Perfect Superstar - ตอนที่ 318 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ
ตอนที่ 318 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ
ค่ำคืนมาถึง เมืองหลวงในเทศกาลโคมไฟถูกประดับประดาด้วยโคมไฟเรียงราย
ห้องหมายเลข 1701 อาคารเจ็ดในเขตชุมชนจื่อเฉิงย่วนมืดสลัว โทรศัพท์มือถือที่ถูกวางทิ้งไว้บนโซฟานั่งเล่นบนชั้นสองกำลังส่งเสียงสั่น ‘ครืดๆ’ อย่างเป็นจังหวะ พร้อมกับแสงไฟสีแดงกะพริบถี่ๆ
เสียงเรียกเข้าดังต่อเนื่องยาวนาน แต่ไม่มีใครไปหยิบมันขึ้นมา พอมันเงียบเสียงลง มือถืออีกเครื่องที่อยู่บนพื้นในห้องนอนหลักที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลก็ดัง ‘กริ๊งๆ’ ตามมา
ไม่ว่ามันจะพยายามส่งเสียงเรียกเจ้าของแค่ไหน ก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง
ผ่านไปอีกนาน เงาร่างหนึ่งมุดออกมาจากผ้าห่มอันอบอุ่น
เท้าเปล่าของเขาสัมผัสพื้น ก้มลงไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา จากนั้นมุดตัวกลับไปในผ้าห่มอีกครั้ง นั่งพิงหัวเตียงเปิดดูโทรศัพท์
“มีอะไรเหรอ”
เฉินเฟยเอ๋อร์มุดหัวออกมาจากผ้าห่ม ถามอย่างสงสัย “ใครโทรมา”
ลู่เฉินตอบอย่างร้อนตัวว่า “เมื่อกี้พี่โทรหาผมตั้งหลายสาย…”
ไม่ใช่แค่หลายสาย บนหน้าจอโทรศัพท์ปรากฏสายที่ไม่ได้รับสิบกว่าสาย!
เฉินเฟยเอ๋อร์หดหัวกลับ บอกอย่างกระอักกระอ่วนว่า “พี่จางต้องโทรหาฉันเหมือนกันแน่นอน”
พี่จางเป็นผู้ช่วยของเธอมาสิบปี และเป็นผู้จัดการส่วนตัวด้วย การติดต่องานกับภายนอกของสตูดิโอเฉินเฟยเอ๋อร์ปกติแล้วมีพี่จางเป็นคนจัดการ เรื่องการติดต่อกับสื่อก็เช่นกัน
พอเธอแย้มพรายความสัมพันธ์ของตัวเองกับลู่เฉินออกไป แน่นอนว่าต้องเกิดแรงสั่นสะเทือน เป็นผลให้ลู่ซีกับพี่จางโทรศัพท์มา…พวกเธอสองคนก่อเรื่องขึ้นก็ต้องออกมาอธิบายสิ
เฉินเฟยเอ๋อร์รีบบอกว่า “นายโทรกลับไปเถอะ บอกพวกเขาว่าไม่ต้องร้อนใจ”
เธอเองก็ร้อนตัว
“พี่…”
ลู่เฉินต่อสายครั้งนี้ยาวนานถึงสิบกว่านาที เขาถูกลู่ซีด่าจนไม่เหลือชิ้นดี
ในฐานะดาราศิลปิน การมีความรักคบหากันนั้นเป็นปัญหาใหญ่ ต่อให้อยากประกาศความสัมพันธ์ออกไป ก็ยังต้องวางแผนให้ดีก่อน อย่างน้อยก็ต้องให้ทางบริษัทหรือผู้จัดการส่วนตัวรับรู้ก่อน เพื่อที่จะได้แจ้งต่อสื่อไปในทิศทางเดียวกัน
เฉินเฟยเอ๋อร์ปล่อยบล็อกออกไปอย่างกะทันหัน หลังจากโพสต์เสร็จกลับไม่สนใจว่าผลจะเป็นอย่างไร เอาแต่ใจมากเกินไปจริงๆ
แน่นอนว่าทั้งสองคนมีสิทธิ์ทำเรื่องเอาแต่ใจ ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์มีสตูดิโอเป็นของตัวเองทั้งคู่ ไม่เหมือนศิลปินคนอื่นที่มีบริษัทเอเจนซี่ดูแล หากมีความรักต้องแจ้งเรื่องและขออนุญาตก่อน
แต่เมื่อเป็นแบบนี้สตูดิโอของทั้งคู่ต่างถูกโจมตีแบบตั้งตัวไม่ติด ทั้งลู่ซีกับพี่จางต้องคอยรับหน้าตอบคำขอสัมภาษณ์ของพวกสื่อที่บ้าคลั่ง แล้วยังต้องโทรติดต่อหาคนทั้งคู่ด้วย
ผลปรากฏว่าโทรอยู่นานครึ่งค่อนวันก็ไม่มีคนรับสาย ตามคำพูดที่ลู่ซีบอกก็คือมันไม่ปกติมากๆ!
ถ้าลู่เฉินไม่โทรศัพท์มาก่อน ทั้งพี่จางกับลู่ซีคงบุกมาถึงจื่อเฉิงย่วนแล้ว
ลู่ซีรู้ว่าลู่เฉินมาที่บ้านนี้ บวกกับคลิปในบล็อก ทำไมจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น!
ลู่เฉินที่เผชิญกับไฟโทสะของพี่สาว เขาทำได้เพียงก้มหน้ายอมรับผิด ไม่กล้าเถียงเลยสักคำ
ผมผิดไปแล้ว ผมทำผิดเอง!
แต่เขาไม่ได้เสียใจเลยสักนิด
ลู่ซีด่าจบแล้ว รู้สึกสบายใจขึ้นนิดหน่อย จึงถามต่อว่า “เฟยเอ๋อร์อยู่กับแกไม่ใช่เหรอ”
ลู่เฉินตอบตามตรง “ใช่ครับ”
ลู่ซีลังเลแล้วถามต่อว่า “พวกแกทั้งสองคน แบบว่า อย่างนั้นกันแล้วใช่ไหม”
อย่างนั้น? อย่างนี้น่ะเหรอ
ลู่เฉินเป็นคนหน้าหนาระดับหนึ่งแล้ว ยังหน้าแดง “เอ่อ…”
คำถามออกจะเกินเลยไปหน่อย เขาไม่รู้จะตอบอย่างไร ได้แต่เงียบ
ลู่ซีแค่นเสียง ‘ฮึ’ แล้วเอ่ยว่า “ฉันรู้จักแกดี…ช่างมันเถอะ ส่งโทรศัพท์ให้เฟยเอ๋อร์ พี่จางจะคุยด้วย”
ลู่เฉินยื่นมือถือให้เฉินเฟยเอ๋อร์อย่างเก้อเขิน “พี่จางจะคุยกับคุณน่ะ”
เฉินเฟยเอ๋อร์แลบลิ้น รับโทรศัพท์มา “พี่จาง…”
เธอถูกพี่จางบ่นยาวเหยียดเช่นกัน แต่พอรับมือได้
ลู่เฉินรับมือถือกลับไป แล้วกดปิดเครื่องทันที คืนนี้เขาไม่อยากถูกคนอื่นรบกวนอีกแล้ว
เฉินเฟยเอ๋อร์ก็คิดเหมือนกัน
…
คืนวันเทศกาลโคมไฟ ตอนสามทุ่ม สตูดิโอลู่เฉินและสตูดิโอเฉินเฟยเอ๋อร์ออกประกาศไล่เลี่ยกัน ยืนยันว่าทั้งสองคนกำลังอยู่ในช่วงคบหาดูใจกัน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนจะแสดงความยินดี
สี่ทุ่มครึ่ง บล็อกลู่เฉิน FMX ได้โพสต์บทความบทหนึ่งที่มีชื่อว่า ‘การได้พบเธอเป็นเรื่องไม่คาดฝันที่สวยงาม’ เนื้อหาของโพสต์มีเพียงรูปภาพจากละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ เพียงรูปเดียว ในรูปลู่เฉินที่รับบทเป็นจวิ้นซีกับเฉินเฟยเอ๋อร์ที่รับบทเป็นเอินซีซบอิงกัน ภายใต้แสงอาทิตย์เจิดจ้าทั้งคู่มีรอยยิ้มที่สดใส
พร้อมกับแท็กเฉินเฟยเอ๋อร์ เฉินเฟยเอ๋อร์ตอบกลับด้วยสติกเกอร์รูปยิ้ม
ถึงตอนนี้ ความรักของคนทั้งสองถูกเปิดเผยออกมา ขณะเดียวกันก็ได้รับคำอวยพรอันอบอุ่นจากบรรดาแฟนคลับ
แม้แฟนคลับส่วนน้อยจะแสดงความผิดหวัง หดหู่ เสียใจ และไม่พอใจ แต่เพราะการปูทางก่อนหน้านั้นเพียงพอ อีกทั้งอิทธิพลล้นหลามจากละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ความจริงทุกคนคาดเดาได้และเตรียมใจไว้ก่อนแล้ว กระทั่งมีหลายคนที่หวังอยากให้พวกเขารีบคบกัน ดังนั้นจึงไม่ได้รู้สึกว่าคาดไม่ถึงมากนัก
เรื่องที่น่ากังวลที่สุดอย่างอารมณ์อันรุนแรงของเหล่าแฟนคลับนั้นไม่ได้เกิดขึ้น
ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์รู้จักกันในรายการประกวดร้องเพลง ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ ของทางสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง ตอนนั้นสถานะของทั้งสอง คนหนึ่งเป็นผู้เข้าแข่งขัน อีกคนหนึ่งเป็นคอมเมนเตเตอร์ จากนั้นก็รู้ใจกันดูแลกันจนเดินมาถึงจุดนี้ กลายเป็นตำนานรักแห่งวงการเพลงป็อปไปแล้ว
ไม่มีใครรู้ว่าทั้งสองจะรักกันไปอีกนานแค่ไหน แต่เพื่อนสนิทในวงการตลอดจนถึงศิลปินดาราที่รู้จักและไม่รู้จัก ต่างทยอยกันเข้ามาแสดงความยินดี ทำให้ข่าวนี้ขึ้นไปติดอันดับบล็อกที่ฮอตที่สุดอันดับแรก
ไม่มีความกังวลใดๆ วันรุ่งขึ้นความรักของลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์กลายเป็นพาดหัวข่าวบันเทิง
เว็บไซต์เฟยซวิ่น ‘นัดกันในวันเทศกาลโคมไฟ ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์เปิดเผยความสัมพันธ์!’
เว็บไซต์เฉาหลิว ’ไม่ใช่ข่าวลือ เฉินเฟยเปิดเผยเสียที!’
เว็บไซต์อี้หว่าง ‘ความรักต่างวัยอีกคู่ ลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์ไม่ต้องหลบซ่อนอีกต่อไป ยอมรับต่อหน้าแฟนคลับเป็นพันเป็นหมื่น’
นิตยสารเอนเตอร์เทนเมนต์วีกลี ‘ละครกลายเป็นเรื่องจริง ความรักของลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ถูกเปิดเผย!’
ข่าวพาดหัว ‘ราชินีแห่งวงการเพลงและหนุ่มนักดนตรีมากพรสวรรค์แฮปปี้เอนดิ้ง!
ข่าวเมืองใหม่ ’เพลง ‘ได้พบ’ บุพเพสันนิวาสอันงดงาม’
เพลงป็อป…
สื่อหลายแห่งขุดคุ้ยข้อมูลของลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์ในอดีต แล้วเอามาประกอบร่องรอยเป็นเส้นทางความรักของทั้งคู่ ใช้ถ้อยคำที่โอ้อวดเกินจริงเพื่อเพิ่มยอดวิวคนดู
นอกจากนี้นักข่าวจากสื่อสำนักต่างๆ ยังไปเฝ้าอยู่หน้าประตูสตูดิโอลู่เฉินและสตูดิโอเฉินเฟยเอ๋อร์ เฝ้ารอเจ้าของข่าวทั้งสองคน หวังจะสัมภาษณ์ให้ได้ข้อมูลข่าวโดยตรง
แต่นักข่าวจากสื่อเหล่านี้กลับผิดหวัง ทั้งสองสตูดิโอต่างปฏิเสธการสัมภาษณ์ ลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน ราวกับระเหยหายตัวไปจากโลก
เพราะทั้งลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์ไม่ต้องการให้เรื่องราวความรักของตัวเองกลายเป็นกระแส จนความรักอันสวยงามของทั้งสองกลายเป็นเครื่องมือหาผลประโยชน์ ยิ่งไม่อยากเป็นประเด็นร้อนของสื่อ
ในวงการบันเทิงมีข่าวใหม่เกิดขึ้นทุกวัน แค่ทั้งคู่ไม่ให้ความร่วมมือ หัวข้อนี้ก็คลี่คลายลงอย่างรวดเร็ว ไม่ตกเป็นที่จับตามองของผู้คนอีกต่อไป
ส่วนลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ก็สามารถดื่มด่ำในห้วงแห่งความรักกันสองคนอย่างสงบสุข
พวกเขาละทิ้งงานที่ทำเท่าไรก็ไม่มีวันหมด โยนงานประจำให้กับผู้จัดการส่วนตัวของตัวเอง แล้วแอบหลบไปเกาะบาหลีเพื่อใช้เวลาวันหยุดอันแสนหวาน
จนถึงวันที่ 2 มีนาคม ลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์จึงกลับถึงปักกิ่ง
อีกสองวัน หรือก็คือวันที่ 4 มีนาคม เทศกาลดนตรีในทุ่งหญ้า 72H ที่โด่งดังที่สุดในประเทศก็จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว ปีนี้ลู่เฉินจะนำทีมพาวงนิพพานออกแสดง!
…………………………………………