Otherworldly evil monarch จอมโฉดแห่ง - ตอนที่ 362 ราชันงูต่อสู้ !
ซิกงอันยี่และคนอื่นๆกำลังเดินออกขณะที่พวกเขาได้ยินวาจาของจวินโม่เซี่ย จากนั้น ซิกงอันยี่ หันไปหา ตวนมู่โฉวเฟิน และยิ้ม จากนั้นเขา อุทาน
“เจ้าโง่ผู้นี้ได้ยางอายนัก เขาทำให้ข้านึกถึงวัยหนุ่มของเจ้า ! ”
มันทำให้ ตวนมู่โฉวเฟิน มีโทสะอย่างมาก เช่นนั้น ข้าคว้ามือของฝ่ายตรงข้าม และตอบ
” ข้า … อย่างไร .. ไม่ ..ไม่ …ไม่ …ไม่ “
ซิกงอันยี่ยกมือยอมแพ้ เขายิ้มแม้นจะดูเหมือนว่าเขากำลังร้องไห้ เขาเอ่ยกับสหายอขงเขา แต่ดูราวกำลังเจ็บปวด
” แย่แล้วท่านพี่ ข้าไม่ควรโกรธเคืองท่าน การได้ฟังวาจาของท่านช่างเจ็บปวดยิ่งนัก เปลี่ยนมันเมื่อข้า ! เหตุใดท่านจึงไม่ ? แม่เจ้า ข้าพยายามที่จักเปลี่ยนนิสัยในการพูดที่น้ำแย่ของท่านมาสิบปี แต่ยังคงเป็นเช่นเดิม ! ”
ตงฟางเหวินชิง ผลัก เก้าอี้เลื่อนของเจวินวูอี้ไปข้างหน้า และหยุดตรงหน้าจวินโม่เซียที่อยู่ท่ามกลางความสับสนนั้น
จวินวูอี้ เลิกคิ้ว และยิ้มหมดหนทางขณะที่เขามองไปยัง หลานชาย จากนั้นเขาถามอย่างนุ่มนวล
“ท่านหรือ ? “
จวินโม่เซี่ยหัวเราะและตอบ
” ลุงสามท่านกล้าหาญยิ่งนัก ! ท่านเพียงคนเดียวสามารถรับมือกับอสูรเชวียนขั้นเก้าได้มากา และ พวกเขาก็ล่าถอยไปแล้ว ! ความจริง พวกเขาล่าถอยไป และท่านยังมิได้หอบเหนื่อยเลย ! น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ! ความจริง ท่านยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้เลื่อนตลอดเวลา ท่านมิได้แม้แต่เคลื่อนไหว ! ข้าน้อยผู้นี้ชื่นชมท่านอย่างแท้จริง ! “
“เจ้าเด็กเลว ! ”
จวินวูอี้เพ่งมองไปที่เขาและคำรามทางจมูก แต่กระนั้นเขาก็ไม่ได้ถามสิ่งใดอีก เขารู้ว่าทั้งหมดนี้ต้องเกี่ยวข้องกับจวินโม่เซี่ย แต่เขาก็มิได้ไต่ถาม นี่มิใช่เวลาที่เขาจักถามสิ่งนั้น เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ชักเจน … มีหลายคนที่อยู่ที่นี้กำลังเฝ้าฟัง และ อีกอย่าง … เขามั่นใจว่าจวินโม่เซี่ยจัดฉากเรื่องนี้ แต่วิธีการของเขานั้นจักต้องเป็นความลับ ดังนั้น ยิ่งมีคนอื่นรู้น้อยเท่าไหร่…ยิ่งเป็นการดี สุกท้าย มันก็จักเป็นความลับต่อไป …
จักเป็นการดีกว่าเมื่อบางสิ่งไม่ต้องรู้
ดังนั้น จวินวูอี้ จึงเลือกปล่อยมันไป
อย่างไรก็ตาม จวินวูอี้ ภูมิใจในตัวหลานของเขา เพราะ หลานผู้นี้ได้ทำให้เกิดปาฏิหารย์ ความจริง เขาไม่มีผู้ใดที่อยู่ฝ่ายเดียวกันหลานชายของเขาสามารถทำสิ่งนี้ได้
อาจบอกได้ว่า ในมุมของเขานั้น เขาเป็นสุดยอดฝีมือในโลกนี้
ในตอนนั้น สนามกลายเป็นพื้นที่ว่างเปล่า
หญิงสาวผู้งดงามและบอบบางยืนอยุ่กลางพื้นที่นั้น ดูราวกับนางเป็นพุ่มไม้ที่อยู่ในหุบเขาดอกไม่ ขณะที่นางยืนอยู่อย่างเงียบสงบ ความงามแบบนี้เป็นสิ่งที่หาได้ยาก แต่ นิสัยของหญิงสาวผู้นี้นั้นหากยากยิ่งกว่าความงาม
ร่างที่อวบอิ่ม ก้นกลม และ เอวของนางที่เรียวจนเกือบจะติดกัน …. ความจริง มันดูราวกับสายลมเบาๆสามารถทำให้ร่างของนางหักได้ สิ่งแรกที่คนจักได้หลังจากที่ทอดสายตาไปที่นางนั้นคือ นางงดงามอย่างมา !
แต่ ไม่มีผู้ใดที่จักรู้สึกเช่นนั้นเมื่อได้เห็นร่างของหญิงสาวผู้นี้ นางดูเหมือน น่ารัก อบอุ่น และมีชีวิตชีวา
ดวงตาของนางใสราวกับน้ำ ใบหน้าชองนางวิจิตจรอ่อนช้อยยิ่งนัก สายลมบางๆก็ดูเหมือนจักลูบไล้เส้นผมเบาบางของนาง นี่ทำให้ผู้คนเชื่อว่านางคือเทพธิดา ยิ่งบุรุษมองไปที่นาง … ยิ่งตกหลุมรักนาง เขารู้สึกได้ว่าสาวชุดเขียวผู้นี้มีใบหน้าที่สดใสบริสุทธิ์ และนางไร้เดียงสานัก และ นี่ทำให้เหล่าบุรุษประสงค์ที่จักปกป้องนางอย่างแรงกล้า
ราชันงู !
เป็นผู้ที่น่าสนใจอะไรเช่นนี้ … ความงามสะพรึงโลกาของสาวงามผู้นี้เป็นของราชันแห่งพิษอย่างนั้นหรือ ? สิ่งที่บริสุทธิ์เช่นนั้นเกี่ยวพันกับ ราชันงูที่ชั่วร้าย และน่าสะพรึงกลัว ได้อย่างไรกัน ?! ความแตกต่างนั้นคล้ายดั่ง สวรรค์และโลกา !
แต่ก็เป็นนาง !
หญิงสาวในชุดเขียวผู้นี้เป็นหนึ่งใน สิบสอง ราชันปิศาจแห่งป่าเทียนฟา ราชัญงูเชวียน ! นางคือ ราชันแห่งพิษ ! และ นางก็เป็นราชันที่น่าหลาวดกลัวที่สุดแห่งเทียนฟา ราชันงู !
นักล่าสีเขียว !
นี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงในสายตาของจวินโม่เซี่ย
ประสกเหมยมิได้ส่งราชัญที่แข็งแกร่งที่สุด … ที่เป็น …กระเรียนคอยาว ..อย่างนั้นหรือ ? พวกเขากลับส่ง ราชันงูมาแทน ? นางจักมีความสามารถยิ่งกว่าเขาอย่างนั้นหรือ ? หรือ นางสามารถใช้พิษเพื่อเอาชนะได้ ?
จวินโม่เซี่ยคิดเรื่องนี้ แต่รู้ได้ว่ามันไม่น่าเกิดขึ้น
สำคัญที่ต้องรู้ว่า ราชันงูคือราชันแห่งพิษ ความจริง นางคือราชันแห่งอสรพิษ แต่กระนั้นผู้ที่นางเผชิญหน้าคือหนึ่งในแปดยอดปรมจารย์ของดินแดน บอกได้เลยว่าไม่มีพิษใดที่สามารถส่งผลกระทบกับพวกเขาได้ … หรือบางทีพิษบางอย่างอาจซึงเข้าไปในร่างของพวกเขาได้ แต่ พิษธรรมดานั้นไม่อาจส่งผลกับผู้ที่มีวรยุทธอยู่ในขั้น เทพเชวียนสูงสุดได้
บอกได้ว่า ยอดปรมาจารย์นั้นมีไหวพริบ และมองการไกลยิ่งนัก ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขามีประสบการณ์การต่อสู้มากมายนัก ชีวิตของพวกเขานั้นมีโอกาสโดนพิษที่อันตรายอยู่มากมาย เนื่องจากพวกเขามีศัตรูที่ลอบวางยาพิษอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น พวกเขาต้อง หาวิธีการรับมือกับเรื่องหล่านั้นไว้ก่อนแล้ว
แล้วพิษจักมีประโยชน์อะไรหากเป็นเช่นนั้น ? แม้แต่พิษในตำนานที่สังหารผู้ที่สัมผัส ก็ส่งผลได้น้อยนิดมากกับ การบ่มเพาะของระดับยอดปรมาจารย์
มีการถทเถียงอย่างดุเดือดในหมู่ยอดปรมาจารย์ที่เป็นตัวแทนของมนุษย์ จากนั้น ร่างในชุดคลุมดำยาวก็เดินขึ้นหน้า และยืนตรงหน้าของ ราชันงู คนผู้นั้นเป็นผู้ที่จวินโม่เซี่ยไม่เคยคาดคิด … ฝ่ายมนุษย์ได้ส่ง ปรมาจารย์เลือดเย็น เล้ยวูเบ้ยไป
ผู้ท้าชิงได้รับการคัดเลือกเร็วกว่าที่จวินโม่เซี่ยคาดไว้ แต่ เขาไม่คิดว่า เล้ยวูเบ้ยจักเป็นตัวเลือกที่ดี ตัวเลือกที่ดีที่สุดควรจะเป็น เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว จักต้องใช้ผู้ที่เคลื่อนไหวได้รวดเร็ว … ผู้ที่จักยุติการต่อสู้อย่างรวดเร็วเพื่อรับมือกับคู่ต่อสู้ที่ใช้ยาพิษเป็นอาวุธ ยิ่งไปกว่านั้น ฝ่ายมนุษย์ต้องใช้ผู้ที่สามารถโจมตีศัตรูจากที่สูงได้ และสามารถหลบเลี่ยงการโจมตีโดยใช้ข้อได้เปรียบทางอากาศและความคล่องตัว
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวนั้นได้เปรียบในสถานการณ์นี้ ยิ่งไปกว่านั้น ฝีมือการต่อสู้ของเขาก็ได้รับมาจากนก และ ศัตรูนั้นคืองู งูเป็นเหยื่อของนกโดยธรรมชาติ ! เหยี่ยว กินงู !
จวินโม่เซี่ยคิดเช่นนี้ เช่นนั้น เหตุใดผู้นำฝ่ายมนุษย์ถึงไม่ทำเช่นนั้น ? ฉีฉางเซี่ยว และ คนอื่นๆต้องการให้ เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ไปต่อสู้ในรอบนี้ แต่ พวกเขาก็ไม่กล้าที่จักเอ่ย สถานการณ์ชัดเจนอย่างมากในจุดนั้น ฝ่ายพันธมิตรจักพ่ายแพ้การต่อสู้สามรอบนี้เนื่องจากพวกพ่ายแพ้ในรอแรกไปแล้ว เช่นนั้น จึงไม่จำเป็นต้องแพ้ในรอบที่สามหากพวกเขาพ่ายแพ้ในรอบที่สองนี้
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวมองไปยัง ลีจื้อเทียน และลูกชายของเขาด้วยความไม่พอใจ ความสัมพันธ์ของเขากับ คุณชายน้อยจวิน ทุกคนเห็นชัดเจน ความจริงคือ สกุลจวินเข้าต่องสู้กับศัตรูที่มีความแข็งแกร่งต่างกันอย่างมาก แต่ พวกเขากลับมาโดยไร้รอยขีดข่วน อาจบอกได้ว่า เทียนฟานั้นประมาท แต่ ผู้ใดจักเชื่อเหตุผลนั้น ?
พวกเขาโชคดีอย่างนั้นหรือ ? ทหารสามร้อยโชคดีอย่างนั้นหรือ ? พวกเขาได้รับพรจากสวรรค์อย่างนั้นหรือ ?
มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่เชื่อเช่นนั้น !
ไม่มีผู้ใดเชื่อว่าสกุลจวินและ เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวจักทรยศแผ่นดินเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวของพวกเขา แต่ หากพวกเขาทำ … เช่นนั้นละ …. ? ผู้ใดจักรับผิดชอบหากเป็นเช่นนั้น ? ดังนั้น เหล่าพันธมิตรจึงตัดสินใจเลือดตัวเลือกที่ดีอันดับสอง และ ส่ง เล้ยวูเบ้ยไปแทน
นอกจากนี้ การบ่มเพาะของ เล้ยวูเบ้ย นั้นล้ำลึกยิ่งกว่า เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว
ทั้งสองฝ่ายส่งคู่ต่อสู้ของเขาไป ยอดปรมาจารย์อันดับห้าจากฝ่ายพันธมิตร … ต่อสู้กับ ราชันงู !
ทันใดนั้น มีแสงเปล่งพุ่งมาจากอีกฝั่งของเทียนฟา และเงาอันทรงพลังก็พุ่งออกไป ความจริงมันเหลือเพียงภาพที่เลือนลางเท่านั้น มันมาอยู่ระหว่าง จวินวูอี้ และ ตงฟางเหวินชิง ราวกับสายผ้า คว้าตัวผู้ที่ยืนอยู่ระหว่างพวกเขา จวินโม่เซี่ย จากนั้น หายไปเช่นเดียวกับสายฟ้า และทิ้งไว้เพียงแค่เงาลางๆเท่านั้น
เงารางๆสองเงามาถึงที่ฝั่งซ้ายและขวาของสนามรบ พวกมันเข้มข้นจนดูราวกับเป็นเส้นตรงที่ขนานกัน ความจริง พวกเขาดูเหมอืนเป้กองทหารที่ยืนเรียงขนาบกันไป และหายไปหลังจากนั้น …
” อวตาลล้านเงา ! โลกาคุมขัง ! ”
เล่ยเปายู่ และ ปู้กวงเฟิง ร้องเตือน ทั้งสองตกตะลึงเมื่อได้เห็นเคล็ดวิชาที่ล้ำลึกของ ราชันเทียนฟา
มีเคล็ดวิชาลับมากมายเพียงใดที่ ประสกเหมย ผู้นี้มีเก็บไว้ ? หรือความแข็งแกร่งของเขานั้น เทียบเท่ากับ ราชันแห่ง โลกเซียนอมตะ ?
แต่ … เทียนฟา … ยัง ….
บุรุษทั้งสองกำลังจะกลืนน้ำลาย
ประสกเหมยใช้เคล็ดอันล้ำลึกของนางเพื่อจับตัวจวินโม่เซี่ย เป็นเคล็ดเดียวกันที่นางใช้เพื่อจัดการกับ ลีจื้อเทียนก่อนหน้านี้ โลกาคุมขัง จวินโม่เซี่ย ได้หลบหนีจากเงื้อมมือของนางก่อนหน้านี้ และนางก็สับสนว่าเป็นได้อย่างไร … แต่นางมั่นใจว่ามันเป็นเคล็ดวิชลึกลับอย่างแน่นอน
แต่ นางก็จับจุด และคิดได้ว่า เป็นไปได้อย่างมากที่ คุณชายน้อยจวิน เป็นศิษย์ของ ยอดปรมาจารย์ลึกลับผู้นั้น นั่นสามารถอธิบายถึงเคล็ดวิชาลึกลับของเขาได้ นางไม่เข้าใจเคล็ดวิชานั้น นางไม่อาจหาวิธีรับมือกับมันได้ แต่ การเฝ้าระวังเจ้าเด็กนั้นไว้ และ การสามารถยับยั้งความปรารถนาของนางได้ เป็นสองเรื่องที่แตกต่างกัน !
ดังนั้น ประสกเหมย จึงใช้เคล็ด โลกาคุมขังเพื่อจับตัวจวินโม่เซี่ย นางมิได้ใช้เคล็ดวิชานี้ในการพยายามครั้งล่าสุดเพราะนางสัมผัสได้ว่าพลังของเด็กผู้นั้นเป็นเพียงขยะ ดังนั้น การใช้เคล็ดชั้นเลิศเช่นนี้นั้นฟุ่มเฟือยเกินไป แต่ นางมั่นใจว่า ฝีมือการหลบเลี่ยงของเขานั้นเป็นเลิศในโลกแม้นว่าความแข็งแกร่งของเขานั้นไร่ค่า ดังนั้น นางจึงใช้ความพยายามทั้งหมดและวิชาที่เฉียบคมนั้นเพื่อจับตัวเขา จากนั้นนางรีบกลับไปยังฝั่งของนาง และโยนเขาก้นกระแทกลงพื้น
“ปั้ง!” ความเจ็บปวดพุ่งทะลุร่างของจวินโม่เซี่ยตอนที่เขาปะทะเข้ากับพื้น เคราะห์ดี ที่ไม่มีก้อนหินอยู่บนพื้น … มิเช่นนั้นต้องมีอะไรบางอย่างแตก …. อืม …
จวินวูอี้เลิกคิ้ว ตงฟางเหวินชิงกระซิบที่หูของเขาอย่างลังเล
” ผู้ที่เพิ่งลงมือไปนั้นคือ ราชันแห่งเทียนฟา … ผู้เดียวกันที่หลงไหลในฝีมืออันยอดเยี่ยมของ จวินโม่เซี่ย ..และ เราก็ได้ยินว่าคนผู้นี้สนใจจักรับจวินโม่เซี่ยเป็นศิษย์ ในสานตาข้า เรื่องนี้ถือเป็นโชคดีมากกว่าโชคร้ายสำหรับจวินโม่เซี่ย เช่นนั้น อย่าประมาท ”
ดวงตาของจวินวูอี้เต็มไปด้วยความกังวล แต่ เขารู้ว่าเขาไม่อาจทำอะไรกับราชันเทียนฟาผู้ทรงพลังได้ เขาได้แต่ภาวนาให้จวินโม่เซี่ยกลับเทียนเชียงอย่างปลอดภัย
ไม่มีผู้ใดคาดว่า ประสกเหมย จักลงมือ หรือใช้เคล็ดวิชานี้ ความจริง แม้แต่จวินโม่เซี่ยก็มิได้คาดคิด แต่ เขาก็ได้รู้ว่าเขามิอาจขยับตัวได้ในตอนที่เขาคิดจักตอบโต้ จากนั้นคุณชายน้อยจวินก็มีความคิดที่จักเข้าไปใน เจดีย์หงส์จวิน เพื่อหลบหนี ท้ายที่สุดแล้ว วิญญาณของเขาก็ยังเชื่อต่อกับ เจดีย์ แต่ เขาต้องตกตะลึงที่พบว่าร่างของเขายังไม่ไปใหน
ร่างของเขานั้นแข็งทื่อไร้ชีวิต !
ประสกเหมยสามารถสกัดปราณทั้งหมดได้ภายใน โลกาคุมขัง จวินโม่เซี่ยคืนสู่สภาพเดิมภายในกรงนี้ นี่คือ … เขากลับไปยังจุดเริ่มต้น วิญญาณของเขาสามารถเข้าไปใน เจดีย์หงส์จวินได้ แต่ร่างของเขาเข้าไปไม่ได้ จวินโม่เซี่ยเกลียดสิ่งนี้ … อย่างแท้จริง !
ตาแก่ผู้นี้ต้องการอะไร …. ? เหตุใดเขาจึงทำกับข้าเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า … ?!
ข้าทำสิ่งใดให้เขาโกรธเคือง ? เหตุใดต้องกระทำไร้ปราณีเช่นนี้ ?! หรือว่าเจ้าเสพติดการทำร้ายข้า ? เจ้าเป็นคนนิยมความรุนแรงหรือ ?! เหตุใดเจ้าทำร้ายข้าในเมื่อมียอดฝีมือเทพเชวัยนอยู่มากมาย ? พวกเขาสามารถทำให้เจ้ารู้สึกสำเร็จได้ดีกว่า เช่นนั้น เหตุใดเจ้าจึงมุ่งเป้ามาที่ข้า ?
จวินโม่เซี่ยยังคงงุนงง
” ทำตัว ! เป็นเด็กดีและนั่งนิ่งๆ ! มิเช่นนั้น เจ้าจักต้องเจ็บตัว ”
ประสกเหมยตบก้นของเขา นางวางร่างของจวินโม่เซี่ยในท่าที่ผู้อื่นจักไม่เห็นการกระทำนี้ จวินโม่เซี่ยที่โดนการข่มเห่งเช่นนี้ ความเจ็บปวดทะลุเข้าไปถึงจิตวิญญาณของเขา แต่เขายังคงอยู่นิ่งๆ ความจริงแล้ว เขายังมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า
ปราชญ์รู้ดีว่าจักต้องไม่สู้หากโอกาศไม่เป็นใจ รอข้าก่อนเถอะ !