Perfect Superstar - ตอนที่ 315 เส้นทางธรรมดา
ตอนที่ 315 เส้นทางธรรมดา
“…
ฉันเคยข้ามภูเขาและมหาสมุทร
เคยข้ามผ่านผู้คนนับไม่ถ้วน
ฉันเคยมีพร้อมทุกสิ่ง
ในพริบตากลับเหลือเพียงควัน
ฉันเคยหดหู่ ผิดหวัง หลงทาง
จนได้เห็นความธรรมดาเป็นคำตอบเดียว!
…”
เพลง ‘เส้นทางธรรมดา’ เป็นเพลงที่ลู่เฉินตั้งใจแต่งขึ้นมาประกอบโฆษณารถยนต์จงหวา R100 เป็นเพลงแนวทริปฮอปผสมกับแนวสตริง เพลงทั้งเพลงมีกลิ่นอายของเพลงบัลลาดอย่างเข้มข้น ท่วงทำนองที่ชักช้าอ้อยอิ่ง กับเสียงร้องอันสดใส และเสียงฮัมทุ้มต่ำ ทำให้เพลงนี้ให้อารมณ์อบอุ่นและเศร้าสร้อยไปพร้อมกัน
ลู่เฉินใช้วัตถุดิบบนอินเทอร์เน็ตมาตัดต่อเป็นเนื้อหาในมิวสิควิดีโอ คอนเซปต์หลักคือรถและวิวทิวทัศน์ ภาพที่เปลี่ยนวิวไปเรื่อยๆ ประกอบกับเสียงเพลงที่ลอยมาเข้าหูและเนื้อร้องที่กระทบใจซึ่งส่งเสริมกันให้ไพเราะยิ่งขึ้น เกิดเป็นเสน่ห์อันประหลาด ชักนำหัวใจของคนฟังให้พุ่งทะยานไปข้างหน้าพร้อมกับตัวรถ
มันทำให้ผู้ฟังรับรู้ถึงความเงียบสงบและความอ่อนเยาว์ รวมทั้งการค้นหาเส้นทางสู่อนาคตท่ามกลางความเศร้าโศกและหลงทาง
“…
ฉันก็เหมือนเธอ เหมือนเขา เหมือนต้นไม้ใบหญ้า
ท่ามกลางความสับสน นี่คือฉันเอง
มีเพียงเส้นทางเดียวที่ต้องเดิน!
เวลาไม่เคยมีคำพูด มันเป็นเช่นนี้
วันพรุ่งนี้รออยู่ via via
ทางที่ลมพัดผ่านยังอีกยาวไกล
เรื่องราวของเธอเล่าถึงไหนแล้ว”
อารมณ์ตกใจและงงงันปรากฏอยู่ในแววตาของจวงจิงเหว่ย
ก่อนที่เขาจะได้ดูมิวสิควิดีโอโฆษณาชุดนี้ ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์แห่งบริษัทโฆษณาม่ายซื่อยังคับข้องใจอย่างหนักกับผลงานที่ลู่เฉินทำมา เขาแทบทนไม่ได้ เตรียมจะสั่งสอนลู่เฉินสักที ทำให้ฝ่ายหลังรู้ว่าเมื่ออยู่ในถิ่นของผู้เชี่ยวชาญ ไม่ใช่ว่าใครจะแทรกขาเข้ามาก็ได้
แต่เมื่อมิวสิควิดีโอถูกฉายไปครึ่งหนึ่ง จวงจิงเหว่ยนิ่งงัน
หากดูจากการทำวิดีโอโฆษณาชุดนี้เพียงอย่างเดียว เนื้อหาในมิวสิควิดีโอถูกทำขึ้นมาอย่างหยาบๆ งานตัดต่อแบบมือสมัครเล่น ระหว่างการเปลี่ยนภาพแต่ละครั้งดูไม่เป็นธรรมชาติเลย ดูออกว่าถูกทำขึ้นโดยคนมือใหม่
ถ้าบอกว่ามันถูกทำขึ้นโดยเจ้าหน้าที่เทคนิคของบริษัทม่ายซื่อ จวงจิงเหว่ยคงต้องไล่เจ้าหน้าที่คนนั้นออกไปเลย
แต่จวงจิงเหว่ยไม่ถึงกับโง่ใช้จุดนี้โจมตีลู่เฉิน
เพราะเนื้อหาในตัวอย่างโฆษณานี้ เหมือนกับการเขียนบทคร่าวๆ สำหรับถ่ายทำภาพยนตร์ เทคนิคนั้นไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือหัวข้อที่มีความคิดสร้างสรรค์ คอนเซปต์ และการแสดงออก
นี่เป็นสามสิ่งที่สำคัญที่สุด จวงจิงเหว่ยกลับหาจุดบกพร่องออกมาไม่ได้เลย!
ดนตรีประกอบดีมาก เพลงธีมก็ดีมาก!
กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของรถยนต์สเตชันแวกอนรุ่นนี้ คือคนทำงานออฟฟิศที่มีฐานเงินเดือนสูงในเมือง อายุอยู่ในช่วง 25-40 ปี พวกเขามีพื้นฐานทางการเงินและการงานที่ดี ไขว่คว้าการใช้ชีวิตอย่างอิสระและดื่มด่ำกับความสุข
ชอบขับรถออกไปท่องเที่ยว เป็นหนึ่งในจุดเด่นของกลุ่มคนระดับนี้
ไอเดียโฆษณาของลู่เฉิน หรือพูดอีกอย่างก็คือมิวสิควิดีโอโฆษณาชุดนี้ สามารถสัมผัสถึงจุดกระสันในจิตใจของกลุ่มลูกค้าได้อย่างไม่ต้องสงสัย มันจริงใจและเปิดกว้างพอ สิ่งที่บอกเล่าคือการเดินทางของชีวิตที่ไม่ธรรมดา
ในเนื้อเพลงเจือปนด้วยความหยาบกร้าน ท่อนแร็ปในตอนท้ายกระทบใจคน ถ่ายทอดเสียงที่อยู่ในหัวใจของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายออกมาอย่างแท้จริง เป็นบทเพลงอันไพเราะที่เปี่ยมล้นด้วยอารมณ์แห่งชีวิต!
จวงจิงเหว่ยฟังอยู่ ดูอยู่ ยังอดรู้สึกว่าอยากจะออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกบ้างไม่ได้
ไม่เหมือนกับโฆษณารถยนต์ทั่วไป ไม่มีการเอ่ยถึงจุดเด่นของรูปลักษณ์รถยนต์และอุปกรณ์ประกอบ และไม่มีการแนะนำตัวสินค้า สิ่งที่วิดีโอชุดนี้แสดงออกคืออารมณ์อันหนักแน่นร้อนแรง
มีเพียงวิธีนี้ถึงจะทำให้คนประทับใจได้!
ตอนท้ายของวิดีโอ หลังจากเสียงเพลงจางหายไป ภาพเปลี่ยนเป็นดำมืด สโลแกนของโฆษณาปรากฏขึ้นมาเงียบๆ
ร่างกายยังอยู่ที่เดิม แต่หัวใจล่องลอยไปไกล
หลังจากสโลแกนเลือนรางลงไป โลโก้ของรถยนต์จงหวากับรถรุ่น R100 ค่อยๆ ปรากฏขึ้น
ภาพค้างหยุดอยู่ตรงนั้น!
ในห้องประชุมเงียบสนิท ช่วงเวลาราวกับหยุดนิ่ง
ผ่านไปครู่หนึ่งไม่รู้ว่าใครเป็นคนเริ่มปรบมือขึ้นมาก่อน จากนั้นเสียงปรบมือก็ดังขึ้นมาทั้งห้อง
คนที่นั่งอยู่ครึ่งหนึ่งเป็นเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทโฆษณาม่ายซื่อ ในฐานะผู้ปฏิบัติงานด้านโฆษณา ต่อให้พวกเขาไม่ได้คิดละเอียดลึกซึ้งเท่าจวงจิงเหว่ย ก็วิเคราะห์ออกว่าผลงานโฆษณาชิ้นนี้ดีแค่ไหน
แค่ด้านไอเดียความคิดสร้างสรรค์อย่างเดียว มิวสิควิดีโอโฆษณาชิ้นนี้ไม่ถึงขั้นพิเศษพิสดารแปลกใหม่ ต่อให้ทุ่มเงินทุนสร้างใหม่ทั้งหมดอย่างประณีตก็ไม่อาจได้รับรางวัลจากเวทีระดับนานาชาติได้
แต่คอนเซปต์หลักกับผลิตภัณฑ์มีความสอดคล้องกันมาก โดยเฉพาะเพลงประกอบที่ไพเราะ จะต้องเป็นผลงานโฆษณาดีเด่นชิ้นหนึ่งในตลาดประเทศจีนแน่นอน
ถ้าบวกกับความนิยมของลู่เฉินด้วยแล้ว จะดูถูกอิทธิพลของโฆษณาชิ้นนี้ไม่ได้เลย
สิ่งที่ทำให้คนทำโฆษณารวมทั้งจวงจิงเหว่ยพูดไม่ออกคือ แนวคิดการตัดต่อตัวอย่างวิดีโอโฆษณานี้เกิดจากน้ำมือของศิลปินนักร้องคนหนึ่ง ไม่ใช่คนเก่งในวงการของพวกเขา
ทำให้พวกเขารู้สึกละอาย
หลังจากเสียงปรบมือ ไช่จิ่นถามจวงจิงเหว่ยว่า “ผู้อำนวยการจวง คุณมีความเห็นยังไง”
จวงจิงเหว่ยคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบเสียงทุ้มว่า “ไอเดียกับแนวคิดดีมาก เพลงธีมนี่ชั้นหนึ่งเลย ภาพรวมไม่ต้องเปลี่ยนอะไร แค่ถ่ายทำใหม่ตามแนวคิด จะต้องได้วิดีโอโฆษณาที่โดดเด่นมากออกมาแน่นอน!”
“ในแง่นี้ผมมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม!”
สายตาของเขามองไปที่ลู่เฉิน ก่อนจะทอดถอนใจและเอ่ยอย่างจริงใจว่า “คุณลู่เฉิน ได้ร่วมงานกับศิลปินที่ยอดเยี่ยมอย่างคุณ ช่างเป็นเกียรติกับผมและบริษัทโฆษณาม่ายซื่อของเราจริงๆ!”
คำพูดของจวงจิงเหว่ยทำให้ทุกคนในที่นั้นยิ้มออกมา
คนของบริษัทรถยนต์จงหวาได้ดูวิดีโอนี้แล้ว ตอนนี้มาเจรจาเพราะต้องการความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ เมื่อได้รับคำชื่นชมและการยอมรับจากบริษัทโฆษณาม่ายซื่อแล้ว ก็เป็นการเน้นย้ำว่าสายตาของพวกเขาดูคนไม่ผิด ที่เลือกพรีเซ็นเตอร์คนนี้
เวลามีค่าดั่งทองคำ โฆษณาถ่ายทำเสร็จเร็วเท่าไร ก็ดีกับการโปรโมตรถรุ่นใหม่มากขึ้นเท่านั้น
เพื่อนร่วมงานของจวงจิงเหว่ยไม่เคยเห็นเขายอมให้คนนอกวงการแต่โดยดีมาก่อน ต่างรู้สึกว่าน่าสนใจ อนาคตเอาไปใช้เป็นเรื่องเล่าต่อได้
ส่วนลู่ซีที่มากับลู่เฉินยิ่งดีใจใหญ่ เมื่อเป็นเช่นนี้การเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้บริษัทรถยนต์จงหวานั้นแน่นอนแล้ว
เธอรู้สึกภาคภูมิใจในตัวลู่เฉินมาก
เพลงหนึ่งเพลง มิวสิควิดีโอหนึ่งชุด ทำให้ลู่เฉินได้รับการยอมรับจากบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งสองเจ้าและได้ร่วมงานกัน
ลู่เฉินหัวเราะ “ขอบคุณครับ ผมได้ร่วมงานกับบริษัทรถยนต์จงหวาและบริษัทโฆษณาม่ายซื่อ ถือเป็นเกียรติอย่างสูงเช่นกันครับ!”
ไม่มีการโต้เถียงกันไปมา ไม่มีการทะเลาะเบาะแว้ง บรรยากาศการเจรจาของทั้งสามฝ่ายเป็นไปได้ด้วยไมตรีจิต ตัวแทนของบริษัทรถยนต์จงหวาตกลงยอมรับไอเดียของโฆษณาชุดนี้ทันที ต่อไปจะเป็นการพูดคุยเรื่องรายละเอียดการถ่ายทำ
ลู่เฉินใช้วัตถุดิบนอินเทอร์เน็ตในการตัดต่อ ส่วนใหญ่มาจากภาพยนตร์ทั้งในและต่างประเทศ หากมีปัญหาด้านลิขสิทธิ์ก็ไม่อาจใช้ได้ นอกจากหาซื้อภาพมาแทนที่แล้ว ยังมีฉากที่ต้องถ่ายทำอีกไม่น้อย
ลู่เฉินเป็นหนึ่งในนักแสดงหลัก ย่อมขาดเขาไม่ได้ การเจรจาตกลงกันก่อนนั้นจำเป็นมาก
วันรุ่งขึ้น สตูดิโอลู่เฉินกับบริษัทรถยนต์จงหวาเซ็นสัญญาพรีเซ็นเตอร์อย่างเป็นทางการ
สองปีเป็นเงินสิบสองล้าน ไม่รวมค่าแรงนอกเหนือจากสัญญา เช่นเพลง ‘เส้นทางธรรมดา’ ทางบริษัทจงหวาต้องจ่ายต่างหากอีกห้าแสนหยวนเพื่อซื้อลิขสิทธิ์เพลง
เมื่อมีเงินนี้เข้าบัญชี สภาพคล่องทางการเงินของสตูดิโอลู่เฉินดีขึ้นมาก
การถ่ายทำละครเรื่องใหม่จะเกิดขึ้นในเร็ววัน
แต่ก่อนหน้านั้น ลู่เฉินยังมีกิจกรรมสำคัญอีกอย่างที่ต้องไปเข้าร่วม นั่นก็คือเทศกาลดนตรีกลางแจ้ง 72H!
……………………………………….