ไปฆ่าเขาในตอนนี้เลยละ?!”
หยินโมลาเองก็พูดว่า “เจ้าพูดถูก ฆ่ามันในขณะที่มันกำลังได้รับ
บาดเจ็บ! พวกเรามีกันถึงสี่คน แม้ว่ามันจะแข็งแกร่ง แต่มันก็ไม่
สามารถสู้ได้เต็มที่เมื่อได้รับบาดเจ็บแบบนี้อย่างแน่นอน”
ไป๋ ซู่เจินจ้องไปที่หนิงเถาอย่างเร่งเร้า “หนิงเถา! ฉันเองก็เห็นด้วย ถ้า
เราพลาดโอกาสนี้ไปแล้วมันจะไม่มีอีกเป็นครั้งที่สอง”
หนิงเถาที่ได้ฟังความคิดเห็นของทุกคนจบก็พูดขึ้นว่า “มันเป็นโอกาส
ที่ดีจริง ๆ แต่ชิงจื้อ …” เขาพูดจบก็จ้องมองไปที่ชิงจื้อ แน่นอนว่าวิธี
ที่เร็วที่สุดในการไปถึงภูเขาคือทางประตูวาร์ป ครั้งสุดท้ายที่เขาไปที่
นั้นเขาได้ทิ้งประตูเอาไว้เผื่อมีสถานการณ์แบบนี้ อย่างไรก็ตามทุก
ครั้งที่ ชิงจื้อเข้าสู่คลินิกนภาเธอจะถูกระงับและกระบวนการนี้
เลวร้ายยิ่งกว่าความตายสำหรับเธอ
“ฉัน…” ชิงจื้อกัดริมฝีปากบาง ๆ แล้วพูด “ฉันไม่กลัว! พี่สามารถพา
ฉันไปที่นั้นได้เลย!”
“เอาล่ะ! งั้นเราจะไปไปที่อาคารแรกของภูเขากันเถอะ” หนิงเถา
ตัดสินใจ
จากนั้นทั้งสี่ก็มาที่คลินิกนภา แต่ก่อนที่พวกเขาจะเข้าไปชิงจื้อก็รู้สึก
กังวล
หนิงเถาเดินเข้าไปหาเธอก่อนที่เขาจะจับเธอไว้ในอ้อมแขนและพูด
ว่า “คุณไป๋ ! คุณรีบเข้าไปและช่วยนำพัดนิรันด์และมีดผ่าฝืนของผม
มาด้วย ส่วนผู้อาวุโสหยินคุณก็ช่วยผมนำหีบยามาให้ผมด้วย เพราะ
ผมจะต้องรีบนำตัวชิงจื้อออกไปให้เร็วที่สุด”
หยินโมลาและไป๋ ซู่เจินต่างก็พยักหน้าพร้อมกัน
หนึ่งนาทีต่อมาประตูวาร์ปก็เปิดออกในป่ าเชิงเขา หนิงเถารีบวิ่งออก
ไปพร้อมกับชิงจื้อในอ้อมแขน ก่อนที่จะตามด้วยไป๋ ซู่เจินและหยิน
โมลา
ในตอนนี้ชิงจื้อได้นอนในอ้อมแขนของหนิงเถา พร้อมกับใบหน้า
ซีด ๆ ของเธอ
ชิงจื้อไม่มีทีท่าว่าจะอาการดีขึ้นจนกระทั่งหนิงเถาได้ฉีดพลังวิญญาณ
พิเศษของเขาเข้าไปในร่างกายของเธอ หนิงเถาไม่ได้วางเธอลงแต่วิ่ง
ไปที่อาคารแรกโดยมีชิงจื้ออยู่ในอ้อมแขน ขณะที่เขาวิ่งเขาได้รักษา
ชิงจื้อด้วยพลังวิญญาณพิเศษของตัวเองตลอดเวลา
เมื่อถึงเวลานี้แสงและดวงอาทิตย์สีแดงกำลังขึ้นบนท้องฟ้าทางทิศ
ตะวันออก
ทั้งสี่คนมาที่ประตูภูเขา แต่เมื่อพวกเขามองเข้าไปข้างในไม่เพียงแต่
หนิงเถาที่เป็น “คนนอก” เท่านั้นที่ตกตะลึง แม้แต่ไป๋ ซู่เจินและชิงจื้อ
ก็ดูตกใจเช่นกัน
ประตูใหญ่ที่ครั้งหนึ่งเต็มไปด้วยพลังของความโบราณ มาตอนนี้มัน
กับพังทลายลงเหลือเพียงกองซากปรักหักพัง
บันไดหินที่นำไปสู่อาคารแรกไม่ได้สะอาดและเป็นระเบียบอีกต่อไป
มันมีวัชพืชขึ้นรกและเกลื่อนไปด้วยกระดาษชำระถุงขนมพลาสติก
และถังขยะอื่น ๆ เห็นได้ชัดว่าสถานที่แห่งนี้ดูเหมือนจะผ่านไปหลาย
ทศวรรษในชั่วข้ามคืน ตึกถล่มไม่เหลืออะไรเลยนอกจากซาก
ปรักหักพัง
“นี่…เป็นไปได้ยังไง” หนิงเถาพูดขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ “คุณ
ไป๋ ! คุณน่าจะรู้จักที่นี่ดีที่สุด มันเกิดอะไรขึ้น?”
ไป๋ ซู่เจินที่ได้ยินแบบนั้นก็แสดงรอยยิ้มออกมาอย่างบิดเบี้ยวและพูด
ว่า “ฉันไม่รู้! เห็นได้ชัดว่าฉันเป็นลูกสาวบุญธรรมของไป๋เซิง แต่
สำหรับเขาฉันเป็นแค่เบี้ยมันเป็นเรื่องปกติที่เขาจะเก็บบางอย่างเป็น
ความลับจากฉัน”
“ข้าเดาว่ามันควรจะเป็น…” หยินโมลันพูดอย่างเงียบ ๆ “ไป๋เซิงคงมี
เครื่องมือวิเศษที่หลอกตาได้หรือไม่มันก็สามารถร่ายเวทย์มนต์
หลอกตาได้ ครั้งสุดท้ายที่พวกเจ้าเห็นนั้นคงเป็นเพียงภาพลวงตา
เท่านั้น”
ทันใดนั้นหนิงเถานึกถึงบ้านหลังใหญ่ที่เขาเห็นที่เชิงกำแพงที่พังทลาย
เมื่อครั้งแรกที่เขาไปดูชิงจื้อ ซึ่งมันก็เป็นภาพลวงตาที่สร้างขึ้นโดย
โคมไฟสีขาวหลายดวงเช่นกัน แต่ทักษะนั้นมันเป็นของระดับต่ำ
และเขามองผ่านมันได้ในแวบแรก ครั้งสุดท้ายที่เขามาที่อาคารแรก
ของภูเขาหยินเยว่ เขากลับไม่พบข้อบกพร่องใด ๆ ที่นี่!
“พี่หนิง! เราขึ้นไปดูกันเถอะ” ชิงซุยได้พูดขึ้น “บางทีนี่อาจเป็นภาพ
ลวงตาก็ได้”
“เอาล่ะ! เราขึ้นไปดูกันเถอะ” หนิงเถาเองก็ต้องการพิสูจน์เรื่องที่
เกิดขึ้นเช่นกัน
บันไดหินสิ้นสุดในอาคารแรก
ครั้งสุดท้ายที่หนิงเถามาที่นี่สิ่งที่เขาเห็นคืออาคารเก่าแก่โบราณที่ทำ
จากไม้สักทองบริสุทธ์ิดูยิ่งใหญ่ อย่างไรก็ตามในขณะนี้เขาเห็นเพียง
ซากปรักหักพังของกำแพงอาคารไม้โบราณเท่านั้น
ครั้งสุดท้ายที่เขามาที่นี้เขาเคยเห็นต้นไม้สีเงินยืนต้นอยู่ตรงหน้าของ
เขา แต่คราวนี้ต้นไม้นั้นกลับหายไปแล้ว ตำแหน่งเดิมของมันกลายเป็น
หลุมขนาดใหญ่แทนและมันไม่ได้ดูเหมือนเพิ่งถูกขุดเมื่อไม่นานมา
นี้เพราะหลุมนั้นเต็มไปด้วยวัชพืชใบไม้ที่เน่าเปื่อยและซากสัตว์
เห็นได้ชัดว่าพื้นที่ทั้งหมดนี้ตกอยู่ใต้ภาพลวงตาตั้งแต่แรก
จู่ ๆ หนิงเถาก็จำหอคอยหินที่เขาเห็นครั้งสุดท้ายได้ เขารู้สึกสงสัย
สงสัยกับเรื่องนั้น “เป็นเพราะหอคอยหินนั้นเหรอ? ถ้าเป็นแบบนั้น
จริง ๆ แสดงว่ามันจะต้องเป็นเครื่องมือเวทมนตร์ที่มีระดับสูงกว่า
โคมไฟสีเขียวที่ไป๋ ซู่เจินใช้มาก”
“เฮอะ! ฉันไม่เคยคิดว่าผู้ชายคนนั้นจะเล่นกลอุบายแบบนี้ได้!” ชิงจื้อ
ก็ถึงกับตะคอกออกมาเสียงดังหลังจากที่เธอเห็นสภาพทั้งหมด
ในตอนนี้หนิงเถาเริ่มไม่ค่อยมั่นใจว่าไป๋ เซิงจะตายจริง ๆ “ดูเหมือน
ว่าไป๋เซิงจะก้าวหน้าไปบ้างในระหว่างการใช้ประโยชน์จากเงินเพื่อ
ฝึกตน ฉันเจอเครื่องมือวิเศษที่มีส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์จาก
ตะวันตกที่สามารถทำให้ผู้คนคลั่งได้และถึงกับสามารถควบคุมคนได้
และก่อนหน้านี้เพื่อนคนหนึ่งของฉันเคยพูดว่าโลกกำลังจะเปลี่ยนไป
และจะถือกำเนิดของยุคใหม่ ฉันไม่เคยจริงจังกับมันมากก่อน แต่
เมื่อเจอกับสถานการณ์แบบนี้ฉันเริ่มที่จะเชื่อในสิ่งที่เขาพูดขึ้นมา
บ้างแล้ว”
แน่นอนว่าเพื่อนคนนั้นของเขาจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากหลินชิง
หัว และเมื่อหนิงเถานึกถึงชื่อนี้ขึ้นมาเขาก็จะสงสัยว่าตอนนี้อีกฝ่าย
จะเป็นยังไงบ้าง หรือว่ายังมีชีวิตอยู่ไหม?
แน่นอนว่าเรื่องทั้งหมดนี้ไม่มีใครรู้
ชิงจื้อ, ไป๋ ซู่เจินและ หยินโมลาต่างก็ดูหดหู่ เห็นได้ชัดว่าพวกเขายัง
ไม่พร้อมสำหรับยุคใหม่ที่จะมาถึง
หลังจากก้าวผ่านซากปรักหักพังของอาคารแรก หนิงเถาก็มาถึง
สถานที่ที่เขาทานอาหารกับไป๋ เซิงครั้งสุดท้าย มันเคยเป็นศาลา แต่
สิ่งที่เขาเห็นคือความว่างเปล่า
“คุณไป๋ ” หนิงเถาที่เห็นแบบนั้นก็พูดขึ้นต่อว่า “ไป๋ เซิงยังมีสถานที่
ซ่อนตัวที่อื่นอีกไหม?”
ไป๋ ซู่เจินส่ายหัว “ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ดูเหมือนว่ายังมีอีกหลาย
เรื่องที่อีกฝ่ายเก็บมันเป็นความลับจากฉัน”
หนิงเถาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็เปิดใช้ทักษะการดมกลิ่นและการ
มองเห็นของเขาเพื่อตรวจสอบสภาพรอบ ๆ
ไม่มีออร่าของปีศาจหรือพลังงานทางจิตวิญญาณแม้แต่กลิ่นของไป๋
เซิงยังไม่มีเลย
“เฮ้อ! ดูเหมือนว่าเราจะมาเสียเที่ยวแล้วละ” หนิงเถาที่ไม่สามารถหา
อะไรได้ในที่สุดก็ยอมแพ้
พวกเขาหันกลับและลงจากภูเขา ทันทีที่ หนิงเถา, หยินโมลา, ชิงจื้อ
และ ไป๋ ซู่เจินจากไปก็ปรากฏงูตัวเล็ก ๆ โผล่ออกมาจากโพรงบน
ต้นไม้ชูหัวสามเหลี่ยมของมันให้สูงและดูทิศทางที่ทั้งสี่กำลังจะจาก
ไป …
กลับไปที่เชิงหน้าผาที่พวกเขาจากมา แน่นอนว่าชิงจื้อได้มาอยู่ใน
อ้อมแขนของเขาอีกครั้ง ในครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องมีการพูดอะไรเพราะ
หนิงเถาสามารถมองมันผ่านสายตาที่อีกฝ่ายมองมายังเขาได้อย่าง
ชัดเจน
หยินโมลาจ้องมองไปที่หนิงเถา
ปากของไป๋ ซู่เจินโค้งเป็นรอยยิ้มครึ่งหนึ่ง
หนิงเถาที่เห็นแบบนั้นก็ทำได้เพียงยิ้มออกมาอย่างบิดเบี้ยวและเอื้อม
มือไปเปิดประตูและพุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว …
ในบ้านเช่าของหนิงเถา จ้าวหวูซวงค่อย ๆ ลืมตาขึ้น หลังจากปรับตัว
ให้ชินกับแสงได้ไม่นานเธอก็ลุกขึ้นจากโซฟา ก่อนที่สายตาของเธอ
มองไปรอบ ๆ อย่างรวดเร็ว เธอจำสถานที่แห่งนี้ได้ นี่คือบ้านที่หนิง
เถาและชิงจื้อเช่าอยู่ด้วยกัน
“พี่หนิง?” จ้าวหวูซวงได้ส่งเสียงเรียกขึ้นมา
ทันใดนั้นประตูข้างหลังเธอก็เปิดออกและหนิงเถาก็เดินเข้ามาพร้อม
รอยยิ้มบนใบหน้า “ตื่นแล้วเหรอ”
“ทำไมฉันถึงอยู่ในบ้านของพี่ได้” จ้าวหวูซวงถามเกี่ยวกับความ
สับสนของเธอ
หนิงเถาตอบว่า “เธอลืมสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนเช้าตรู่ของเช้าวันนี้ไป
หรือยัง? หลี่เสี่ยวเฟิงได้วางยามื้อเช้าของเธอ และเป็นเพราะเธอไม่ได้
ฟังฉันและยืนกรานที่จะกินมัน มันจึงเป็นผลให้เธอหมดสติไป ฉัน
ไม่ไว้ใจที่จะทิ้งเธอไว้ที่นั่นดังนั้นฉันจึงพาเธอกลับมานอนที่บ้าน
ของฉันแทน”
จ้าวหวูซวงที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้พูดออกมาอย่างโกรธ ๆ ว่า “ไอ้บ้า
นั่นกล้าวางยาในข้าวกล่องของฉันได้ยังไง! ฉันจะโทรเรียกตำรวจ!”
“ไม่มีประโยชน์!. ชายคนนี้ต้องหาพยานจำนวนมากเพื่อพิสูจน์ว่าเขา
เป็นผู้บริสุทธ์ิ อย่าทำอะไรที่มันจะส่งผลเสียกับเธอเลย เพราะฉันได้
ล้างแค้นให้เธอแล้ว” หนิงเถาพูดขึ้นมา แน่นอนว่าเขาไม่มีทางบอก
ว่าเขาได้สอนบทเรียนให้หลี่เซียวเฟิงในลักษณะที่จะป้องกันไม่ให้
เขาก่ออาชญากรรมในลักษณะเดียวกันกับผู้อื่นอีกต่อไป
“ขอบคุณพี่จริง! ถ้าพี่ไม่อยู่ที่นั้นไอ้คนเลวนั้นคงจะ…” จ้าวหวูซวง
พูดมาถึงตรงนี้ก็รู้สึกสะเทือนใจมากจนเธอไม่สามารถควบคุมอารมณ์
ได้อีกต่อไป ทันใดนั้นเธอก็อ้าแขนและพุ่งเข้าไปในอ้อมแขนของ
หนิงเถา
ในขณะนั้นจู่ ๆ ผู้หญิงคนหนึ่งก็เข้ามาในห้อง
“เฮ้? คุณได้กินอาหารเช้าหรือเปล่า?” ไป๋ ซู่เจินถาม
ทันใดนั้นจ้าวหวูซวงก็รู้สึกว่าการกระทำของเธอนั้นช่างเป็นอะไรที่
ดูน่าอึดอัด