Ore no Oyome-san, Hentai Kamo Shirenai: Zero Kyori datta Osananajimi, Kekkon Shita Totan Sokuochi Shite Ore ni Muchuu desu - ตอนที่ 1.1 เรามาแต่งงานกันเถอะ (1)
- Home
- Ore no Oyome-san, Hentai Kamo Shirenai: Zero Kyori datta Osananajimi, Kekkon Shita Totan Sokuochi Shite Ore ni Muchuu desu
- ตอนที่ 1.1 เรามาแต่งงานกันเถอะ (1)
ตอนที่ 1—เรามาแต่งงานกันเถอะ !
.
.
.
“นายอยากซื้อลอตเตอรี่กับฉันมั้ย..?”
ผมเดาว่าเธอคงมีเงินไม่พอที่จะซื้อลอตเตอรี่ด้วยตัวคนเดียวอย่างแน่นอน
มิตะ ซูซูกะ เพื่อนสมัยเด็กที่เอาแต่ใจของผม จู่ๆ ก็ถามขึ้นด้วยท่าทางน่าสงสาร
“ฉัน—ไม่ซื้อให้..”
“นายลองคิดดูสิ ถ้าเราถูกลอตเตอรี่ใช่มะ ฉันกับยูกิจะได้แบ่งกันคนละครึ่ง เราจะได้รางวัล300ล้าน แล้วก็เราจะได้คนละ150ล้าน! หลังจากนั้นชีวิตที่เหลือของเราสองคนจะมีแต่ความราบรื่นยังไงล่ะ”
“ฉันจะตามใจเธอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ…”
คำว่า”ครึ่ง”
อย่างไรก็ตาม ผมยื่นมือไปหาเธอและมอบเงิน 150 เยนให้—ครึ่งหนึ่งของ 300 เยนต่อล็อต
เมื่อได้รับเงินแล้ว ซูซูกะ เพื่อนสมัยเด็กของผมรีบวิ่งไปที่ตู้ลอตเตอรีทันที
“ลอตเตอรี่” อันที่จริง มันเป็นของที่แม้แต่นักเรียนมัธยมก็ซื้อได้
ผมได้ยินมาว่าร้านค้าบางแห่งปฏิเสธที่จะขายลอตเตอรี่ให้นักเรียนมัธยมปลาย
ผมหวังว่าที่นี่เขาคงจะไม่ปฏิเสธเธอนะ —แล้วผมก็รอเป็นเวลาประมาณหนึ่งนาที
“ฉันซื้อใบนี้ค่ะ”
“รับทราบแล้วค่ะ!”
…หลังจากนั้นผมกับซูซุกะก็เดินกลับบ้านด้วยกัน—
[เราไม่รู้ว่าการซื้อลอตเตอรี่ในวันนี้เพียงวันเดียวจะเปลี่ยนชีวิตเราไปตลอดกาล…]
…
(ในเวลาต่อมา…)
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว กว่าผมจะรู้ตัว ปีใหม่ก็มาถึงแล้ว…
ตอนนี้ผมกำลังคิดเกี่ยวกับตั๋วลอตเตอรีที่ซื้อโดยไม่ได้ตั้งใจ
ผมเพิ่งกลับมาจากบ้านแม่ แต่อยากทราบผล เลยไปบ้านซูซูกะเพื่อถามเกี่ยวกับเรื่องนั้น
“สวัสดีปีใหม่จ้า”
“อึม..สวัสดีปีใหม่”
ผมเป็นคนค่อนข้าวสุภาพ แล้วพูด “สวัสดี” ตอบกลับไปแบบสบายๆ
เราเป็นเพื่อนสมัยเด็ก นี่เป็นเรื่องปกติ..
ผมไม่รู้ว่าต้องทำยังไงต่อจากนี้..
“โธ่..อย่างน้อยนายก็ควรอวยพรปีใหม่ให้กับฉันหน่อยซี้~”
“เธอน่ะเก่งทุกอย่างอยู่แล้ว ไม่ต้องพึ่งอะไรพวกนั้นหรอกรู้มั้ย..”
“ตอนนี้ฉันกำลังแข่งกับยูกิเรื่องที่จะเข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงอยู่นะลืมแล้วรึยัง!”
“ครับ-ครับ แล้วลอตเตอรี่ที่ซื้อมาตอนสิ้นปีอยู่ไหนเหรอ…ถึงจะรู้ว่ามันไม่ถูกแต่ยังไงมันก็คาใจอยู่ดี..”
หลังจากซูซูกะยิ้มน้อยๆให้ความรู้สึกเหมือนผมเป็นเด็ก—ซูซูกะก็หยิบถุงลอตเตอรีและพูดราวกับว่าเธอพึ่งนึกขึ้นได้
“ยังไงก็ซะ วันที่ 5 มกราคม ฉันยังไม่ได้ไปฮัตสึโมเดะเลย..”
***ฮัตสึโมเดะ เป็นการไปศาลเจ้าครั้งแรกในปีใหม่ (ประเพณีของญี่ปุ่น)
ผมยังเป็นนักเรียนเตรียมสอบ เป็นเรื่องธรรมดาที่อย่างน้อยผมก็ควรขอพรจากเทพเจ้า
นั่นเป็นเหตุผลที่ผมตัดสินใจพา ซูซูกะไปที่ ฮัตสึโมเดะ แม้ว่าจะเลยเวลามาแล้วก็ตาม
ผมให้ซูซูกะเปลี่ยนชุดเป็นชุดนอน แล้วเราก็เริ่มเดินไปที่ศาลเจ้าใกล้ๆ
ขณะที่เราเดิน ซูซูกะเริ่มตรวจสอบหมายเลขที่ออกในโทรศัพท์ของเธอ
…
“…!!ฮึ”
“ซูซูกะ มีอะไรเหรอ”
“ย-ยูกิ..ฉันคิดว่าฉันโดนแล้ว!??”
“หึ..ฉันคิดว่าเธอหลอกผิดคนแล้วล่ะ เธอจงใจพูดเกินจริงทำให้ฉันตกใจอยู่รึเปล่า—ไหน..เอามานี่ซิ”
ผมหยิบโทรศัพท์ของ ซูซูกะ และตั๋วลอตเตอรีแล้วตรวจดูว่าถูกรางวัลหรือไม่
มาดูกัน เลขออก 56 คู่ 123456734…
“….”
“เห็นอะไรรึเปล่า…”
“มันแย่..ใช่มั้ย”
“ใช่…มันแย่จริงๆ”
ใช่ เราซื้อลอตเตอรีด้วยกัน
ใครจะไปคิดว่าเราจะถูกรางวัลสูงสุด…?
….
…
“ก่อนอื่น เรามาคุยเรื่องนี้กันดีกว่า..”
เราตัดสินใจไม่ไปฮัตสึโมเดะ—
วันที่ 5 มกราคม เราเดินเข้าไปในร้านอาหารครอบครัวที่เปิดทำการอย่างสมบูรณ์ในวันปีใหม่ และเริ่มพูดถึงเรื่องอนาคต
“….เราจะเอายังไงกันดี”
“ในเมื่อเราทั้งคู่ซื้อมันมาทำไมเราไม่แบ่งกันคนละ150ล้านล่ะ..”
“ไม่..ฉันหมายถึงว่าใครควรจะเป็นเจ้าของมัน นายหรือว่าฉัน..”
“เอ๊ะ..เราทั้งคู่ซื้อมันมา ดังนั้นมันสำหรับเราทั้งคู่ อย่าถามอะไรแบบนั้น สิ..”
ตอนนี้จิตใจของผมไม่สามารถสงบได้อีกแล้ว
“ซูซูกะ… ฉันก็เป็นคนช่วยซื้อลอตเตอรีนั่น! อย่าบอกนะว่าฉันไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของมัน?”
แม้ว่าพวกเขาจะเป็นเพื่อนในวัยเด็ก แต่เราก็เป็นคนแปลกหน้าเช่นกัน หากเป็นเงินจำนวนมาก ก็มีโอกาสถูกหักหลังได้เสมอ
ถ้าเกิดว่าเราตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ มันก็เสี่ยง ที่จะโดนมองจากอีกฝ่ายว่าเป็นคนน่าสงสัย
“ไม่จริง!! ยูกิคิดแบบนั้นเหรอ..”
“เอ๊ะ..”
อารมณ์เริ่มขุ่นเคือง
จากนั้นผมก็จำบางอย่างขึ้นได้
“ภาษี…”
ใช่… ถูกตัอง. พวกเราคนใดคนหนึ่งต้องยอมรับของในนามของอีกฝ่ายหนึ่ง และหากต้องมอบของให้อีกคนหนึ่ง อาจต้องจ่ายภาษี ซึ่งนั่นก็คือเงินจำนวนมาก
เป็นภาษีที่เราต้องจ่ายเมื่อต้องการให้เงินจำนวนมากแก่ผู้อื่นตามสัดส่วนที่พวกเขาได้รับ
ปลอดภาษีสูงถึง 1 ล้านเยนต่อปี ผมได้ยินมาว่าจะได้รับการยกเว้นภาษีสูงสุด 1 ล้านเยนต่อปี แต่ถ้าเกินจำนวนนั้น จะมีการเรียกเก็บภาษีในอัตราที่สูงมาก
“ถ้าเราแบ่งกันตามจำนวนนั้น จำนวนภาษีที่เราต้องจ่ายมันก็…เอาเป็นว่าเราเสียเงินจำนวนมาก!”
“ฮือ…เราจะทำยังไงกันดี”
ซูซูกะ กับผมกำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเข้ามหาวิทยาลัยที่ท้าทายที่สุด
น่าเสียดายที่ตอนนี้เรายังเป็นเด็ก เรายังไม่ค่อยรู้เรื่องภาษีและเงินมากนัก
เราคิดที่จะพูดคุยกับพ่อแม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ และตัดสินใจไม่เสียภาษี
อายุ18ปี ในสายตาของคนรอบข้างถือว่าพวกเราเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ในฐานะนักเรียนมัธยมปลาย ซูซูกะกับผมได้ฉลองวันเกิดของเราแล้วและเข้าสู่อายุ 18 ปีอย่างสมบูรณ์
….พ่อแม่ของเราแทบไม่มีสิทธิ์จัดการทรัพย์สินของเรา
แม้ว่าจะต้องพูดคุยกับพ่อแม่ เห็นได้ชัดว่าเงินจะถูกยึดหรือควบคุมในทางใดทางหนึ่งในอนาคต
“ยูกิ เราจะทำยังไงกับภาษีนี่ดี…”
…
“ฉันว่าฉันรู้แล้วว่าต้องทำยังไงกับเรื่องนี้..”
“อะไรเหรอ…?”
ผมไม่ได้พึ่งพาความจริงที่ว่าเรามีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่เรียกว่าสมาร์ทโฟน และผมคิดสิ่งต่าง ๆ ด้วยความคิดของผมเองโดยไม่คำนึงถึงอะไรก่อน
…สุดท้ายผมก็ได้ข้อสรุปที่ไร้สาระเอามากๆ
“การแต่งงาน!’
“เอ….เอ๊ะ.!!??..”
…
“จู่ๆนายก็พูดอะไรออกมาแบบกระทันหันกันน่ะยูกิ—!”
“ไม่ ฉันคิดว่าถ้าเราแบ่งเงินด้วยกันหลังจากแต่งงาน เราจะสามารถใช้มันเป็นทรัพย์สินร่วมกันได้โดยอิสระโดยไม่ต้องเสียภาษี”
“เอาจริงเหรอ..แต่การแต่งงาน..นายก็รู้ ไม่ใช่ว่าเราเป็นคู่รัก เราเป็นแค่เพื่อนสมัยเด็ก ฉันไม่แน่ใจว่ามันจะดีรึเปล่า..”
“แต่ถ้าเราแต่งงานกัน พวกเราคนใดคนหนึ่งก็ไม่สามารถยืนกรานว่าลอตเตอรีนี้เป็นของตัวเอง และเราสามารถหลีกเลี่ยงการโดนหักหลังได้!”
มันเป็นความคิดที่อุกอาจ
เป็นความคิดที่ดี แต่ก็ไม่ใช่ความคิดที่ดีสำหรับเราสองคนที่ไร้เดียงสาทั้งคู่
“ถ้างั้น..ยูกิแต่งงานกับฉันได้ไหม..”
“….”
“…..”
….
“อะ..อึม—มาแต่งงานกันเถอะ”
[ภาษี…]
ผมอดไม่ได้ที่จะนึกถึงคำนั้นที่จู่ๆ ก็ผุดขึ้นมาในหัว
ดูเหมือนซูซูกะจะเห็นด้วยกับผม และเราทั้งคู่ก็มองหน้ากันอย่างใกล้ชิด
เมื่อเห็นสีหน้าที่ตกลงกันบนใบหน้าของซูซูกะ ผมจผมจึงตัดสินใจประกาศขึ้นอย่างชัดเจน—
“มิตะ ซูซูกะ แต่งงานกับฉันเถอะนะ”
“อึ้ม!…ตกลงฉันจะแต่งงานกับนาย!”
…
**ช่วงต้นๆมันก็จะน่าเบื่อหน่อยน้า~ ขอให้ผ่านไปให้ได้สู้ๆ อยู่ด้วยกันก่อน!
จบ~ตอน!! เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น..ไม่รู้เหมือนกันอ่านไม่จบ—