Ore no Oyome-san, Hentai Kamo Shirenai: Zero Kyori datta Osananajimi, Kekkon Shita Totan Sokuochi Shite Ore ni Muchuu desu - ตอนที่ 2.1 สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น (1)
- Home
- Ore no Oyome-san, Hentai Kamo Shirenai: Zero Kyori datta Osananajimi, Kekkon Shita Totan Sokuochi Shite Ore ni Muchuu desu
- ตอนที่ 2.1 สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น (1)
ตอนที่ 2 —สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น
.
.
.
—ผมได้แต่งงานกับซูซูกะ เพื่อนสมัยเด็กของผม
เราเป็นคู่รักที่ไม่แน่นอน และมีโอกาสสูงที่เราจะเลิกกัน
การที่เราตัดสินใจไม่บอกผู้ปกครองน่าจะเป็นเหตุผลที่ดีแน่แล้วอย่างนั้นเหรอ…
ผมทำแบบนั้นไม่ได้ และสักวันหนึ่งการปกปิดนี้ก็ต้องได้สิ้นสุดลงอยู่ดี
สุดท้ายแล้วผมจึงนั่งในห้องนั่งเล่นของบ้านพ่อแม่ของผม
—ยืดท่าทางให้ตรงขณะพูดคุยกับพวกเขา
“พ่อครับ แม่ครับ ผมมีเรื่องสำคัญจะบอก”
พ่อกับแม่ไม่แปลกใจ “เป็นอะไร” พวกเขาถาม
“ผมแต่งงานแล้วครับ!”
.
.
*พรืด—เฮ้อก!!…*
“ฮึก !..เฮอะๆ—”
พวกเขาทั้งสองออกอาการไออย่างเลี่ยงไม่ได้ ผมพยายามอยากจะบอกเขาทุกอย่างและทำให้สถานการ์ผ่อนคลายที่สุด อาจเป็นเพราะผมรีบ แต่ผมก็ยังยืนยันที่จะคุยกันต่อไปโดยไม่ลังเลต่อความรู้สึกพวกเขาสองคน
ผมถูกลอตเตอรี่ แต่งงานกับซูซูกะ และอื่นๆ อีกมากมาย
พอผมเล่าทุกอย่างให้เขาฟังเสร็จ เขาก็โกรธมาก
เห็นได้ชัดว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นหากผมแต่งงานโดยไม่ได้รับความยินยอม…
การแต่งงานในโรงเรียนมัธยมเป็นเรื่องแปลกจริงๆ
แม้ว่าซูซูกะจะเป็นเพื่อนสมัยเด็กของผม แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังสู้หน้าพ่อแม่ไม่ได้
แม้ว่าผมจะถูกลอตเตอรี ผมก็ยังต้องทำให้แน่ใจว่าผมได้รับอนุญาตให้ทำอะไรได้และทำอะไรไม่ได้
“ผมขอโทษ…”
ผมรู้ตัวเองดีว่าทำพลาดไป
ผมได้แต่ก้มหน้าขอโทษพ่อแม่สำนึกถึงความรู้สึกผิดอยู่แต่โดยดี
ผมไม่มีสิทธ์ขัดขืนได้แต่อย่างใด ทำได้เพียงก้มหน้ายอมรับอย่างตรงไปตรงมา
หากไม่โดนอะไรสักอย่างก็ไม่แปลก…
แทนที่จะเป็นความเจ็บปวดจากการถูกตี สติของผมก็ค่อยๆมืดมัวลงเรื่อยๆ
ผมไม่รู้จริงๆ…ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง….
.
.
.
“ตอนนี้เรากำลังจะไปที่บ้านพ่อแม่ของซูซุกะจัง”
พ่อของผมซึ่งกำลังพักผ่อนอยู่ที่บ้านได้เปลี่ยนเป็นชุดสูทเพื่อแสดงความเหมาะสม
ผมเปลี่ยนชุดนักเรียนด้วย ซึ่งเป็นชุดทางการของนักเรียนมัธยมปลาย
จากนั้นผมก็ไปที่บ้านของ ซูซุกะ กับแม่และพ่อของผม
เมื่อเราถึงบ้านของ ซูซุกะ เธอกำลังรอเราอยู่ในชุดพิธีการของเธอ…
…อะไรกันเนี่ย…
มีการประชุมครอบครัวระหว่างผม ซูซุกะ และพ่อแม่ของเราทั้งคู่
คำเทศนาที่ยาวและยาว บทสรุปที่ได้มาคือ……
“ถ้าพวกเธอจัดการเรื่องการเงินได้ ก็ไม่มีปัญหากับการแต่งงาน ไม่ มีปัญหาใหญ่มาก แต่พ่อจะทนกับมัน แต่ในฐานะผู้ปกครอง พ่อขอถามพวกเธอเป็นครั้งสุดท้าย พวกเธอสองคนรักกันจริงๆ ใช่ไหม..?”
พ่อของผมกล่าวปิดท้ายในนามของครอบครัวเรา
เนื่องจากเราเป็นเพื่อนสมัยเด็กกันมานาน พวกเขาจึงไม่สงสัยในความรักที่เรามีให้กัน
ผมรู้สึกดีใจ แต่ไม่ใช่ว่าผมมีความรู้สึกโรแมนติกหรืออะไรแบบนั้น แต่ผมไม่สามารถพูดได้ว่าผมกำลังคิดเรื่องการหย่าร้างหากเราเข้ากันไม่ได้
แม้ว่าเราจะเพิ่งเป็นสามีภรรยากันก็ตาม
ถ้าผมบอกไปว่ากำลังคิดจะอย่ากันจริงๆ ครั้งนี้ผมคงจะถูกซ้อมอย่างหนักแบบไม่ต้องสงสัยเลย
นั่นคือสิ่งที่ผมไม่บอกพวกเขาตรงๆ ว่าผมแต่งงานเพราะคิดว่าจะต้องเสียภาษีของขวัญ—ผมคงมีปัญหาหนักแน่
ถ้าเราจะออกมาบอกว่าไม่รักกัน…มีความเป็นไปได้ที่ผมจะมีโอกาสเสียชีวิตสูง—มาก
การคิดวิเคราะห์ถูกไตร่ตรองมาแล้วอย่างดี
“ฉันแน่ใจว่าเธอจะเข้าใจได้” นี่ คือสายตาที่ผมสบตากับเธอ
“ใช่ครับ!”
“ใช่ค่ะ!”
“เราทั้งสองรักกัน!!”
เราสามารถพูดว่าเรารักกันได้ที่นี่ แต่มีบางครั้งที่เราเข้ากันไม่ได้และเลิกกันหลังจากที่เราเป็นสามีภรรยากันแล้ว
“ฮ่าฮ่า เข้าใจแล้วๆ พวกเธอสองคนมีความรักไม่เหมือนเด็กแล้วจริงๆด้วย”
“ฉันรู้ว่ามันกะทันหัน แต่ก็ดีที่ได้เห็นลูกสาวของเราแต่งงาน มันทำให้เรามีความสุขมากใช่ไหม”
ทันทีที่เทศน์จบ พ่อแม่ของเราก็เริ่มฉลองการเริ่มต้นใหม่ให้กับผมและซูซุกะ
จะจัดพิธีตอนไหน ?
จะไปฮันนีมูนที่ไหน ?
เมื่อไหร่จะมีหลาน ?
พวกเขาถามคำถามทุกประเภทและเราเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่~
.
.
.
วันรุ่งขึ้นหลังจากถูกดุ รับรู้ และเฉลิมฉลอง
ซูซุกะ กับผมนั่งอยู่บนชิงช้าในสวนสาธารณะในช่วงพลบค่ำ
“..ฉันคิดว่าเรากำลังมีปัญหา..”
“อะ..อึม ฉันคิดว่านายก็น่าจะพอเดาออกนะ พวกเขาบอกฉันว่าหลังจบมัธยมปลาย เราจะทำอะไรก็ได้ตามต้องการ มันหมายความว่าฉันต้องย้ายออกจากบ้านใช่ไหม..”
“ก็คงต้องแบบนั้นแหละ..”
การที่เธอพูดแบบนั้นทำให้ผมคิดอะไรได้สักอย่าง
เราเป็นสามีภรรยากันแล้วมันก็แปลกที่เราจะอยู่แยกกันหลังจากไปตลอดเรื่อยๆ
“ถ้าเรามาอยู่ด้วยกันล่ะ..เราแต่งงานกันแล้ว จะมีปัญหาอะไรรึเปล่า”
“…!!?”
“การอยู่ร่วมกันเป็นคำที่ใช้กับผู้ชายและหญิงที่ไม่ได้แต่งงาน ในกรณีของเรา เราอยู่ด้วยกันได้..ใช่ไหม”
“อะ..อึม เราได้ก้าวข้ามการอยู่ร่วมกัน เรากำลังอยู่ด้วยกัน เรามาไกลแล้ว… มันคงไม่ได้แย่ขนาดนั้น พวกเราเองก็รู้จักกันมานาน ไม่ใช่ความคิดที่ดีที่จะเป็นคู่รักธรรมดาเนอะ!!”
จู่ๆซูซุกะก็หน้ามุ่ยครุ่นคิดเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้
“แหวนมั่น!”
เธอพูดด้วยแววตาเป็นประกาย ถ้าผมบอกเธอตอนนี้ว่าผมไม่ซื้อเพราะเราอาจจะหย่ากัน มันคงแย่มาก…
“ฮึ..อะอึ้ม จริงด้วย ถ้ามีโอกาสฉันจะซื้อมัน”
หลังจากนั้นเราพูดคุยเกี่ยวกับอนาคตด้วยอารมณ์ที่ผ่อนคลาย
ขณะที่เรากำลังจะแยกจากกัน ซูซุกะ เงยหน้าขึ่นพูดกับผมอย่างตั้งใจด้วยใบหน้าสีแดงสด..
“….นายอยากจูบลามั้ย..”
“พรืดดด—!! ทำไมจู่ๆ…….เราก็เป็นสามีภรรยากัน ฉันไม่แน่ใจว่าจะพูดอะไร เราผ่านอะไรมามากมาย แต่เรายังคงเป็นคู่รักที่ไม่แน่นอน ฉันจะเก็บมันไว้ก่อน เธอไม่จำเป็นต้องอารมณ์พลุ่งพล่านและจงใจทำอะไรที่ดูเหมือนคู่รัก เอาง่ายๆ ไปตามจังหวะของเราเอง โอเคไหม…”
“ฮิฮิ~ ฉันก็คิดว่าอย่างนั้น ลาก่อน… ฉันกลัวที่จะเจอครูที่โรงเรียนพรุ่งนี้จัง”
เป็นรายงานหลังการดำเนินการ แต่ยังไงผมก็ต้องรายงานไปยังโรงเรียน
ผมไม่รู้ว่าจะเกิดอะอะไรขึ้นต่อจากนี้..ผมแค่กลัว
“ฟุฟุ~ยูกิเองก็ไม่ต้องคิดอะไรมากนะ เรามีเงิน พวกเขาจะไม่ไล่เราออก และถ้ามีใครพูดอะไรกับเราและเราตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย เราก็แค่ใช้เงินแล้วก็ผ่อนคลายกับมัน~”
“อึ้ม ขอบคุณนะ นั่นฟังดูดีเลยล่ะ”
“กลับบ้านปลอดภัยนะคะ คุณ สา มี ของ ฉัน”
“อื้อ..เดินทางปลอดภัยเช่นกันนะคุณ ภรรยา”
พวกเขาจงใจเน้นคำว่า “ภรรยาและสามี” และพูดกัน
คำพูดนั้นสงบเสียจนปากของทั้งคู่ฉีกยิ้มเล็กๆออกมา…
.
.
.
จบ….