Perfect Superstar - ตอนที่ 101 ร่วมงานกันอย่างมีความสุข
ตอนที่ 101 ร่วมงานกันอย่างมีความสุข
หอยขมผัดพริกหนึ่งจาน กุ้งผัดเกลือพริกไทยหนึ่งจาน สันในเนื้อผัดซอส แล้วยังมีมันเทศผัดน้ำส้มสายชู
อาหารพื้นๆ แค่สี่อย่าง เสิร์ฟพร้อมกับออเดิฟเป็นป็อปคอร์นกับยำแตงกวาเย็น ลู่เฉินกับหลี่เฟยอวี่นำเบียร์มาด้วยสองแพ็คเพื่อดื่มฉลองกันให้สะใจในคืนนี้
หลี่เฟยอวี่ดื่มเบียร์อย่างเมามัน พริบตาเดียวเขาก็กระดกเบียร์หมดไปทั้งขวด
เขาวางขวดเปล่าลงบนโต๊ะตรงหน้า เช็ดฟองเบียร์ที่มุมปาก ร้องเสียงดังว่า “สะใจโว้ย!”
ลู่เฉินหัวเราะ “สะใจก็ดี”
หลี่เฟยอวี่พ่นลมหายใจยาว ตอบว่า “สะใจจริงๆ เลย ต้าเฉินนายไม่รู้หรอก ฉันออกอากาศสดมาตั้งนาน ไม่เคยมีความสุขเท่าครั้งนี้มาก่อนเลย ถือว่าไม่เสียใจในภายหลังแล้วละ!”
ลู่เฉินคิดไปคิดมาก็ถามต่อว่า “พี่หลี่ ถ้าฉันเปิดสำนักงานขึ้นมา พี่ยินดีจะมาช่วยฉันไหม”
“นายจะเปิดสำนักงาน?”
หลี่เฟยอวี่กระปรี้กระเปร่าไปทั้งตัว ดวงตาเป็นประกาย “จริงเหรอ”
ลู่เฉินพยักหน้าแรงๆ “จริงๆ!”
การเปิดสำนักงานเป็นความคิดที่มีมานานแล้วของลู่เฉิน เพียงแต่ยังไม่ถึงเวลาที่สมควร ดังนั้นเขาจึงเก็บความคิดนี้ไว้ในใจมานาน ไม่เคยเล่าให้ใครฟังมาก่อน
แต่ตอนนี้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมแล้ว เขาได้เข้าไปอยู่ในวงการและอยู่บนเวทีที่ใหญ่มาก ในอนาคตที่เขาสามารถคาดเดาได้ งานของเขาจะยิ่งยุ่งยากมากขึ้นทุกที เพียงแต่ตอนนี้เขาทำเองคนเดียวไม่ไหว
อย่างเช่นการออกอากาศสดออนไลน์ในคืนนี้ ต้องอาศัยหลี่เฟยอวี่ถึงจะเอาอยู่ และได้รับรายได้ที่ไม่ธรรมดามา
แต่รายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ ในอนาคตยังมีการแข่งขันอีกหลายรอบ ลู่เฉินมุ่งมั่นไปที่เป้าหมายที่จะคว้ามงกุฎ ได้รางวัลชนะเลิศสูงสุด ไม่ควรให้หลี่เฟยอวี่มาช่วยเขาเปล่าๆ ไม่ใช่เหรอ?
แม้ว่าหลี่เฟยอวี่จะไม่สนใจ ยิ่งไปกว่านั้นยังตื่นเต้นและดีใจมาก ลู่เฉินกลับคิดว่าการแก้ปัญหาแบบนี้จะลำบากตอนนี้แต่สบายทีหลัง
วิธีที่ดีที่สุดคือตั้งสำนักงานส่วนตัว สร้างกลุ่มธุรกิจที่เป็นของตัวเอง!
ความจริงนักแสดงหลายคนที่เมื่อเข้าสู่วงการแล้ว มักจะออกจากบริษัทที่ตนเคยเซ็นสัญญาด้วยแล้วออกมาตั้งบริษัทเอง จึงสามารถควบคุมและจัดการอนาคตของตัวเองไว้ในกำมือได้ อย่างเช่นถานหงและเฉินเฟยเอ๋อร์
ลู่เฉินเพียงแต่กระโดดข้ามลำดับขั้นตรงกลาง เข้าควบคุมโชคชะตาชีวิตของตัวเองไว้
แน่นอนว่าลู่เฉินไม่ใช่เหล่าดาราใหญ่โตพวกนั้นที่มีอำนาจหรือมีเส้นสาย ตอนเริ่มต้นแน่นอนว่าต้องยากลำบาก แต่มีสำนวนที่ว่าเหตุเกิดจากคนทำ ตอนนี้เขาก็ได้ยืนอยู่บนจุดที่สูงของเหล่ายักษ์ใหญ่แล้วโดยอาศัยสมบัติล้ำค่าที่ได้มาจากในฝัน
ลู่เฉินเชื่อมั่นในอนาคตอย่างเต็มเปี่ยม!
เรื่องผู้จัดการส่วนตัว ลู่เฉินเลือกพี่สาวของตัวเองลู่ซี ส่วนหลี่เฟยอวี่เหมาะสมจะเป็นผู้ช่วย คอยจัดการธุระงานต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ทำให้เขามีเวลาจดจ่อกับงานเพลงและการแสดงได้อย่างเต็มที่
เมื่อผ่านการคิดและวิเคราะห์แล้ว ลู่เฉินถึงกล้าเอ่ยปากชักชวนหลี่เฟยอวี่ ไม่ใช่แค่ความคิดชั่ววูบ
ลู่เฉินมีท่าทีจริงจัง ทำให้หลี่เฟยอวี่แน่ใจว่าเขาไม่ได้กำลังล้อเล่น
หลี่เฟยอวี่ลังเลเล็กน้อย เขากลืนน้ำลาย จากนั้นจู่ๆ ก็ตบโต๊ะเสียงดัง พูดอย่างฉะฉานชัดเจนว่า “ต้าเฉิน นายต้องการฉัน ฉันก็จะทำ งานหนักงานเหนื่อยฉันทำทั้งนั้น!”
“ตอนนี้งานที่ทำอยู่ไม่น่าสนใจเลยสักนิด ฉันอยากจะลาออกตั้งนานแล้ว!”
การซื้อขายในตลาดรถยนต์ในปัจจุบันไม่ก้าวหน้านัก ศูนย์ตัวแทนบริการรถยนต์ครบวงจร 4S ที่หลี่เฟยอวี่ทำงานอยู่ไม่ได้เป็นร้านใหญ่โตมาก รายได้ของพนักงานอ้างอิงจากยอดขายทั้งนั้น ดังนั้นจึงกระทบกับรายได้เป็นอย่างมาก
ถึงลู่เฉินจะไม่ได้ชวนเขา เขาก็เตรียมตัวจะเปลี่ยนงานอยู่แล้ว
ลู่เฉินพูดต่อว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนี้ อย่ารีบร้อนเกินไป พี่ไปทำเรื่องลาออกให้เรียบร้อย จากนั้นค่อยมาช่วยผม ขั้นแรกต้องหาสำนักงานที่เหมาะสมให้ได้ก่อน แล้วทำเรื่องใบอนุญาตให้เรียบร้อย ขั้นที่สองค่อยๆ หาพนักงานมาเพิ่ม”
เขาเตรียมก้าวเดินทีละก้าว ไม่สร้างกิจการที่ใหญ่โตอย่างรวดเร็วเกินไป เพื่อลดความกดดันทางด้านเงินทุน
“ส่วนเรื่องเงินเดือน เทียบกับที่พี่ได้จากศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร 4S มีแต่จะเพิ่มไม่มีลด แล้วยังมีส่วนแบ่งผลประโยชน์อีก?”
เพราะคิดมานานแล้ว ดังนั้นความคิดของลู่เฉินจึงชัดเจนเป็นพิเศษ
หลี่เฟยอวี่กระหยิ่มยิ้มย่อง “อย่างนั้นก็ดีมากแล้ว”
ทั้งสองรู้จักกันมานาน รู้จักกันอย่างถ่องแท้ เขาเชื่อว่าลู่เฉินไม่มีทางเอาเปรียบเขา
ตอนที่กำลังพูดคุยกันอยู่ ไม่รู้ว่าเขาคิดถึงสิ่งใด สีหน้าเปลี่ยนไปเป็นเหยเก ท่าทางอยากจะพูดแต่ก็ไม่กล้าพูด
ลู่เฉินหัวเราะ “พี่กำลังคิดว่าอยากให้ผมชวนพี่เสี่ยวเหม่ยเข้ามาด้วยใช่ไหม”
ถ้าพูดถึงว่าศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร 4S ยังมีสิ่งใดที่ทำให้เสี่ยวเฟยอวี่ตัดไม่ขาด แน่นอนว่าต้องเป็นพี่เสี่ยวเหม่ย
ความหลงใหลของหลี่เฟยอวี่ที่มีต่อเฉินเสี่ยวเหม่ยนั้นไม่เคยเปลี่ยนแปลง
เมื่อถูกลู่เฉินมองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง หลี่เฟยอวี่ก็หน้าแดงขึ้นมา เกาศีรษะอย่างเก้อเขินและตอบว่า “ฉันแค่คิดแบบนี้ ถ้าลำบากใจละก็…”
“ไม่มีอะไรลำบากใจหรอก!”
ลู่เฉินพูดตัดบท “ในเมื่อเปิดสำนักงานแล้ว แน่นอนว่าต้องมีพนักงานต้อนรับด้วย ถ้าพี่เสี่ยวเหม่ยยินดีลดตัวลงมาอยู่ในที่เล็กๆ ผมก็ยินดีต้อนรับ!”
หลี่เฟยอวี่รู้สึกโล่งใจทันที “เธอน่าจะมาได้นะ ในศูนย์บริการรถยนต์ก็ยังมีลูกค้าไม่น้อยที่ยังคลั่งไคล้เธออยู่”
ลู่เฉินยิ้มอย่างมีเลศนัย เปิดเบียร์ให้เขาพลางพูด “ร่วมงานกันอย่างมีความสุข!”
……
“ร่วมงานกันอย่างมีความสุข!”
วันที่ 11 กรกฎาคม ที่ศูนย์ความคิดสร้างสรรค์หลันเทียน สตูดิโอเนี่ยผาน
มือของลู่เฉินกับมือของหวังฉางเซิงจับกันอยู่ มืออีกข้างของทั้งสองถือเอกสารสัญญาที่เพิ่งเซ็นเสร็จใหม่ๆ
การแข่งขันรอบคัดเลือกความสามารถของรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ เพิ่งจบไป วันถัดมาเขามาที่สตูดิโอ ส่งมอบเพลงในอัลบั้มทั้ง 10 เพลงให้ค่ายเพลงที่ไร้ชื่อในวงการแห่งนี้ไปจัดทำให้สำเร็จ
เมื่อเทียบกับค่าเรียบเรียงทำนองและทำดนตรีเพลงเดี่ยวครั้งก่อน คราวนี้มีงานมากกว่า มูลค่าสัญญาจึงเป็นหนึ่งแสน!
เพลงละหนึ่งหมื่นเหมือนเดิม แต่เพราะเป็นการทำอัลบั้มทั้งชุด และยังต้องมีการอัดเสียงร้องของลู่เฉินเพิ่มด้วย ดังนั้นจึงเรียกราคาสูงขึ้นไม่น้อย กำหนดเวลาการทำก็ต้องยืดยาวออกไปอีก
เมื่อผ่านการทำงานร่วมกันในครั้งที่แล้ว ลู่เฉินเชื่อใจในสตูดิโอเนี่ยผานมากพอ เขาชื่นชมการทำงานที่ตั้งใจและเป็นมืออาชีพ จึงยอมมอบภารกิจสำคัญนี้ให้แก่ทางสตูดิโอเป็นคนทำ
ลู่เฉินวางแผนไว้ว่า จะทำเพลงใหม่กับแข่งขันรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ ควบคู่กันไป หยิบยืมเวทีและช่องโทรทัศน์ป่าวประกาศผลงานของตัวเอง สุดท้ายก็จะผลักดันอัลบั้มใหม่… ‘ธุลีรักในสายลม’ ออกสู่ตลาดอย่างเป็นทางการ
เขาตั้งความคาดหวังสูงมากกับสตูดิโอเนี่ยผาน แม้ว่าจะสู้ค่ายเพลงเทียนไล่ไม่ได้ แต่ก็ต่างกันไม่มาก
ผู้จัดการของสตูดิโอเนี่ยผานหวังฉางเซิงรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างที่สุด
“ขอบคุณครับ!”
ลู่เฉินตอบกลับ “ผมก็ต้องขอบคุณพวกคุณ เพลง ‘เดินไปร้องไป’ ทำทำนองออกมาได้ดีมากเลย”
หวังฉางเซิงยิ้มจนตาหยี “การแข่งขันรอบความสามารถเมื่อคืนผมได้ดูแล้ว คุณลู่ทำออกมาได้ดีมากครับ ต้องขออภัยจริงๆ เมื่อครู่ผมลืมแสดงความยินดีกับคุณที่ผ่านเข้ารอบ 32 คน!”
ลู่เฉินเอ่ย “ถ้าผู้จัดการหวังอยากขอโทษผมจริงๆ ช่วยผมสักอย่างได้ไหมครับ?”
หวังฉางเซิงอึ้งไปพักหนึ่ง แต่พอฟังเข้าใจแล้วก็รีบรับคำ “ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหา คุณบอกมาได้เลย ขอแค่ผมช่วยได้ ผมจะต้องหาวิธีทำมันให้สำเร็จ!”
หวังฉางเซิงแม้จะไม่ใช่ผู้จัดการที่หลักแหลม แต่เขามองออกว่าศักยภาพของลู่เฉินแข็งแกร่งขนาดไหน ลูกค้าประเภทนี้ต้องยึดไว้ให้มั่น ถึงตอนนั้นสตูดิโอเนี่ยผานไม่เพียงแต่จะเอาตัวรอดผ่านความยากลำบากในตอนนี้ไปได้ ยิ่งกว่านั้นยังจะได้โบยบินโด่งดังเลยทีเดียว!
สวรรค์เมตตาการการเซ็นสัญญาเมื่อครู่ ผู้จัดการหวังแทบอยากให้ลูกสาวของตัวเองได้แต่งงานกับลู่เฉินเลย!
เขาทุ่มเทแรงกายแรงใจไปมากเหลือเกินเพื่อค่ายเพลงนี้
ลู่เฉินยิ้มกล่าว “ไม่มีมากมายอะไรครับ คือผมเตรียมจะเช่าห้องทำสำนักงานในศูนย์ความคิดสร้างสรรค์หลันเทียน เตรียมจะเปิดค่ายเพลงของตัวเอง ใช้พื้นที่ประมาณหนึ่งร้อยถึงสองร้อยตารางเมตรก็เพียงพอแล้ว ผู้จัดการหวังคุ้นเคยกับที่นี่ดี ช่วยดูให้ผมหน่อยได้ไหมครับ”
นักร้องนักแสดงสมัยนี้นิยมเปิดค่ายเพลงของตัวเอง แต่พวกเขาเหล่านั้นเป็นดาราซูเปอร์สตาร์ทั้งนั้น ลู่เฉินอยากจะเปิดค่ายเพลงของตัวเอง ทำให้หวังฉางเซิงตกใจไม่มากก็น้อย
แต่ค่ายเพลงของลู่เฉินก็ไม่ได้แก่งแย่งชิงดีกับสตูดิโอเนี่ยผาน ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่นำเพลงในอัลบั้มของตัวเองมาให้สตูดิโอเนี่ยผานทำให้ และไม่ต้องให้หวังฉางเซิงช่วยเหลือ
ทั้งสองค่ายเพลงจะร่วมมือทำงานด้วยกันอย่างเป็นมิตร หวังฉางเซิงคิดได้ดังนี้จึงรีบตอบกลับว่า “ไม่มีปัญหาครับ ผมจะช่วยคุณหาออฟฟิศที่เหมาะที่สุดให้ได้ ต่อไปเราจะได้เป็นเพื่อนบ้านกันแล้ว เหอะๆ”
เขาพูดไปแล้วเขาก็หัวเราะออกมา
ลู่เฉินพยักหน้า แต่ใจกลับลอยไปสู่ที่แสนไกล
………………………………………………………………………..